เล่ม 1 ตอนที่ 220-2 พี่น้องได้พบหน้า

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 220-2 พี่น้องได้พบหน้า

เรือนรองไม่ใช่บุตรที่เกิดจากจีเหล่าฮูหยิน ในใจนางหรูเย่ว์ย่อมเทียบกับหว่านอวี๋ไม่ได้ ให้แต่งงานไปอยู่ไกลหน่อยนั้นนางรับได้ แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเด็กที่ตนเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต จะบอกว่าไม่รักใคร่เอ็นดูเลยนั้นก็ออกจะเกินไปสักหน่อย ถึงอย่างไรก็ยังหวังให้นางได้แต่งงานไปกับคนดีๆ

“เจ้ารองว่าอย่างไร” จีเหล่าฮูหยินถาม

หลี่ซื่อบอกว่า “นายท่านรองบอกว่า แล้วแต่ท่านแม่ตัดสินใจเจ้าค่ะ”

เช่นนี้ก็เท่ากับเห็นด้วยแล้ว

จีเหล่าฮูหยินคิดแล้วก็เรียกตัวหรูเย่ว์เข้ามา “หรูเย่ว์ หากให้เจ้าแต่งงานไปอยู่ที่หนานฉู่ เจ้ายินดีหรือไม่”

จีหรูเย่ว์ย่อมไม่ยินดี ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นแม่ทัพก็ดี หรือเป็นองค์ชายก็ดี การต้องแต่งงานไปอยู่แดนไกล ไม่คุ้นเคยทั้งสถานที่และผู้คน หากมีอะไรไม่พอใจ จะกลับบ้านเดิมก็ยังไม่ได้ แต่ต่อให้ในใจไม่ยินดี ปากก็ยังตอบอย่างเคารพนบนอบว่า “หรูเย่ว์แล้วแต่ท่านย่ากับท่านแม่เจ้าค่ะ”

จีเหล่าฮูหยินหันไปสบตากับหลี่ซื่อ ทั้งสองต่างคิดอยากตอบตกลงกับการแต่งงานครั้งนี้

เฉียวเวยหยุดมองสีหน้าของจีหรูเย่ว์พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “สู้ถามความเห็นของแม่ทัพน้อยมู่ก่อนสักหน่อยดีหรือไม่”

จีเหล่าฮูหยินคิดแล้วก็เห็นว่าดี จึงใช้ข้ออ้างว่าอยากขอบคุณที่ช่วยเหลือญาติของตระกูลจีในการเชิญแม่ทัพน้อยมู่มาที่บ้าน

เรื่องสำคัญเช่นนี้ จีซั่งชิง จีเซิ่งและอาเขยฉินล้วนมากันพร้อมหน้า

แม่ทัพน้อยมู่มีหรงมามาเชิญไปที่เรือนลั่วเหมย เมื่อได้เห็นว่าในห้องมีคนอยู่เต็มไปหมด ก็อดอึ้งไปเล็กน้อยไม่ได้ เขารู้สึกว่าสายตาทุกคู่ที่มองมาดูประหลาด ไม่เหมือนสายตาเวลามองแขก แต่กลับเหมือนกำลังมองเนื้อติดมัน

จีเหล่าฮูหยิน: หนุ่นแน่นหล่อเหลา!

จีซวง: รูปงามกว่าในภาพ!

จีเซิ่ง: รูปร่างสูงใหญ่ มีความอดทนสูง!

อาเขยฉิน: หลังใหญ่เอวหนา ท่าทางไม่เลว!

แม่ทัพน้อยมู่ถูกมองจนขนหัวลุกไปหมด

เฉียวเวยระบายยิ้ม

อันที่จริงแม้แต่เจินซื่อที่ไม่ได้คิดจะให้บุตรสาวแต่งงานไปอยู่ไกล เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของแม่ทัพน้อยมู่แล้วก็ยังเกิดความคิดที่จะให้บุตรสาวแต่งงานกับอีกฝ่ายขึ้นมาเหมือนกัน เพียงแต่เมื่อวานตนรังเกียจที่อีกฝ่ายอยู่ไกล ไม่ได้เก็บภาพเหมือนของเขาไว้ หลี่ซื่อจึงแย่งเอาไปได้ เวลานี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าฮูหยิน จึงไม่อาจยื้อแย่งกับหลี่ซื่อได้

