ตอนที่ 882 เสาหลัก

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 882 เสาหลัก

ไป๋ชิงผิงเดินไปถึงระเบียงทางเดิน ยังไม่ทันเข้าไปในห้องหนังสือของไป๋ฉีเหอก็ได้ยินเหล่าผู้อาวุโสกล่าวว่าครั้งนี้ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ช่วยเหลือซั่วหยางไว้มากที่สุด พวกเขาควรได้รับสิ่งใดตอบแทนบ้าง ไป๋ชิงเหยียนควรแต่งตั้งพวกเขาเป็นอ๋อง…

“ท่านประมุข ฝ่าบาทได้ขึ้นครองราชย์แล้ว พวกเราคือตระกูลบรรพบุรุษของพระองค์ คือคนที่มีความดีความชอบในการปกป้องซั่วหยางไว้ในครั้งนี้ ฝ่าบาทควรพระราชทานรางวัลให้พวกเราอย่างงามใช่หรือไม่ ทว่า คำกล่าวของพวกเราไม่มีผลต่อหน้าพระพักตร์ รบกวนท่านประมุขช่วยเล่าความดีความชอบของพวกเราให้ฝ่าบาททรงรับรู้ด้วยเถิด อย่างน้อยพวกเราก็เป็นเชื้อพระวงศ์ มอบศักดินาและตำแหน่งอ๋องให้พวกเราคงไม่ใช่ปัญหาใช่หรือไม่ขอรับ!”

“นั่นนะสิ ฮูหยินใหญ่ต่งซื่อ…”

“นี่! เรียกเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ตอนนี้ต้องเรียกท่านว่าไทเฮา…” ผู้อาวุโสคนหนึ่งแก้คำ

“ใช่ๆ ไทเฮา ตอนที่ปกป้องเมืองซั่วหยาง ไทเฮาตรัสว่าผู้ใดช่วยเหลือมากก็จะได้รางวัลมาก พวกเราแทบหมดตัวเพราะรวบรวมเสบียงอาหารให้ซั่วหยาง ท่านประมุขก็ทราบดีใช่หรือไม่ขอรับ”

“นั่นน่ะสิ พวกเราช่วยปกป้องไม่ให้บรรดาฮูหยินตระกูลไป๋ถูกเหลียงอ๋องตัวไปเป็นตัวประกันข่มขู่องค์หญิงเจิ้นกั๋วด้วยชีวิต องค์หญิงเจิ้นกั๋วจึงขึ้นครองราชย์ได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ ท่านประมุขลองคิดดูสิขอรับว่าหากไทเฮาถูกจับตัวไป องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะขึ้นครองราชย์ได้อย่างราบรื่นเช่นนี้หรือไม่ หากกล่าวตามตรงแล้วตระกูลบรรพบุรุษไป๋มีส่วนช่วยให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วขึ้นครองราชย์มากที่สุดนะขอรับ”

ไป๋ฉีเหอฟังผู้อาวุโสเหล่านี้กล่าวความคิดอาจเอื้อมของตัวเองออกมานิ่งๆ เขายกชาขึ้นจิบเล็กน้อย ไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น

“ความดีความชอบมากที่สุดหรือขอรับ! ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าพวกท่านคนใดคนหนึ่งในที่นี้คาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดินี ไม่ทราบว่าพวกท่านปกป้องฮูหยินตระกูลไป๋ด้วยชีวิตเมื่อใดกันขอรับ” ไป๋ชิงผิงกล่าวอย่างไม่รีบร้อนพลางเดินเข้ามาในห้องหนังสือ เขาทำความเคารพไป๋ฉีเหอ จากนั้นกล่าวต่อ “ตอนที่หลี่หมิงรุ่ยนำทัพบุกมายังซั่วหยาง พวกท่านขึ้นไปรบบนกำแพงเมืองอย่างนั้นหรือ หรือพวกท่านบุกออกไปจับตัวหลี่หมิงรุ่ยด้วยตัวเองกันขอรับ คุณหนูทั้งสองของตระกูลไป๋ต่างหากที่เป็นคนนำทหารซั่วหยางขึ้นไปต้านทานศัตรูบนกำแพง ฮูหยินใหญ่ตระกูลไป๋เป็นคนส่งองครักษ์ไป๋ทั้งหมดไปช่วยต้านทานศัตรู! องครักษ์ไป๋จี้ถิงอวี๋ต่างหากที่มาได้ทันเวลาจนช่วยชีวิตของพวกท่านทุกคนเอาไว้ได้”

