บทที่ 918 ความสามารถในการเข้าใจของเทพมารอนการ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 918 ความสามารถในการเข้าใจของเทพมารอนการ

“เขาคิดจะทำอะไร”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว สายตาจับจ้องไปที่ปรมาจารย์ฟ้าทลาย

ปรมาจารย์ฟ้าทลายชูมือขวาขึ้นสูง ฝ่ามือแตะเชื่อมกับหนึ่งในเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุด ดูดซับพลังงานของกฏเกณฑ์สูงสุดสายนั้นอย่างต่อเนื่อง

ปรมาจารย์ฟ้าทลายยังคงมีตบะระดับยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์ เป็นมารมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดของดวงจิตบรรพกาล ทอดสายตามองไปทั่วฟ้าบุพกาล คนที่สู้เขาได้มีไม่กี่คนเท่านั้น และตอนนี้ก็ไม่มียอดมหามรรคกล้าออกไปขัดขวาง

ส่วนเทพมหาทัณฑ์ เห็นได้ชัดว่ายอมอนุญาตโดยปริยายแล้ว

หานเจวี๋ยทำนายไม่ได้ จำเป็นต้องถามในใจว่า ‘เหตุใดปรมาจารย์ฟ้าทลายถึงทำเช่นนี้’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยเขาสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ

เขาลืมตาขึ้นมองออกไป พบว่าตนยืนอยู่บนผืนดินรกร้างเต็มไปด้วยหมอกหนา ปรมาจารย์ฟ้าทลายอยู่เบื้องหน้า

ปรมาจารย์ฟ้าทลายคุกเข่าอยู่ ด้านหน้าเขามีเงาโปร่งแสงกลุ่มหนึ่งลอยอยู่ มองจากรูปลักษณ์แล้ว หากมิใช่ดวงจิตบรรพกาล จะเป็นผู้ใดได้อีกเล่า

“ดวงจิตท่าน มีเรื่องใดจะชี้แนะหรือ”

ปรมาจารย์ฟ้าทลายเอ่ยถาม น้ำเสียงเฉยชา

ดวงจิตบรรพกาลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “อริยะสวรรค์เกรียงไกรแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้ พวกเราจำเป็นต้องวางแผนอีกครั้ง ข้าต้องการให้เจ้าครอบครองกฎเกณฑ์สูงสุดวิถีหนึ่ง ดึงดูดบุตรแห่งสวรรค์นับไม่ถ้วนในฟ้าบุพกาลให้มารับใช้เจ้า เมื่อถึงเวลาเจ้าจงนำเหล่าบุตรแห่งสวรรค์ ส่วนข้าจะนำเหล่ามารมรรคา บุกถล่มมรรคาสวรรค์ให้ราบคาบโดยไม่อาจหยุดยั้งได้ กวาดล้างฟ้าบุพกาล”

ปรมาจารย์ฟ้าทลายตะลึงงัน ถามด้วยความสงสัย “ข้าจะครอบครองกฎเกณฑ์สูงสุดได้อย่างไร”

“ข้ามีวิธี ถึงอย่างไรกายเจ้าก็เป็นมารมรรคา ไม่จำเป็นต้องกลัวตายอีก”

“รับบัญชา”

ถึงแม้ปรมาจารย์ฟ้าทลายจะไม่เข้าใจ แต่ยังคงตอบรับ

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “ระยะนี้ชื่อเสียงของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการโด่งดังขึ้นมา ก่อนหน้านี้ข้าเคยติดต่อกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคราหนึ่ง ข้ามองเขาไม่ออกเลย เขาทำให้ข้ารับรู้ได้ถึงอันตรายอย่างหนึ่ง เกรงว่าพวกเราต้องให้ความสนใจกับเขาแล้ว ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น เหล่าจื่อแห่งโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ เจ้าชะตาแห่งเหล่าผู้กำหนดชะตาเคราะห์ ยังมีดวงจิตโบราณแถบชายขอบฟ้าบุพกาลด้วย ล้วนสามารถเข้าขัดขวางพวกเราได้”

ดวงจิตบรรพกาลเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ฟ้าบุพกาลแห่งนี้กว้างใหญ่นัก แต่ก็เล็กมากเช่นกัน รอจนเจ้าได้ครองกฎเกณฑ์สูงสุดแล้ว เจ้าก็จะเข้าใจเอง ฟ้าบุพกาลกำลังจะตกอยู่ในกำมือของพวกเราแล้ว”

ปรมาจารย์ฟ้าทลายเงียบไป

ภาพลวงตาวิวัฒนาการพังทลายลง

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ขมวดคิ้ว

ครอบครองกฎเกณฑ์สูงสุด จะให้บุตรแห่งสวรรค์ในฟ้าบุพกาลไปรับใช้หรือ

นี่หมายความว่าอย่างไร

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังฉงนอยู่นั้น พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเหนือฟ้าบุพกาล

ปรมาจารย์ฟ้าทลายก็สัมผัสได้เช่นกัน เขาหันไปมอง หรี่ตาลง

เมื่อมองตามสายตาเขาไป แสงกระบี่สายหนึ่งโจมตีขึ้นมาจากฟ้าบุพกาล เงาร่างสายหนึ่งยืนอยู่บนกระบี่ คนผู้นั้นสวมชุดนักพรตเต๋าสีเขียว มือถือแส้ปัดธุลี งามสง่าทรงภูมิ นัยน์ตาเฉียบคม

เหล่าจื่อ!