เจินซื่อนึกเสียใจ รู้สึกว่านอกจากท่านอ๋องเก้าผู้นั้นแล้ว ไม่มีใครสามารถชดเชยโอกาสที่เสียไปของบุตรสาวตนได้

ทางห้องพักด้านข้าง จีหว่านอวี๋เลิกม่านขึ้นเล็กน้อย กวักมือเรียกจีหรูเย่ว์พร้อมกระซิบเสียงเบา “พี่สาวๆ รีบมาดูพี่เขยเร็ว!”

จีหรูเย่ว์คร้านจะไปดู

สวินชิงเหยาเกิดอยากรู้ขึ้นมา จึงลอบแอบมองผ่านช่องตรงผ้าม่านไป น่าเสียดายที่ได้เห็นเพียงท้ายทอยของจีหว่านอวี๋

แม่ทัพน้อยมู่มองคนในห้องที่ดูคล้ายหมาป่าคล้ายราชสีห์แล้วพยายามตั้งสติ ก่อนเป็นฝ่ายเอ่ยปากทำลายบรรยากาศอันน่ากระอักกระอ่วนนี้ “ไม่…ไม่ต้องขอบคุณ?”

จีเหล่าฮูหยินยิ้มจนมองไม่เห็นดวงตา หากบอกว่าก่อนหน้านี้รู้สึกเพียงว่าเขาดูไม่เลว เวลานี้ก็แทบอยากจะจับหลานสาวเปลื้องผ้าส่งขึ้นเตียงเขาเสียให้ได้ทีเดียว ชายหนุ่มที่น่ามองเพียงนี้ จะต้องเป็นหลานเขยของนางแน่…

แม่ทัพน้อยมู่ทนรับสายตาเพ้อฝันของจีเหล่าฮูหยินไม่ไหว เขาหันไปมองเฉียวเวย ใครจะรู้ว่าเฉียวเวยกำลังระบายยิ้มเสียเต็มใบหน้า หน้าเขาจึงบึ้งลงทันที “พวกท่านคิดจะทำอะไรกันแน่”

เฉียวเวยเอ่ยขณะยังคงยิ้มพริ้มว่า “อยากขอบคุณที่ท่านช่วยสารถีกับแขกตระกูลจีของพวกเราไว้อย่างไรเล่า ยังมีรถม้ากับม้าอีกสองตัวด้วย ของขวัญขอบคุณก็ตระเตรียมเอาไว้แล้ว อีกเดี๋ยวจะให้คนไปส่งให้ที่รถม้าของแม่ทัพน้อยมู่ อ่า ใช่สิ ข้าเห็นว่าแม่ทัพน้อยมู่มีความสามารถ เชื่อว่าคงมีการหมั้นหมายติดตัวอยู่แล้วกระมัง พอดีข้ามีผ้าคลุมหน้าอยู่ผืนหนึ่ง อยากมอบให้ฮูหยินแม่ทัพในอนาคต”

แม่ทัพน้อยมู่เบือนหน้าหนี “ข้ายังไม่ได้หมั้นหมายเสียหน่อย!”

“เช่นนั้นมีความคิดที่จะหมั้นหมายกับใครหรือไม่” เฉียวเวยถามพร้อมรอยยิ้ม

แม่ทัพน้อยมู่กวาดตามองนางทีหนึ่งแล้วตอบเรียบๆ ว่า “ไว้รออีกสักสามปีห้าปีค่อยว่ากันแล้วกัน!”

สามปีห้าปี หรูเย่ว์คงได้รอจนเป็นสาวแก่กันพอดี จีเหล่าฮูหยินร้อนใจ เอ่ยปากถามว่า “หรูเย่ว์ ที่บ้านมีแขกมาเยี่ยม พวกเจ้าอย่ามัวแต่แอบดูอยู่เลย รีบออกมาทักทายเร็วเข้า!”

“ตายจริง!” จีหรูเย่ว์รู้สึกขัดเขิน

จีหว่านอวี๋หัวเราะแหะๆ “ในที่สุดก็จะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของพี่เขยแล้ว!”