“แม้ไป๋ชิงผิงจะอายุน้อย ทว่า ข้าเคยพบคนหน้าไม่อาย คนเนรคุณและคนที่ใช้ความดีตอบแทนความชั่วมาแล้ว ทว่า ข้าไม่เคยพบคนที่กล่าววาจากลับขาวเป็นดำ เอาบุญคุณของผู้อื่นมาเป็นของตัวเองเช่นนี้มาก่อนเลย! ทุกท่านทำให้ข้าเปิดโลกมากจริงๆ ขอรับ” ไป๋ชิงผิงกล่าวเสียงเย็น

เมื่อคนตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่เอาแต่กล่าวถึงความดีความชอบของตัวเองเห็นว่าไป๋ชิงผิงที่นำทหารซั่วหยางขึ้นไปต้านทานศัตรูบนกำแพงเมืองกลับมาและกล่าววาจาเสียดสีพวกเขาเช่นนี้ พวกเขาต่างก้มหน้าลงอย่างละอาย พวกเขาคิดว่าไป๋ชิงผิงไม่พอใจที่พวกเขาไม่ได้เอ่ยถึงความดีความชอบของไป๋ฉีเหอและไป๋ชิงผิง

ผู้อาวุโสคนหนึ่งจึงรีบกล่าวยอไป๋ชิงผิง “แน่นอนว่าผู้ที่มีความดีความชอบมากที่สุดย่อมเป็นท่านประมุขและชิงผิงอยู่แล้ว ฝ่าบาทควรพระราชทานเมืองที่ใหญ่ที่สุดให้ท่านทั้งสอง”

“หากกล่าวถึงความดีความชอบ ไป๋ชิงผิงไม่กล้าเอาตัวเองไปเทียบกับเหล่าทหารที่เดินทางไปออกรบที่ต้าเหลียง ยิ่งไม่กล้าเอาตัวไปเทียบกับบรรดาฮูหยินและคุณหนูของตระกูลไป๋หรอกขอรับ! ทว่า การปกป้องซั่วหยางก็คือการปกป้องตัวพวกท่านเอง ฮูหยินทุกคนในตระกูลไป๋ล้วนจำได้ดีว่าพวกท่านมีความดีความชอบในการช่วยปกป้องซั่วหยางไว้ในครั้งนี้ เมื่อพวกนางทูลให้ฝ่าบาททราบเรื่องนี้ ฝ่าบาทจะพระราชทานรางวัลให้พวกท่านเอง”

“ทว่า หากพวกท่านยังกล่าววาจากลับดำเป็นขาวว่าตระกูลบรรพบุรุษมีความดีความชอบมากที่สุดในการช่วยปกป้องซั่วหยางในครั้งนี้อีก ข้าคนแรกที่จะไม่ยอมรับ ข้าจะทูลคำกล่าวในวันนี้ของพวกท่านให้ฝ่าบาททรงรับรู้ทั้งหมด”

เมื่อผู้อาวุโสตระกูลบรรพบุรุษไป๋เห็นท่าทีแข็งกร้าวของไป๋ชิงผิง สองพ่อลูกคู่นี้ไม่รับแม้แต่คำประจบของพวกเขา พวกเขาจึงไม่กล้าล่วงเกินสองพ่อลูกคู่นี้ เพราะผู้ที่พอจะกล่าวต่อหน้าไป๋ชิงเหยียนได้มีเพียงไป๋ฉีเหอและไป๋ชิงผิงเท่านั้น

ผู้อาวุโสที่อายุมากที่สุดกล่าวยิ้มๆ “เอาล่ะๆ พวกเราไม่แย่งความดีความชอบแล้ว ไม่ว่าจะทรงแต่งตั้งพวกเราเป็นอ๋อง พระราชทานศักดินาให้พวกเราหรือไม่ พวกเราก็คือญาติของฝ่าบาท คือญาติผู้ใหญ่ของฝ่าบาทอยู่ดี”

สิ้นเสียงเมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสคนอื่นกำลังจะโต้เถียงอีก ผู้อาวุโสที่อายุมากสุดรีบโบกมือส่งสัญญาณไม่ให้คนเหล่านั้นใจร้อน เขากำไม้เท้าด้วยมือสองข้าง จากนั้นแสร้งถอนหายใจยาวออกมาแล้วหันไปทางไป๋ฉีเหอ

“ท่านประมุข พวกเราล้วนเป็นญาติผู้ใหญ่ของฝ่าบาท เรื่องบางอย่างผู้อื่นไม่อาจกล่าวออกมาได้ ทว่า ญาติผู้ใหญ่อย่างพวกเราต้องช่วยคิดแทนฝ่าบาทนะขอรับ”

