ตอนที่ 883 ทิศทาง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 883 ทิศทาง

“มันจะเหมือนกันได้อย่างไร บุตรชายของฮูหยินฉินแซ่ฉินไม่ได้แซ่ไป๋ เราจะปล่อยให้บัลลังก์ของตระกูลไป๋ตกเป็นของตระกูลฉินอย่างนั้นหรือ!”

ไป๋ชิงผิงถามต่อ “เลือดในตัวของคุณหนูรองฮูหยินฉินไม่ใช่เลือดของตระกูลไป๋อย่างนั้นหรือขอรับ”

“ไม่เหมือนกัน สตรีถือเป็นคนของตระกูลสามี…”

คนผู้นั้นกล่าวเร็วเกินไป เมื่อกล่าวเสร็จจึงนึกได้ว่าไป๋ชิงเหยียนก็เป็นสตรีเช่นเดียวกัน

“ที่แท้ก็ดูถูกสตรีกันนี่เอง!” ไป๋ชิงผิงยกชาขึ้นจิบ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดจึงยังนับญาติกับฝ่าบาทเล่าขอรับ ฝ่าบาทก็เป็นสตรีเช่นเดียวกัน”

“อาผิงเจ้านี่นะ เหตุใดจึงมาถกเถียงกับผู้อาวุโสทุกท่านเช่นนี้กัน เรื่องนี้ใช่เรื่องที่ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ตัดสินใจได้เสียที่ใด” ไป๋ฉีเหอกล่าวออกมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง “อย่าลืมการกระทำก่อนหน้านี้ของตระกูลบรรพบุรุษไป๋สิ พวกเราเกือบบีบจนฝ่าบาทถอนตัวออกจากตระกูล การบริจาคเสบียงช่วยเหลือซั่วหยางในครั้งนี้ถือเป็นเพียงการทำความดีชดใช้ความผิดเท่านั้น! ฝ่าบาทเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วไม่เอาผิดเรื่องนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ผู้ใดจะกล้าไปขอความดีความชอบจากฝ่าบาทอีกกัน ผู้ใดกล้าเสนอให้ฝ่าบาททรงรับเด็กในตระกูลบรรพบุรุษไป๋ไปเป็นโอรสบุญธรรมกัน ผู้ใดกล้าก็จงไปพบฝ่าบาทเองเถิด ประมุขอย่างข้าไม่กล้าหรอก ข้ามีชีวิตอย่างสุขสบายดีแล้ว ไม่คิดก่อปัญหาให้ตัวเองด้วยเรื่องเช่นนี้หรอก”

ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ได้ยินไป๋ฉีเหอกล่าวเช่นนี้จึงเงียบเสียงลงทันที

“ท่านพ่อสั่งสอนถูกต้องขอรับ” ไป๋ชิงผิงลุกขึ้นยืน อารมณ์ของเขาดีขึ้นมาก เขาโค้งกายคำนับไป๋ฉีเหอพลางกลั้นยิ้ม “ต่อไปลูกมิกล้าแล้วขอรับ”

ตระกูลบรรพบุรุษไป๋ “…”

ไป๋ชิงเหยียนสะสางเรื่องงานในราชสำนักร่วมกับบรรดาขุนนางอยู่ในตำหนักใหญ่เป็นเวลาทั้งสิ้นสามวัน

ภายในวังหลวงวุ่นวายจนแทบไม่หยุดพัก นอกวังหลวงเองก็ไม่ต่างกัน

คนตระกูลสูงศักดิ์ส่งคนไปสืบข่าวทั่วทั้งเมืองหลวง

บัดนี้ขุนนางที่ถูกขังอยู่ในวังหลวงนอกจากขุนนางที่เป็นพวกของหลี่เม่าและถูกเหลียงอ๋องทอดทิ้งแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นขุนนางที่สนับสนุนองค์รัชทายาททั้งสิ้น

ข่าวที่ได้รับก่อนหน้านี้ หลู่เซียง เสนาบดีกรมทหารเสิ่นจิ้งจง ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่หลู่จิ้น หงหลู่ซื่อชิงต่งชิงผิงล้วนยืนหยัดอยู่ข้างองค์รัชทายาทอย่างแน่วแน่

ก่อนที่เหลียงอ๋องจะขึ้นครองราชย์ เขาเคยประกาศกร้าวว่าจะสังหารพวกของหลู่เซียงให้สิ้น ไม่เพียงครอบครัวของหลู่เซียงเท่านั้นที่เป็นกังวล ครอบครัวขุนนางที่สนับสนุนองค์รัชทายาทล้วนหวั่นวิตกด้วยกันทุกครอบครัว พวกนางได้แต่ภาวนาให้ไป๋จิ่นซิ่วโจมตีวังหลวงและช่วยเหลือสามีและบุตรของพวกนางที่ไม่ยอมจำนนต่อเหลียงอ๋องออกมาให้ได้