พี่น้องสองคนเดินจับจูงกันออกจากห้องไป สวินชิงเหยาเองก็เดินออกมาด้วย

สวินชิงเหยาใจเต้นระรัว นางสูดหายใจลึกๆ อยู่หลายครั้งเพื่อข่มความตื่นเต้นในใจเอาไว้ นางเคยมีวาสนาได้พบหน้าเขาครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าเมื่อได้พบกันอีกครั้งเขาจะยังจำนางได้หรือไม่

เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพน้อยมู่จำไม่ได้แล้ว คุณหนูทั้งสามทำความเคารพเขา เขาส่งเสียงอ้อตอบรับคล้ายเกรงใจ สีหน้าราบเรียบยิ่งนัก

ทุกคนแค่ดูก็รู้แล้วว่าเขาไม่ถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นหรูเย่ว์หรือสตรีสาวอีกสองนางที่งดงามประหนึ่งบุปผา แต่กระนั้นไม่รู้ว่าพวกเขารู้สึกไปเองหรือไม่ แต่สายตาของแม่ทัพน้อยมู่คล้ายหยุดมองที่ใบหน้าของเฉียวเวยเป็นระยะๆ

ในขณะที่แม่ทัพน้อยมู่หันไปมองเฉียวเวยอีกครั้งนั้น เฉียวเวยก็ถลึงตาตอบกลับไปอย่างดุดัน แม่ทัพน้อยมู่ตกใจจนเกือบขาอ่อน!

สตรีไร้ยางอายผู้นี้ อย่าได้ดุดันเพียงนี้จะได้หรือไม่!

“แม่ทัพน้อยมู่ใกล้จะเดินทางกลับหนานฉู่แล้วกระมัง” เฉียวเวยถาม ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ถูกตาต้องใจกัน เช่นนั้นก็รีบตัดบทให้หมดสิ้นเรื่องราวไปโดยเร็วจะดีกว่า

แม่ทัพน้อยมู่ตอบว่า “อีกสามวันก็จะออกเดินทางแล้ว”

สวินชิงเหยาพลั้งปากถามออกไปว่า “เช่นนั้นแม่ทัพน้อยจะกลับมาต้าเหลียงอีกหรือไม่”

ถามเสร็จก็รู้สึกได้ว่าตนออกจะบุ่มบ่ามเกินไป ตนเป็นสตรีสาวที่ยังไม่ออกจากห้องหับ ไม่ควรพูดคุยกับบุรุษนอกบ้าน

แม่ทัพน้อยมู่ตอบว่า “เรื่องในวันหน้าคงยังบอกไม่ได้ หากราชสำนักบอกให้มา ข้าก็มา ไม่ให้มาข้าก็ไม่มา”

ขณะที่เขาตอบไปเช่นนั้น เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสีหน้าเฉียวเวยดูแปลกไป แอบชอบข้าจริงๆ เสียด้วย หึ! อยากขอบคุณอะไรกัน เป็นเพียงข้ออ้างว่าอยากพบหน้าเขาเท่านั้นแหละ! ซ้ำยังเลียบๆ เคียงๆ ถามว่าเขามีคู่หมั้นแล้วหรือยังอีก ช่างมากเล่ห์แสนกลนัก!

เฉียวเวยเห็นสีหน้าแม่ทัพน้อยมู่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็ไม่เข้าใจว่าอีตานี่คิดอะไรบ้าๆ อยู่อีก นางจึงรีบปิดประเด็นให้เรียบร้อย “นี่ก็สายมากแล้ว แม่ทัพน้อยมู่ยังมีบาดแผลติดตัว ไม่ขอรบกวนเวลาพักผ่อนของแม่ทัพน้อยมู่แล้วก็แล้วกัน ท่านย่า พวกเรารีบให้แม่ทัพน้อยมู่กลับไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ”

จีเหล่าฮูหยินถอนหายใจยาว บุรุษดีๆ เช่นนี้ เหตุใดถึงไม่ถูกใจหลานสาวของนางนะ ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน!