ไป๋ฉีเหอยกถ้วยชาขึ้น จากนั้นเอ่ยถามยิ้มๆ “ฝ่าบาทมีขุนนางมากมายคอยช่วยเหลือในราชสำนัก ภายในครอบครัวมีบรรดาฮูหยินตระกูลไป๋คอยช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงมีเรื่องอันใดให้คนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋อย่างพวกเราเป็นห่วงกัน”

แม้ไป๋ฉีเหอจะกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า ทว่า ผู้อาวุโสผู้นั้นกลับไม่โมโห เขาโบกมือด้วยท่าทีสุขุมพลางกล่าว “ขุนนางเหล่านั้นไม่กล้ากล่าวเรื่องพวกนี้หรอก หากกล่าวขึ้นอาจทำให้บรรดาฮูหยินตระกูลไป๋เสียใจได้ ดังนั้นคงมีแต่พวกเราตระกูลบรรพบุรุษไป๋เท่านั้นที่ต้องแบกหน้าไปกล่าวเรื่องเหล่านี้กับฝ่าบาท”

“ลองว่ามาสิ…” ไป๋ฉีเหอวางถ้วยชาลงบนโต๊ะด้านหน้า จากนั้นหันไปสั่งให้ไป๋ชิงผิงนั่งลง

“ฝ่าบาททรงได้รับบาดเจ็บหนักจนไม่อาจมีทายาทได้! พระนางเคยได้รับบาดเจ็บหนักแทนอดีตรัชทายาทครั้งหนึ่งจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดขณะพักรักษาตัวอยู่ที่ซั่วหยางหลายครั้ง…” ผู้อาวุโสผู้นั้นแสร้งทำทีเป็นกล่าวต่อไปไม่ไหว เขาชะงักไปครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวต่อ “พระวรกายขอฝ่าบาททรงเป็นเช่นนี้แล้ว พระองค์ไม่มีทายาทสืบทอดบัลลังก์ หากเกิดสิ่งใดขึ้นมา…ต้าโจวอาจวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย พวกเราควรแต่งตั้งรัชทายาทเพื่อทำให้ทุกคนวางใจ”

“ใช่แล้วขอรับ!” คนในตระกูลบรรพบุรุษไป๋อีกคนรีบเสริมทัพ “สามารถให้ฝ่าบาทรับเด็กในตระกูลบรรพบุรุษไป๋สักคนไปเป็นโอรสบุญธรรม หากวันหน้าฝ่าบาททรงเป็นอันใดขึ้นมา แคว้นมีรัชทายาทก็เปรียบเสมือนมีเสาหลัก แคว้นของเราจะได้ไม่วุ่นวายขอรับ”

“ทุกท่านช่างน่าขันนัก…” ไป๋ชิงผิงที่นั่งลงบนที่นั่งหัวเราะเสียงเย็นออกมา “พระวรกายของฝ่าบาทไม่ใช่สิ่งที่ทุกท่านควรเป็นห่วง ฝ่าบาทไม่มีทางรับเด็กจากตระกูลบรรพบุรุษไป๋ไปเป็นโอรสบุญธรรมแน่ แม้ฝ่าบาทจะมีบุตรยาก ทว่า ไม่ได้หมายความว่าพระนางจะไม่มี ที่สำคัญบรรดาน้องสาวของพระนางล้วนยังมีชีวิตอยู่ คุณหนูแปดแห่งตระกูลไป๋อยู่กับฝ่าบาทมาตั้งแต่เล็ก ฝ่าบาททรงรักใคร่นางมาก”

“ตามธรรมเนียมตำแหน่งรัชทายาทต้องส่งต่อให้บุตรสายตรง จะส่งต่อให้น้องสาวได้อย่างไรกัน นี่มันใช้ได้ที่ใดกัน…”

“เคยมีการยกบัลลังก์ให้น้องชายเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว ฝ่าบาทเป็นสตรียังสามารถขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีได้เลย เหตุใดจะยกบัลลังก์ต่อให้น้องสาวของตัวเองไม่ได้กัน!” ไป๋ชิงผิงหันไปทางผู้อาวุโสที่กำลังกล่าวอยู่ “หากฝ่าบาทจะรับบุตรบุญธรรมจริงๆ บรรดาพระขนิษฐาของพระนางล้วนยังไม่ได้ออกเรือน บัดนี้คุณหนูรองไป๋มีบุตรชายหนึ่งคนแล้ว หากนับตามสายเลือดแล้ว บุตรชายของนางไม่เหมาะสมกว่าอย่างนั้นหรือ”