ต่อมาองค์หญิงเจิ้นกั๋วนำกองทัพใหญ่บุกโจมตีวังหลวง ทุกคนดีใจได้ไม่นานก็ได้ข่าวจากวังหลวงว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีคนใหม่แทน

คนตระกูลสูงศักดิ์เหล่านั้นตกใจจนแทบลมจับ องค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่เพียงนำทัพกลับมาเมืองหลวง ไป๋จิ่นซิ่วก็มีกองทัพอยู่ในมือเช่นเดียวกัน ผู้ใดกุมอำนาจท่ามกลางความโกลาหลนี้ ผู้นั้นคือผู้แข็งแกร่ง เมืองหลวงแห่งนี้คือแผ่นดินของตระกูลไป๋แล้ว

แต่ละครอบครัวกำลังหวาดกลัว พวกนางกลัวว่าสามีและบุตรชายของพวกนางจะไม่ยอมจำนนต่อองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ดีไม่ดีพวกเขาอาจถูกประหารชีวิตและอาจเดือดร้อนไปถึงทุกคนในครอบครัวด้วย

คนตระกูลสูงศักดิ์กำลังหวั่นวิตก ทุกคนต่างส่งบ่าวรับใช้ที่คล่องแคล่วที่สุดไปสืบข่าวที่วังหลวง ทว่า พวกเขากลับสืบสิ่งใดไม่ได้เลย

การสืบข่าวไม่ได้คือสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุด

บางคนไปยังจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ผู้ใดจะคิดว่าจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะมีกำลังทหารคุ้มกันอย่างแน่นหนา พวกเขาลอบเข้าไปไม่ได้แม้แต่น้อย คนด้านในก็ออกมาไม่ได้เช่นเดียวกัน ที่สำคัญคนในจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วเก็บความลับเก่ง ต่อให้พบพวกเขาก็คงสืบไม่รู้สิ่งใดอยู่ดี

ต่อมาวังหลวงส่งคนออกมานำเครื่องแต่งกายของขุนนางที่จวนของพวกเขากลับไปในวังหลวงอีกครั้ง นี่ยิ่งทำให้ครอบครัวของขุนนางเหล่านั้นหวั่นวิตกยิ่งกว่าเดิม นี่มันจงใจขังขุนนางไว้ในวังหลวงชัดๆ

บางจวนที่สืบข่าวเก่งรับรู้มาว่าคนจากวังหลวงเดินทางไปนำเครื่องแต่งกายของต่งชิงผิงไปจากจวนต่งเช่นเดียวกัน พวกเขาจึงส่งคนไปสืบข่าวจากจวนต่งแทน

ผู้ใดจะคิดว่าซ่งซื่อภรรยาของต่งชิงผิงจะกล่าวว่าไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้น นางได้แต่ปลอบโยนทุกคนว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ใช่คนโหดร้ายที่สังหารคนเป็นผักเป็นปลาเช่นเดียวกับเหลียงอ๋อง ตระกูลไป๋มีชื่อเสียงมานับร้อยปี ทายาททุกคนของตระกูลไป๋มีความสามารถเก่งกาจ มีคุณธรรม ยิ่งไปกว่านั้นไป๋ชิงเหยียนคือลูกศิษย์ที่ปรมาจารย์ผู้เฒ่ากวนยงฉยงภาคภูมิใจ

ซ่งซื่อกล่าวว่านางเดาว่าไป๋ชิงเหยียนรั้งตัวขุนนางเหล่านั้นไว้ในวังหลวงเพื่อสะสางงานในราชสำนักที่ไม่ได้สะสางมาหลายวันให้เรียบร้อย ทว่า คนเหล่านั้นกลับคิดว่าซ่งซื่อกำลังหลอกให้พวกเขาสบายใจ

เมื่อส่งคนที่มาสืบข่าวกลับไปหมด ซ่งซื่อรู้สึกคอแห้งผากไปหมด นางรับน้ำชาที่บุตรสาวยื่นให้ดื่มไปหลายถ้วย

ข่าวที่ได้รับล่าสุดว่าไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์ เปลี่ยนแคว้นใหม่เป็นแคว้นโจวทำให้ซ่งซื่อตกใจจนแทบเป็นลม

นี่เป็นครั้งแรกของต้าจิ้นที่สตรีได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี ไม่ต้องเปรียบเทียบกับซีเหลียง จักรพรรดินีแห่งซีเหลียงคือธิดาสายตรงของจักรพรรดิองค์ก่อนของซีเหลียง จักรพรรดิองค์ก่อนของซีเหลียงไม่มีโอรส ธิดาของเขาจึงขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแทน

ทว่า แม้ท่านย่าของไป๋ชิงเหยียนจะเป็นองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์หลิน ทว่า นางไม่ได้แซ่หลิน

เมื่อต่งถิงเจินได้สติจากข่าวที่รับรู้ หญิงสาวจึงอธิบายเหตุผลที่ไป๋ชิงเหยียนเหมาะสมจะขึ้นครองบัลลังก์มากกว่าผู้ใดทั้งสิ้นให้มารดาฟัง ราชวงศ์หลิน…ไม่ว่าจะเป็นเหลียงอ๋องหรือองค์รัชทายาทล้วนไม่ใช่จักรพรรดิที่ดีทั้งสิ้น

แคว้นต้าจิ้นเกิดความวุ่นวายอย่างต่อเนื่องราวกับกระเบื้องที่ตกลงมาจากหลังคาทีละแผ่น

เมื่อพิจารณาการกระทำของญาติผู้พี่ หญิงสาวสั่งให้คนช่วยเหลือเด็กที่ถูกส่งไปยังหอบูชาเก้าชั้น เมื่อบรรดาทหารที่ก่อกบฏได้ยินว่าญาติผู้พี่ก่อกบฏจึงยอมสวามิภักดิ์กับญาติผู้พี่ มิเช่นนั้นญาติผู้พี่คงกลับมาเร็วถึงเพียงนี้ไม่ได้

นี่คือการได้ใจคนทั้งแผ่นดิน…

ญาติผู้พี่ไป๋ชิงเหยียนที่หยิ่งทะนง มีคุณธรรมและความสามารถโดดเด่นเหนือผู้ใดคือจักรพรรดินีผู้ยิ่งใหญ่

ต้นน้ำสะอาดบริสุทธิ์ น้ำที่ไหลออกมาจึงจะใสสะอาด

หากจักพรรดินีแห่งต้าโจวคือญาติผู้พี่ไป๋ชิงเหยียนผู้เต็มไปเปี่ยมด้วยคุณธรรม ราชสำนักต้าโจวย่อมเป็นไปในทิศทางนั้นเช่นเดียวกัน เหตุการณ์ที่ขุนนางบัณฑิตยอมตายเพื่อความยุติธรรม นักรบตายในสนามรบที่เคยเกิดขึ้นในสมัยจักรพรรดิเกาจู่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง

ที่สำคัญหากต้าจิ้นมีจักรพรรดิที่เป็นสตรี ฐานะของสตรีในแคว้นต้าจิ้นจะสูงส่งมากขึ้น ไม่แน่ญาติผู้พี่ของนางอาจเป็นผู้บุกเบิกการให้สตรีมีสิทธิ์เข้าร่วมการสอบขุนนาง อนุญาตให้สตรีรับราชการก็ได้

ในเมืองหลวงมีสตรีที่มีความสามารถอยู่มากมาย ทว่า พวกนางกลับถูกกักขังให้อยู่แต่ในเรือนหลัง

ตระกูลที่ไม่ดูถูกสตรี อนุญาตให้สตรีได้ร่ำเรียนวิชาเช่นเดียวกับบุรุษ อนุญาตให้สตรีถือดาบไปออกรบในสนามรบเช่นเดียวกับบุรุษอย่างตระกูลไป๋แทบไม่มีอยู่เลย

หากสตรีที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างเท่าเทียมมาตั้งแต่เล็กอย่างญาติผู้พี่ของนางขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี การดูถูกสตรีในแคว้นนี้คงลดลง

ซ่งซื่อหันไปมองบุตรสาวของตัวเองที่ดวงตาเป็นประกาย จากนั้นกุมมือบุตรสาวแน่น “ดังนั้นเจ้าอยากให้ญาติผู้พี่ของเจ้าขึ้นเป็นจักรพรรดินีเพื่อเปลี่ยนฐานะของสตรีอย่างนั้นหรือ”

“พี่หญิงขึ้นเป็นจักรพรรดินี ฐานะของสตรีในแคว้นต้าโจวต้องเปลี่ยนไปแน่นอนเจ้าค่ะ” ต่งถิงเจินกล่าวอย่างมั่นใจ

ซ่งซื่อพยักหน้าตามเล็กน้อย ในฐานะสตรีเหมือนกัน ซ่งซื่อก็คิดว่าฐานะของสตรีในแคว้นต้าจิ้นต่ำต้อยเกินไป ทว่า การให้ความสำคัญกับบุรุษมากกว่าสตรีมีมาช้านาน มันจะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ เพียงเพราะไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์อย่างนั้นหรือ