จีเหล่าฮูหยินให้จีเซิ่งออกไปส่งแม่ทัพน้อยมู่ จีเซิ่งต้องไปเอาของขวัญขอบคุณก่อน จึงให้แม่ทัพน้อยมู่รอเขาสักเดี๋ยว

แม่ทัพน้อยมู่ไม่อยากรออยู่ในห้อง สายตาของคนเหล่านี้คล้ายอยากจะกินเขาอย่างไรอย่างนั้น เขายอมออกไปยืนรอข้างนอกเสียยังดีกว่า

เขาไปรออยู่ที่หน้าประตูเรือนลั่วเหมย

เฉียวเวยออกจากเรือนลั่วเหมายมาก็ถูกเขาเรียกเอาไว้ “นี่”

เฉียวเวยไม่สนใจ

เขาเร่งฝีเท้าตามมาขวางทางเฉียวเวยไว้ “เรียกเจ้าแหน่ะ ไม่ได้ยินหรือ”

เฉียวเวยปรายตามองอีกฝ่ายอย่างเห็นขัน “ท่านเรียกว่านี่ ข้าจำไม่ได้ว่าข้ามีชื่อเรียกนี้ด้วย”

แม่ทัพน้อยมู่เอามือลูบจมูก ใบหน้าบึ้งตึง “เจ้าต้องการอะไรกันแน่”

เฉียวเวยมองอีกฝ่ายอย่างใสซื่อ “ข้าต้องการอะไรกัน”

แม่ทัพน้อยมู่เอ่ยเสียงเย็น “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเจ้าอยากขอบคุณข้า ว่ามา เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้ามีใจเพ้อพกถึงข้า จึงคิดหาทางจะพบหน้าข้าให้ได้น่ะ แล้วยังน้องสาวพวกนั้นของเจ้าอีก อย่าคิดว่าข้ามองน้ำเสียในท้องเจ้าไม่ออก ไว้วันใดข้ากลายเป็นน้องเขยของเจ้าแล้ว เจ้าจะได้มีข้ออ้างมาเยี่ยมข้าที่หนานฉู่อย่างเปิดเผยใช่หรือไม่”

เฉียวเวยได้แต่ตาโตอ้าปากค้าง สมองของคนผู้นี้คงพังพินาศไปหมดแล้วกระมัง คำพูดที่น่าละอายแก่ใจเช่นนี้ เขาพูดออกมาได้อย่างไร

แม่ทัพน้อยมู่เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน อย่าแม้แต่จะคิด!”

ขอบคุณเจ้ามากนะ!

เฉียวเวยคร้านจะสนใจเขา กรอกตาบนให้ทีหนึ่งแล้วเดินหนีไปทันที

อีกฝั่งหนึ่งของกำแพง สวินชิงเหยากำขวดที่อยู่ในแขนเสื้อแน่น ก่อนที่นางจะเข้าไปที่เรือนลั่วเหมย นางไม่คิดที่จะใช้เล่ห์กลเช่นนี้กับแม่ทัพน้อยมู่ เพราะถึงอย่างไรแม่ทัพน้อยมู่ก็เป็นขุนนางทูตจากหนานฉู่ ไม่ต้องพูดถึงว่านางไม่มีจิตใจต่ำทรามเช่นนั้น แต่ต่อให้มี นางก็คงไม่มีโอกาสได้พบเขาไม่ใช่หรือ

แต่ตอนนี้เขายืนตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้านางแล้ว นี่นับเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง หากนางพลาดโอกาสนี้ไป น่ากลัวว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว

แค่คิดว่าจะไม่ได้พบหน้าเขาอีก ใจนางก็คล้ายมีมดนับหมื่นตัวรุมกัดกิน ยากจะทานทนราวกับจะเป็นบ้า

สุดท้ายสติของนางก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้

นางถือขวดเดินเข้าไปหาแม่ทัพน้อยมู่

“แม่ทัพน้อย” นางเอ่ยเสียงเบาพลางทำความเคารพ

แม่ทัพน้อยมู่พยักหน้าอย่างเย็นชา “อื้อ” ไม่มองนางดีๆ สักนิด

ความรู้สึกที่ถูกมองเมินไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ทั้งๆ ที่ตอนแม่ทัพน้อยมู่อยู่กับฮูหยินน้อย เขาไม่ได้เป็นเช่นนี้เสียหน่อย ถึงแม้เขาจะหน้าตาบูดบึ้งอยู่ตลอดเวลา แต่ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องให้ทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้น