ปรมาจารย์ฟ้าทลายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้เป็นศิษย์เอกของบรรพชนเต๋านี่เอง!”

เหล่าจื่อสีหน้าเย็นชา กล่าวว่า “สหายเต๋าฟ้าทลายทำเช่นนี้จะทำลายระเบียบแห่งฟ้าบุพกาล ขอเตือนเจ้าว่าอย่าได้ดึงดันต่อเลย”

“ฮ่าๆ สหายเต๋าหลี่ช่างพูดจาเหมือนอาจารย์ของเจ้าไม่มีผิดเลยจริงๆ”

“กฎเกณฑ์สูงสุดมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากสหายเต๋ายังดึงดันทำต่อไป เช่นนั้นข้าก็จะไม่คำนึงถึงมิตรภาพแต่เก่าก่อนอีก จำเป็นต้องลงมือจัดการเจ้า”

เหล่าจื่อจ้องปรมาจารย์ฟ้าทลาย สุ้มเสียงเย็นชา แต่วาจาแข็งกร้าวยิ่ง ไม่ไว้หน้ากันสักนิด

ปรมาจารย์ฟ้าทลายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ลงมือเถอะ! ฆ่าเจ้าเสียก่อน ถือว่ามอบของขวัญพบหน้าชิ้นใหญ่ให้บรรพชนเต๋า!”

“ฮึ่ม!”

เหล่าจื่อสะบัดแขนเสื้อ ปรมาจารย์ฟ้าทลายที่อยู่ใต้เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดพลันแผดแสงเจิดจ้าไปทั่วในทันใด

ฉากต่อสู้อันยิ่งใหญ่พลันอุบัติขึ้น!

หานเจวี๋ยนั่งขัดสมาธิอยู่ในอารามเต๋า รับชมการต่อสู้อย่างได้อรรถรส

นี่เป็นฉากการต่อสู้ของผู้อยู่ในจุดสูงสุดของระดับยอดมหามรรค

ห้วงมิติพังทลาย แต่เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดยังคงอยู่ ไม่ถูกพลังแห่งยอดมหามรรคทำลาย

ถึงแม้การต่อสู้จะน่าหวาดหวั่น ทว่าไม่กระทบต่อฟ้าบุพกาลเลย มีเพียงยอดมหามรรคถึงจะรับรู้ได้ อริยะมหามรรคทั่วไปอย่างมากก็แค่รับรู้ได้ถึงแรงกดดัน มองไม่เห็นตำแหน่งเหนือสุดอันเป็นที่ตั้งของเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุด

เวลานี้เอง

หานฮวงพลันมาขอเข้าพบหานเจวี๋ยที่หน้าอารามเต๋า

หานเจวี๋ยให้เขาเข้ามาได้

หานฮวงเข้ามาคารวะตรงหน้าหานเจวี๋ย จากนั้นเงยหน้าถาม “ท่านพ่อ ท่านสัมผัสได้หรือไม่ว่ามีคนกำลังสู้กันอยู่ด้านบน”

“บนไหนเล่า”

“รู้แค่ว่าอยู่ข้างบน แต่รายละเอียดที่มากกว่านี้ ข้าก็ไม่ทราบแน่ชัดขอรับ”

หานฮวงเกาหัว เขาจ้องมองหานเจวี๋ย เอ่ยต่อว่า “ข้ายืนยันได้นะขอรับ สัมผัสรับรู้ของข้าไม่ผิดพลาดแน่!”

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “สัมผัสรับรู้ของเจ้าไม่ผิดไปหรอก เช่นนั้นพ่อจะให้เจ้าได้เห็นด้วย”

เขาโบกมือผ่านด้านหน้าหานฮวง จิตรับรู้ของหานฮวงมาโผล่เหนือฟ้าบุพกาล ราวกับอยู่ในความฝัน ได้เห็นการต่อสู้ระหว่างเหล่าจื่อและปรมาจารย์ฟ้าทลาย

หานเจวี๋ยก็รับชมต่อไปเช่นกัน

ศึกนี้ดำเนินอยู่ครึ่งวัน

ในที่สุดทั้งเหล่าจื่อและปรมาจารย์ฟ้าทลายต่างบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย ล่าถอยไปทั้งคู่ จากมุมมองของผู้ชม เหล่าจื่อทำสำเร็จแล้ว อย่างน้อยก็ขัดขวางปรมาจารย์ฟ้าทลายได้

พลังของทั้งสองสูสีทัดเทียม กายมารมรรคาของปรมาจารย์ฟ้าทลายแปลกประหลาดยิ่ง อมตะมิวางวาย มรรคกระบี่ของเหล่าจื่อก็คมกล้ายิ่ง ตัดเฉือนมหามรรคได้

หานฮวงลืมตาขึ้น สีหน้าตื่นเต้น

“ท่านพ่อ นั่นคือระดับใดขอรับ ยอดมหามรรคหรือ”

หานฮวงประสานมือทั้งสอง ถามด้วยแววตาเปล่งประกาย

หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ

หานฮวงเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “พลังวิเศษของพวกเขาเลิศล้ำนัก ข้าจดจำได้เพียงสามส่วนเท่านั้น แต่ก็เพียงพอให้ข้าใช้ฝึกได้แล้ว!”

