ตอนที่ 884 จดจำ

ผู้กำหนดทิศทางอำนาจของแคว้นคือจักรพรรดิ จักรพรรดิองค์ก่อนปรุงยาวิเศษ คนตระกูลสูงศักดิ์จึงลอกเลียนแบบ พวกเขาเชิญนักปรุงยาไปปรุงยาวิเศษในจวนของตัวเอง การปรุงยายาวิเศษกลายเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจอย่างหนึ่งประจำเมืองหลวง นักปรุงยาเป็นที่ต้องการตัวอย่างมากขึ้นมาทันที

คนตระกูลสูงศักดิ์หลายตระกูลเลียนแบบจักรพรรดิโดยการซื้อเด็กจากคนค้าทาสไปใช้ปรุงยาวิเศษเพื่อให้ตัวเองมีอายุยืนยาว เด็กเสียชีวิตหน้าเตาผิงจำนวนไม่น้อย

ราชสำนักเช่นนี้ ต่อให้พี่หญิงไม่โค่นล้มวันหน้าก็จะเกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงขึ้นอยู่ดี

ช่วงค่ำของวันที่สาม ทหารพาเหล่าขุนนางสภาพอ่อนล้าที่สะสางงานที่กองเป็นภูเขาเสร็จไปส่งที่จวนของแต่ละคน ตอนที่เดินออกมาจากตำหนักใหญ่ พวกเขารู้สึกราวกับได้ย้อนกลับไปในช่วงสอบคัดเลือกขุนนาง ตอนพวกเขายังเป็นหนุ่ม พวกเขาเหนื่อยจนแทบอยากจะกลายร่าง

เมื่อข่าวการปล่อยตัวขุนนางออกมาจากตำหนักของไป๋ชิงเหยียนแพร่กลับไปยังจวนต่างๆ บรรดานายหญิงของจวนต่างออกมารอต้อนรับสามีหรือบุตรชายของตัวเองที่หน้าประตูจวน

หลู่เซียงมีลูกหลานมากมาย บัดนี้หน้าจวนหลู่เต็มไปด้วยลูกหลานที่มายืนรอต้อนรับเขา หลู่หยวนชิ่งขี่ม้าไปรอต้อนรับท่านปู่และลุงใหญ่ของตัวเองที่หน้าประตูวังหลวง

เมื่อเห็นรถม้าของปู่ตัวเองออกมา หลู่หยวนชิ่งจึงควบม้าเข้าไปใกล้ “ท่านปู่ ท่านลุงใหญ่”

เมื่อได้ยินเสียงหลู่เซียงจึงแหวกม่านรถม้าออกดู เขาเงยหน้ามองหลานชายแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น “กลับจวนก่อน!”

“ขอรับ!” หลู่หยวนชิ่งขี่ม้านำทางอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน

หลู่หยวนชิ่งเห็นภาพขุนนางลงจากรถม้าแล้วถูกภรรยาของตัวเองสวมกอดแน่นพลางเปล่งเสียงร้องไห้ออกมา จากนั้นประคองเข้าไปในจวนตลอดทางที่กลับจวน เขาคาดเดาอยู่ในใจว่าขุนนางเหล่านี้อาจถูกทรมานอย่างหนักในวังหลวง เมื่อพวกเขายอมรับไป๋ชิงเหยียนเป็นจักรพรรดินีแล้วจึงถูกปล่อยตัวออกมา

เมื่อหลู่เซียงกลับถึงจวนของตัวเอง บุตรชาย หลานชาย หลานสาวและลูกสะใภ้ต่างเข้ามาห้อมล้อมเขา หลู่เซียงถูกหลู่หยวนชิ่งประคองลงจากรถม้า ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงลูกสะใภ้สามกล่าวเสียงสะอื้น

“ลำบากท่านพ่อแล้วเจ้าค่ะ!”

หลู่เซียงขมวดคิ้วแน่น “กล่าวอันใดเช่นนี้ ข้าสะสางงานที่สั่งสมมานานอยู่ในตำหนักใหญ่ร่วมกับฝ่าบาทถึงสามวันสามคืน ฝ่าบาทไม่ทรงบ่นว่าลำบาก พวกข้าจะลำบากได้เช่นไรกัน!”

