ตอนที่ 881 สบาย

“โถ่ ฮูหยินของข้า” ผูหลิ่วรีบชะโงกหน้ามองไปด้านนอก จากนั้นเอ่ยเตือนเสียงเบา “ท่านจะกล่าวเช่นนี้ออกมาไม่ได้นะเจ้าคะ! บัดนี้ท่านผู้นั้นคือจักรพรรดินี ฮูหยินเอ่ยเรียกนามท่านตรงๆ เช่นนี้ถือเป็นการหลบหลู่เบื้องสูงเจ้าค่ะ หากนายท่านหรือนายน้อยได้ยินเข้าคงไม่ดีแน่เจ้าค่ะ นี่ถือเป็นโทษผิดมหันต์เลยนะเจ้าคะ ดีไม่ดีอาจถูกประหารได้เจ้าค่ะ!”

ฟางซื่อรีบปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ เมื่อมองออกไปด้านนอกแล้วไม่เห็นผู้ใดจึงสะบัดผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างโมโห “ข้าแค่ยังปรับตัวไม่ได้เท่านั้น อีกอย่างต่อให้นางขึ้นเป็นจักรพรรดินีข้าก็ยังมีศักดิ์เป็นอาสะใภ้ของนางอยู่ ตอนนั้นข้าเคยบอกท่านพี่แล้วว่าอยากช่วยจับคู่ให้นาง หากตอนนั้นท่านพี่เห็นด้วย ป่านนี้นางคงแต่งงานกับบุตรชายคนรองของพี่ชายรองของข้าไปแล้ว ตอนนี้พวกเราก็คงไม่ต้องมานั่งเป็นกังวลเช่นนี้ เป็นเพราะท่านพี่พวกเราเลยพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ไป!”

ผูหลิ่วมองฟางซื่อแล้วลอบถอนหายใจอยู่ในใจ นางรู้สึกว่าฟางซื่อเลอะเลือนเกินไปแล้ว อย่าว่าแต่ตอนนี้องค์หญิงเจิ้นกั๋วผู้นั้นขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแล้วเลย ต่อให้นางเป็นเพียงองค์หญิงเจิ้นกั๋วในตอนนั้น กระทั่งไม่ใช่แม้แต่องค์หญิงเจิ้นกั๋ว แค่ฐานะหลานสาวคนโตของตระกูลไป๋ หลานชายของฟางซื่อก็ไม่คู่ควรกับนางแล้ว

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ไม่รู้ว่าฟางซื่อนึกถึงสิ่งใดขึ้นมาได้ นางจึงหันไปมองทางผูหลิ่วอีกครั้งด้วยแววตาเปล่งประกาย “ผูหลิ่ว ร่างกายของไป๋ชิงเหยียนทำให้นางมีบุตรยากไม่ใช่หรือ ต่อไปนางจะยกบัลลังก์นั่นให้ผู้ใดต่อกัน”

“ฮูหยิน!” ผูหลิ่วเบิกตาโพลง “นี่ไม่ใช่เรื่องที่ฮูหยินต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ฮูหยินอย่าคิดทำสิ่งใดทั้งสิ้นนะเจ้าคะ ระวังจะได้ไม่คุ้มเสียเจ้าค่ะ!”

“ข้าแค่ลองถามเจ้าดูเท่านั้น!” ยิ่งคิดเรื่องนี้ฟางซื่อก็ยิ่งรู้สึกดีใจ “เจ้าลองคิดดูสิ ตอนนางพักรักษาตัวอยู่ที่ซั่วหยางนางเกือบเอาชีวิตไม่รอดหลายครั้ง ครั้งนี้นางฝืนร่างกายไปออกรบที่ต้าเหลียง นางคงใกล้ทนไม่ไหวเต็มทีแล้วกระมัง บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตลงหมดแล้ว อาผิงของข้าค่อนข้างสนิทสนมกับนาง เจ้าว่า…”

ผูหลิ่วรู้สึกเสียวสันหลังวาบเพราะความคิดที่อาจเอื้อมและเป็นไปไม่ได้ของฟางซื่ออีกครั้ง นางรู้อยู่แล้วว่าฟางซื่อมีความคิดที่เหนือความเป็นจริง ทว่า นางไม่คิดเลยว่าฟางซื่อจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้