สวินชิงเหยาฝืนข่มความขมขื่นในใจเอาไว้ กำขวดในมือแน่น “ข้ามากล่าวขอบคุณท่านแม่ทัพน้อยมู่ หากวันนั้นไม่ได้แม่ทัพน้อยมู่ช่วยเหลือไว้ น่ากลัวว่าข้า…”

“อื้อ”

เขาไม่ได้บอกว่า “ที่แท้ก็คือเจ้าเอง” อย่างที่นางคิดเอาไว้ เพียงตอบเรียบๆ ว่า “อื้อ” คำเดียวเท่านั้น

หากแม่ทัพน้อยมู่ตอบนางด้วยความกระตือรือร้นสักนิด สวินชิงเหยาก็ไม่คิดจะใช้วิธีการเช่นนี้ แต่เขาเย็นชาเพียงนี้ ความรู้สึกไม่ยอมแพ้ในใจจึงถูกปลุกขึ้นมาจนหมด มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อดึงจุกปิดขวดออก พอปล่อยมือ ขวดนั้นก็หล่นลงกับพื้น

นางก้มลงไปหยิบ

แม่ทัพน้อยมู่ไม่ได้สนใจ

แมลงตัวผู้กระโดดออกมาจากขวดไปเกาะอยู่ที่ปลายเท้าแม่ทัพน้อยมู่ เดี๋ยวไต่เดี๋ยวกระโดดขึ้นไปเรื่อยๆ คล้ายปีนหน้าผาขึ้นไปตรงท้ายทอยของแม่ทัพน้อยมู่ จากนั้นมันก็อ้าปากงับ!

“ซี๊ด…”

แม่ทัพน้อยมู่รู้สึกเจ็บ เขายกมือขึ้นปัดตรงส่วนที่โดนกัด แต่กลับปัดไม่โดนอะไรสักอย่าง

สวินชิงเหยามองอีกฝ่ายด้วยความละอายใจ ไม่กล้าลุกขึ้นยืน นางเปิดฝาขวดอันที่สองออก ให้แมลงอีกตัวตกลงมาบนมือนาง

แต่กระนั้นที่น่าประหลาดยิ่งก็คือ แมลงตัวนั้นไม่ขยับไปไหนสักนิด นอนอย่างเกียจคร้านอยู่บนฝ่ามือของนาง นางยังคิดว่าแมลงตัวนี้ตายแล้ว จึงใช้ปลายนิ้วลองเขี่ยมันดู มันถูกเขี่ยจนราคาญ จึงปีนไปอยู่ที่หลังมือนาง

เอ๋?

นี่มันเรื่องอะไรกัน

นางเป็นสตรีนะ นี่ก็เป็นแมลงตัวเมียในขวดเล็ก ไม่มีอะไรผิดพลาด เหตุใดมันถึงไม่กัดนาง

จีซั่งชิงเดินเข้ามาก็เห็นว่าบนหลังมือนางมีแมลงที่ดูดุร้ายเกาะอยู่ เขารีบก้าวเข้ามาหา คว้าข้อมือนางไว้ คิดจะบี้แมลงตัวนั้นให้ตาย แต่ใครจะรู้ว่าพอถูกตัวแมลงตัวนั้น ยังไม่ทันได้ลงแรงก็ถูกมันกัดเข้าให้เสียแล้ว!

สวินชิงเหยาตกใจแทบสิ้นสติ

นี่ นี่ นี่…นี่มันอะไรกัน!

ก็บอกอยู่ว่าแมลงตัวผู้กัดบุรุษ แมลงตัวเมียกัดสตรี เหตุใดมันถึงไปกัดบุรุษเข้าให้เสียได้!

ความจริงก็คือ เจ้าสำนักผู้หลักแหลมเก็บแมลงมาผิดตัว นี่ไม่ใช่คู่แมลงตัวผู้ตัวเมีย แต่เป็นคู่แมลงลักเพศ!

เป็นแมลงตัวผู้ที่มีใจรักใคร่กัน!

ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ จีซั่งชิงวิงเวียนในศีรษะ ร่างกายไหวเอน แทบจะในชั่วขณะเดียวกัน ตัวของแม่ทัพน้อยมู่ก็ไหวเอน จากนั้นทั้งสองก็หันมองกันและกัน

ชั่วขณะที่ดวงตาสองคู่ได้สบประสานกันนั้น อารมณ์ที่ถาโถมก็พวยพุ่งออกมาจากใจคนทั้งสอง

“นายท่านจี…”

แม่ทัพน้อยมู่ตกใจกับน้ำเสียงที่หวานเชื่อมของตนยิ่งนัก!

“เรียกข้าว่าซั่งชิง”

ในใจจีซั่งชิงลึกๆ ก็ตกใจไม่น้อยไปกว่าแม่ทัพน้อยมู่เช่นกัน!

แม่ทัพน้อยมู่เดินเข้าไปหาจีซั่งชิง จีซั่งชิงก็เดินเข้าไปหาแม่ทัพน้อยมู่ ทั้งสองสบตากันด้วยความลึกซึ้ง ในใจทั้งสองปั่นป่วน ขยะแขยง ขยะแขยงแทบทนไม่ไหว!

“ซั่งชิง…”

แม่ทัพน้อยมู่อึ้งงัน เหตุใดถึงมีน้ำเสียงเช่นนี้ได้! สองคำนั้นไม่มีทางเป็นเสียงของเขา!

นายท่านจี…

“ซั่งชิง…”

อ๊าก!

เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้

แม่ทัพน้อยมู่ยกมือขึ้น คิดอยากตบหน้าตนเองแรงๆ แต่มือกลับไปจับประคองอยู่ที่ใบหน้าของจีซั่งชิง

จีซั่งชิงพลันตัวแข็งค้าง!

อยู่มากว่าครึ่งชีวิต นี่เขาถึงกับถูกบุรุษจับ…จับ…จับ…

แม่ทัพน้อยมู่เริ่มมีความคิดอยากจะตายเสียแต่ตรงนี้

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นนี่

เหตุใดเขาถึงเกิดอยากจะพลอดรักกับตาเฒ่าคนหนึ่งขึ้นมาได้!

สติ! สติ! สติ!

เขายิ่งจับแน่นขึ้น

นายท่านจี ขอโทษด้วย ข้าควบ คุม ตัว เอง ไม่ ได้!

ท่าน รีบ ไป เสีย…

หากท่านยังไม่ไปอีก ข้าไม่รู้ว่าข้าจะทำอะไรท่านมากกว่านี้หรือไม่นะ!

“อย่าเพิ่งไป ซั่งชิง!”

แม่ทัพน้อยมู่คว้าแขนจีซั่งชิงเอาไว้ แล้วเสียงอาลัยอาวรณ์เล็ดรอดออกมาจากริมฝีปาก อบอุ่นอ่อนโยนยิ่งนัก

อาหารในท้องจีซั่งชิงแทบจะตีกลับออกมาอยู่แล้ว เจ้าเด็กนี่ไม่ถูกใจสตรีตระกูลเขา ที่แท้มาถูกใจเขาอย่างนั้นหรือ ยังหนุ่มยังแน่น ชาติกำเนิดก็ดี เหตุใดจึงทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้!

จีซั่งชิงอยากผลักอีกฝ่ายออกไป แต่กลับกลายเป็นโผเข้าหาอ้อมอกของอีกฝ่ายเสียอย่างนั้น “แม่ทัพน้อยมู่! แต่งงานกับข้า!”

จีเซิ่งที่หอบเอาของขวัญกองโตออกมาจากเรือนลั่วเหมย ได้เห็นพี่ใหญ่ผู้เคร่งขรึมของตนผู้ไม่ยอมอ่อนแม้วรยุทธ์สูงส่ง ไม่ยอมงอแม้มั่งมีเงินทอง ภูเขาไท่ซานล้มลงตรงหน้าก็ยังไม่ไหวติงกำลังอิงแอบอยู่กับอกของแม่ทัพน้อยมู่ราวกับเป็นสตรีตัวน้อย พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน… “แต่งงานกับข้า”

จีเซิ่งรู้สึกคล้ายถูกสายฟ้าฟาดลงกลางศีรษะ!