หลู่หยวนชิ่งเข้าใจว่าท่านปู่คงกลัวว่าท่านแม่จะกล่าวว่าจาล่วงเกินไป๋ชิงเหยียนจนเดือดร้อนถึงตระกูลหลู่

“เร็ว รีบนำน้ำชาและของว่างมาให้ท่านพ่อและท่านพี่เร็ว” ลูกสะใภ้คนโตของหลู่เซียงตะโกนสั่ง

เมื่อประคองหลู่เซียงเข้าไปด้านใน ทุกคนนั่งรวมตัวกันอยู่ที่โถงรับรองแล้ว บุตรชายคนโตของหลู่เซียงจึงไล่ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่คนติดตามข้างกาย เขาถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นมองไปทางหลู่เซียง “ท่านพ่อ ตอนอยู่ในตำหนักลูกไม่กล้าถาม ท่านพ่อเห็นด้วยกับการที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วขึ้นครองราชย์จริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เห็นด้วยแล้วเจ้ามีตัวเลือกที่ดีกว่านี้หรือไม่” หลู่เซียงยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย “แม้ฝ่าบาทจะเป็นเพียงสตรี ทว่า สามวันที่ผ่านมาเจ้าก็เห็นแล้วว่าฝ่าบาทมีความคิดกว้างใจ มีใจเมตตา เข้าใจการปกครองและกฎหมายของต้าเยี่ยนและซีเหลียงอย่างลึกซึ้ง กระทั่งสามารถนำข้อดีของการปกครองเหล่านั้นมาเสริมส่วนที่ไม่ดีของแคว้นเรา พระองค์มีทั้งความสามารถและคุณธรรม รับฟังความเห็นของผู้อื่น! ที่สำคัญที่สุดก็คือพระองค์มีปณิธานอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง!”

บุตรชายคนโตของหลู่เซียงพยักหน้าตาม หากไม่ใช่เพราะไป๋ชิงเหยียนเป็นสตรี หลังจากทำงานด้วยกันมาสามวัน เขาคงนับถือหญิงสาวเป็นอย่างมาก

“กล้าเสนอการปกครองระบอบใหม่ขึ้นตอนนี้ กล้าปฏิรูปโครงสร้างระบอบการปกครองที่เหมาะสมกับสภาพของแคว้นเราในตอนนี้มากกว่า พระองค์กล้าเสนอว่าควรยึดชาวบ้านเป็นรากฐาน ชาวบ้านร่ำรวยแคว้นมั่งคั่ง ชาวบ้านแข็งแกร่งทหารก็จะแข็งแกร่ง นี่ไม่ใช่การปกครองที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองและราชวงศ์เป็นหลักเหมือนที่ราชวงศ์หลินเคยทำมา! หากรัชทายาทขึ้นครองราชย์ พระองค์ไม่มีทางเสนอการปกครองแบบใหม่เช่นนี้แน่นอน มีเพียงการผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ จักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์เท่านั้นจึงจะไม่ถูกอำนาจของราชสำนักกดดัน ดังนั้นพระองค์จึงต้องเข้าที่แทนราชวงศ์หลินและปฏิรูปการปกครอง ฝ่าบาทตรัสว่าพระองค์คิดกบฏตั้งแต่รู้ข่าวว่าบุรุษทั้งหมดของตระกูลไป๋เสียชีวิตลงในสนามรบหมดแล้ว”

ตั้งแต่ที่หลู่เซียงเห็นระบอบการปกครองแบบใหม่ เขายังคงตกตะลึงไม่หาย “ตั้งแต่ที่คิดกบฏจนถึงวันที่เข้าแทนที่ราชวงศ์หลินสำเร็จ ฝ่าบาทใช้เวลาเพียงสามปีเท่านั้น ระยะเวลาอันสั้นเพียงสามปีนี้…ฝ่าบาททำลายแคว้นต้าเหลียง ขยายอาณาเขตให้ต้าจิ้น จากนั้นเข้าแทนที่ราชวงศ์หลิน! พระองค์มีจิตวิญาณที่แข็งแกร่งและความสามารถที่ยิ่งใหญ่! หากมีจักรพรรดินี้เช่นนี้ พวกเราไม่ต้องกลัวเลยว่าจะรวบรวมใต้หล้าไม่สำเร็จ!”

“นั่นสิขอรับ…” บุตรชายคนโตของหลู่เซียงได้ยินบิดากล่าวเช่นนี้จึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ “สามปีก่อนตระกูลไป๋ตกอยู่ในอันตราย ทุกคนต่างคิดว่าตระกูลไป๋คงไม่มีที่ยืนในเมืองหลวงอีกต่อไปแล้ว ผู้ใดจะคิดว่าสามปีให้หลังฝ่าบาทจะทำให้ตระกูลไป๋กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง พระองค์ปราบความวุ่นวายในสงครามหนานเจียง ทำลายแคว้นต้าเหลียง ที่น่าตกตะลึงก็คือพระองค์เริ่มปูทางสำหรับการรวบรวมใต้หล้าตั้งแต่ตอนที่ตระกูลไป๋อยู่ในสถานการณ์คับขันเมื่อสามปีที่แล้ว ฝ่าบาททรงยืดหยัดท่ามกลางอุปสรรค ไม่กลืนหายไปพร้อมกลุ่มเมฆที่หนาทึบ คุณธรรมและความสามารถเช่นนี้หาได้ยากยิ่งขอรับ”