“ฮูหยิน อย่ากล่าวเช่นนี้อีกเลยเจ้าค่ะ!” ผูหลิ่วกระซิบเสียงเบา “ฝ่าบาทคือสตรี พระองค์สามารถยกบัลลังก์ให้บรรดาน้องสาวของพระองค์เองได้เจ้าค่ะ ฝ่าบาทยังมีน้องสาวแท้ๆ ที่เกิดจากอนุอีกหนึ่งคน ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีน้องสาวที่สนิมสนมกันราวพี่น้องแท้ๆ ที่เกิดจากภรรยาเอกของนายท่านสองและนายท่านสามอยู่ ยังมีคุณหนูแปดที่เกิดจากฮูหยินห้าฉีซื่ออีกคน ตอนฝ่าบาทประทับอยู่ที่ซั่วหยาง พระองค์จะไปพบหน้านางทุกวัน พานางมาเลี้ยงดูข้างกายตลอดเจ้าค่ะ”

“ทว่า พวกนางล้วนเป็นสตรี พวกนางต้องแต่งงาน…” ฟางซื่อกล่าวออกมาแล้วนึกขึ้นได้ว่าไป๋ชิงเหยียนก็เป็นสตรีเช่นเดียวกัน นางสะบัดผ้าเช็ดหน้า ขมวดคิ้วพลางบ่นพึมพำ “นั่นสินะ! ไม่ว่าอย่างไรก็หลุดมาไม่ถึงอาผิง ทว่า อาผิงของข้าช่วยฝึกทหารซั่วหยาง คุ้มกันเมืองซั่วหยางให้นาง อาผิงของข้าลำบากโดยเปล่าประโยชน์อย่างนั้นหรือ”

“ฮูหยิน” ผูหลิ่วพยายามโน้มน้าวฟางซื่ออย่างใจเย็น “คุณชายช่วยแบ่งเบาภาระให้ฝ่าบาท ฝ่าบาทจึงให้ความสำคัญกับเขา ท่านลืมไปแล้วหรือเจ้าคะว่าฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลไป๋กล่าวว่าครั้งนี้บรรพบุรุษตระกูลไป๋ช่วยให้ซั่วหยางรอดพ้นจากอันตรายมาได้ เมื่อฝ่าบาทเสด็จกลับมาจะตบรางวัลให้พวกเขาอย่างงามเจ้าค่ะ ทว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินพระทัยของฝ่าบาท ไม่ว่าจะพระราชทานสิ่งใดให้ พวกเราก็ต้องรับไว้อย่างเต็มใจเจ้าค่ะ พวกเราะจะเอ่ยปากขอเองไม่ได้เด็ดขาด หากล่วงเกินพระองค์เท่ากับพวกเราทำเกินขอบเขต! ดังนั้นฮูหยินอย่าบอกให้นายท่านไปขอสิ่งใดจากฝ่าบาทเด็ดขาดนะเจ้าคะ”

ฟางซื่อกัดปากแน่นอย่างไม่เห็นด้วย ดวงตาของนางแดงก่ำราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรม ผูหลิ่วกล่าวต่อ “ก่อนหน้านี้ท่านบาดหมางกับนายท่าน ท่านเพิ่งได้ใจของนายท่านกลับมา ท่านอย่าผลักนายท่านออกไปไกลกว่าเดิมเลยนะเจ้าคะ ถึงเวลานั้นผู้ที่จะเสียใจก็คือฮูหยินเองนะเจ้าคะ”

“สองพ่อลูกนั่นดีแต่เข้าข้างท่านผู้นั้น ราวกับเป็นศัตรูกับข้ามาแต่ชาติปางก่อนก็ไม่ปาน ข้าทำเพื่อพวกเขา ทำเพื่อตระกูลนี้ทั้งนั้น” ฟางซื่อรู้สึกปวดใจ นางหันไปกุมมือผูหลิ่วเอาไว้ “โชคดีที่ข้ายังมีเจ้า หากข้าไม่ได้เจ้าคอยช่วยปลอบ ข้าคงโมโหตายเพราะพวกเขาไปแล้ว!”