หานเจวี๋ยผงะไป เอ่ยถาม “เจ้าชมการต่อสู้ของพวกเขาก็ทำความเข้าใจพลังวิเศษได้แล้วหรือ”

“พลังวิเศษบางอย่างยังมองไม่ออกขอรับ แต่ที่มองออก ข้านำมาเรียนรู้เองได้”

หานเจวี๋ยมองหานฮวงที่คึกคักมีชีวิตชีวา ค่อนข้างใจลอยไป

จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตนประเมินบุตรชายต่ำไปหน่อยแล้ว

เป็นเทพมารอนธการเหมือนกัน ทว่าความสามารถในการทำความเข้าใจของหานเจวี๋ยด้อยกว่าบุตรชายนัก หรือว่าเป็นเพราะหานฮวงคือเทพมารอนธการแต่กำเนิด

“ท่านพ่อ ท่านก็เป็นยอดมหามรรคใช่หรือไม่”

“อืม”

“เทียบกับพวกเขาแล้วท่านเป็นอย่างไรขอรับ”

“ก็พอฟัดพอเหวี่ยงกัน”

“เป็นไปไม่ได้! ข้าเคยท้าทายท่านในแบบจำลองการทดสอบแล้ว พลังวิเศษร่างจำลองเหล่านั้นของท่านพ่อข้ามองไม่ออกเลย”

“หึๆ มองไม่ออกก็ใช่ว่าจะแข็งแกร่งแน่นอน”

หานฮวงเบะปาก รู้ว่าท่านพ่อกำลังหลอกเขาอีกแล้ว

ในใจเขา ท่านพ่อแข็งแกร่งที่สุดเสมอมา ต่อให้การต่อสู้ของเหล่าจื่อและปรมาจารย์ฟ้าทลายจะท้านสะเทือนอย่างยิ่ง ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดในใจเขาได้

“จริงสิ ท่านพ่อ แสงเจ็ดสายที่อยู่เหนือหัวสองคนนั้นเมื่อครู่คือสิ่งใดขอรับ ทันทีที่ข้าเห็นพวกมัน ก็อยากจะได้พวกมันทั้งหมดมาครอบครองอย่างน่าประหลาด”

หานฮวงซักถาม ดวงตาเปล่งประกาย

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

อยากครอบครองเช่นนั้นหรือ

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ไม่รู้ว่าควรจะบอกความจริงกับเขาดีหรือไม่ ด้วยความกระหายในพลังของหานฮวง อาจจะตั้งเป้าต้องการเอาเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดมาครองจริงๆ!

หานฮวงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อไม่อยากบอกก็แล้วไปเถอะขอรับ ระดับของข้าอาจจะไม่สูงพอ จะทะเยอทะยานเกินตัวไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะกลับไปฝึกบำเพ็ญต่อแล้ว คอยดูเถอะขอรับ ข้าจะเอาทักษะของตาเฒ่าสองคนนั้นมาเรียนรู้ พอถึงเวลาจะนำมาสอนให้ชิงเอ๋อร์กับศิษย์คนอื่นๆ ด้วย”

ว่าจบ หานฮวงก็หันหลังเดินออกไป

องอาจห้าวหาญ นิสัยแตกต่างไปจากหานเจวี๋ยในสมัยหนุ่มๆ อย่างสิ้นเชิง

หานเจวี๋ยมองแผ่นหลังของเขา อดใจลอยไม่ได้

หากว่าเขาเลือกตัวแรกตามที่ระบบเสนอมาในตอนแรก จะบ่มเพาะบุตรชายให้มีบุคลิกเช่นนี้หรือไม่

หานเจวี๋ยส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา ไม่คิดมากอีก

การปรากฏตัวของเหล่าจื่อแสดงให้เห็นว่าฟ้าบุพกาลยังมียอดฝีมืออยู่ ก็ไม่ได้ต่างจากที่หานเจวี๋ยคาดการณ์ไว้

เขาฝึกบำเพ็ญต่อไป ต้องบรรลุยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์ให้ได้ในเร็ววัน เมื่อถึงเวลานั้นน่าจะสังหารดวงจิตบรรพกาลในเสี้ยววินาทีได้ไม่ยากแล้ว

หากว่าเขาทะลวงขั้นสำเร็จก่อนดวงจิตบรรพกาลมาโจมตี เขาก็ชิงไปถล่มแดนบรรพกาลก่อนได้!

ไม่จำเป็นต้องรอคอยให้ศัตรูมาหาถึงที่เสมอไป!

………………………………………………………………