“สตรีผู้นี้มองการณ์ไกลไปยังแคว้นต่างๆ นางไม่ได้จัดตั้งสำนักตรวจสสอบขึ้นมาเพื่อตรวจสอบขุนนางในราชสำนัก ทว่า นางทำเพื่อรวบรวมข่าวสารจากทุกแคว้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันข้างหน้า”

หลู่เซียงหรี่ตาแคบมองดูเปลวเทียนที่พลิ้วไหวไปมา จากนั้นส่ายหน้า

“ผู้ใดในราชวงศ์หลินมีสายตาที่กว้างไกลเช่นนี้บ้าง จักรพรรดิองค์ก่อนของพวกเราไม่มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ขุนนางอย่างพวกเราจึงไม่มีความคิดอยากจะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง”

หลู่หยวนชิ่งนั่งฟังคำกล่าวที่เต็มไปด้วยคำชื่นชมยกย่องไป๋ชิงเหยียนของท่านปู่และท่านลุงใหญ่ของตัวเองอยู่ด้านข้าง “หมายความว่าท่านปู่และท่านลุงใหญ่เห็นด้วยที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วจะเสด็จขึ้นครองราชย์หรือขอรับ”

“นั่นคือฝ่าบาท!” หลู่เซียงปิดฝาถ้วยชา จากนั้นกำชับทุกคน “นับแต่นี้เป็นต้นไป พวกเจ้าจงจำไว้ว่าแม้ฝ่าบาทจะยังไม่ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ ทว่า แคว้นต้าจิ้นเปลี่ยนเป็นต้าโจวแล้ว ต่อจากนี้พวกเราคือขุนนางของราชสำนักต้าโจว โดยเฉพาะพวกเจ้า หลู่หยวนชิ่ง หลู่หยวนเป่า เมื่อฝ่าบาทขึ้นครองราชย์เรียบร้อย พระองค์จะเปลี่ยนรูปแบบการปกครอง ถึงตอนนั้นพระองค์จะต้องเลือกใช้คนรุ่นใหม่แน่นอน พวกเจ้าคนหนึ่งคือปั่งเหยี่ยน คนหนึ่งได้ที่หกในระดับสอง ฝ่าบาทอาจเลือกใช้งานพวกเจ้า พวกเจ้าจงจำคำของข้าไว้ให้ดี จงอย่าดูถูกฝ่าบาทเพียงเพราะนางเป็นสตรีเด็ดขาด! พระองค์ทำเรื่องเหล่านี้โดยใช้เวลาเพียงสามปี อย่าว่าแต่สตรีเลย แม้แต่บุรุษก็ยากจะทำได้ ฝ่าบาทเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ”

หลู่หยวนชิ่งและหลู่หยวนเป่าลุกขึ้นยืนโค้งกายคำนับหลู่เซียง “หลานจะจดจำคำสอนของท่านปู่ให้ขึ้นใจขอรับ!”

แม้หลู่เซียงจะไม่เตือน หลู่หยวนชิ่งและหลู่หยวนเป่าก็ไม่กล้าดูถูกไป๋ชิงเหยียนอยู่แล้ว ไป๋ชิงเหยียนเป็นยอดแม่ทัพ ไม่ต้องกล่าวถึงสงครามหนานเจียงและต้าเหลียงที่เพิ่งผ่านมา ไป๋ชิงเหยียนเคยติดตามเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงไปออกรบตั้งแต่เล็ก นางคือสตรีที่ตัดศีรษะแม่ทัพผางผิงกั๋วแห่งแคว้นสู่ได้เชียวนะ!

แม้ว่าผู้อื่นจะกล่าวว่าเจิ้นกั๋วอ๋องโอ้อวดเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้หลานสาวของตัวเองได้หน้า ทว่า หากไป๋ชิงเหยียนไม่มีความสามารถมากพอ นางไม่มีทางตัดศีรษะแม่ทัพใหญ่ของฝ่ายศัตรูได้แน่

บัดนี้ไม่เพียงหลู่เซียงเท่านั้น ขุนนางคนอื่นๆ ที่กลับไปจวนของตัวเองก็เอ่ยสั่งลูกหลานของตัวเองด้วยความคิดเช่นเดียวกับหลู่เซียง