ผูหลิ่วตบหลังมือของฟางซื่อเบาๆ กำชับเสียงอ่อนโยน “ฮูหยินจำคำกล่าวของข้าไว้นะเจ้าคะ เมื่อนายท่านกลับมาอย่ากล่าวสิ่งที่ไม่ควรกล่าวต่อหน้านายท่านจนทำให้นายท่านโมโหเด็ดขาดนะเจ้าคะ”

บัดนี้ไป๋ฉีเหอกำลังถูกผู้อาวุโสในตระกูลห้อมล้อมอยู่ พวกเขากำลังซักถามไป๋ฉีเหอว่าจะเตรียมการเรื่องพิธีบรมราชาภิเษกของไป๋ชิงเหยียนในวันที่ยี่สิบ เดือนหกเช่นไร พวกเขาต้องย้ายถิ่นฐานไปยังเมืองหลวงหรือไม่ เมื่อไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์ บรรพบุรุษตระกูลไป๋อย่างพวกเขาจะกลายเป็นเชื้อพระวงศ์ขึ้นมาทันที

บรรพบุรุษตระกูลไป๋ที่ไม่ได้ถูกไป๋ชิงเหยียนขับไล่ออกจากตระกูลตอนที่นางสะสางเรื่องของตระกูลไป๋รู้สึกใจหายมาก พวกเขารู้สึกโชคดีที่ตอนที่น้องชายหรือทายาทในครอบครัวของตัวเองถูกขับไล่ออกจากตระกูล พวกเขาไม่ได้ถอนตัวออกจากตระกูลไปด้วย มิเช่นนั้นพวกเขาคงไม่ได้เป็นหนึ่งในเชื้อพระวงศ์เช่นนี้

ผู้ที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลไป๋ได้ยินข่าวว่าผู้อาวุโสของตระกูลไป๋ไปพบประมุขไป๋เพื่อขอร้องให้จักรพรรดินีมอบศักดินาและแต่งตั้งพวกเขาเป็นอ๋อง

เมื่อมีศักดินาและบรรดาศักดิ์ พวกเขาก็จะสามารถทำตัวราวกับจักรพรรดิในเมืองของตนได้ ผู้ใดไม่อยากมีชีวิตเช่นนั้นกัน

บรรดาบรรพบุรุษตระกูลไป๋ที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลและมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากรู้สึกเสียใจมาก เมื่อได้ยินข่าวการขึ้นครองราชย์ของไป๋ชิงเหยียนก็ยิ่งทุบอกด้วยความเสียใจ พวกเขาหาทางพบหน้าไป๋ฉีเหอไม่ได้จึงไปดักรอพบไป๋ชิงผิงที่ค่ายทหาร ขอร้องให้ไป๋ชิงผิงช่วยขอร้องไป๋ฉีเหอให้รับพวกเขากลับเข้าตระกูลไป๋ตามเดิม พวกเขาจะไม่ทำตัวเหิมเกริมเหมือนเดิมอีกแล้ว

ไป๋ชิงผิงเกิดและเติบโตที่ซั่วหยาง เขารู้จักนิสัยของคนตระกูลบรรพบุรุษไป๋เหล่านี้ดี หลังจากพวกเขาถูกขับไล่ออกจากตระกูลไป๋ พวกเขาไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบายจากการอาศัยบารมีของจวนเจิ้นกั๋วกงแห่งตระกูลไป๋เหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว

บัดนี้เมื่อรู้ว่าพี่หญิงกำลังจะขึ้นเป็นจักรพรรดินี คนตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเหล่านี้จะอยากกลายเป็นเชื้อพระวงศ์ พวกเขาจึงมาขอร้องอย่างไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้

คนอย่างพวกเขายากจะแก้ไขสันดาน ตอนนั้นพวกเขารังแกชาวบ้านโดยอาศัยบารมีของจวนเจิ้นกั๋วกง หากปล่อยให้พวกเขากลายเป็นเชื้อพระวงศ์ขึ้นมา ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรังแกชาวบ้านเช่นไรบ้าง

ไป๋ชิงผิงฝึกทหารในค่ายทหารมานานแล้ว เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ไร้ความสามารถเอาแต่ระบายความโกรธเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ไป๋ชิงผิงสั่งให้ทหารกันกลุ่มคนที่เคยเป็นญาติผู้ใหญ่และพี่น้องของเขาที่มาขวางทางม้าให้ถอยไป เขาออกคำสั่งว่าหากผู้ใดกล้ามาก่อความวุ่นวายหน้าค่ายทหารอีกให้จับขังคุก จากนั้นลงโทษด้วยการส่งไปทำงานในเหมืองแร่เป็นระยะเวลาสามสิบวัน

เมื่อทหารกันกลุ่มคนที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลไป๋ออกห่างม้าได้แล้ว ไป๋ชิงผิงจึงควบม้าจากไปทันที

เขารู้ดีว่าบัดนี้ผู้อาวุโสในตระกูลคงกำลังไปหาบิดาของเขา เขาต้องรีบกลับไปดูเสียหน่อย