บทที่ 898 เส้นทางการหาเงิน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 898 เส้นทางการหาเงิน

บทที่ 898 เส้นทางการหาเงิน

เสี่ยวหลิ่วลืมไปเสียสนิทว่า อันที่จริงตัวเองก็หวังว่าเจ้านายจะแบ่งอาหารไว้ให้เหมือนกัน เพื่อที่จะได้ลองชิมกับเขาบ้าง

ก่อนหน้านี้ต้องไปหาเพื่อนช่วยกินข้าว แต่คนพวกนั้นเอาแต่บอกว่าอาหารที่เสี่ยวเถียนเอามาอร่อยมาก ๆ ทั้งยังทำสีหน้ารังเกียจอาหารบนรถไฟที่เธอเอามาอีก

เสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจอีกฝ่าย หลังจากทำความสะอาดเสร็จ ก็ช่วยกันเก็บใส่ถุงกับเสี่ยวจวี

กล่องข้าวพวกนี้เสี่ยวเถียนปรับแต่งเป็นพิเศษจากระบบร้านค้า

ในชุดหนึ่งจะมีกล่องทั้งหมดสี่ใบ เรียงจากเล็กไปใหญ่ เมื่อไม่มีอาหารใส่อยู่ พวกมันจะซ้อนกันได้พอดิบพอดี จากจำนวนแปดกล่องจึงเหลืออยู่แค่สองชุดเท่านั้น ใส่กระเป๋าง่ายไม่กินพื้นที่เยอะ

ถ้าไม่มีคน เธอคงจะเอาใส่ไว้ในช่องเก็บของแล้ว แต่ตอนนี้เกรงว่าจะทำให้คนเขาสงสัยเอา

เสี่ยวจวีเฝ้ามองอีกฝ่ายวางกล่องซ้อนกันด้วยความประหลาดใจ

ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย?

“เสี่ยวเถียนซื้อกล่องข้าวมาจากไหนเหรอ?

เธออยากได้เหมือนกัน

จากงานที่ทำอยู่ทำให้ต้องเดินทางไปนู่นนี่บ่อย ๆ ทุกครั้งที่กินข้าวเสร็จตัวกล่องข้าวจะกินพื้นที่ในกระเป๋ามาก ๆ

“หนูซื้อตอนไปหรงเฉิงเมื่อสองปีก่อนค่ะ เห็นแล้วชอบมากเลยซื้อกลับมา แต่ว่าเสียดายที่ซื้อมาน้อยไปหน่อยค่ะ มีแค่สองชุดนี้เท่านั้นเอง”

เสี่ยวเถียนเอ่ยด้วยความเสียใจ

“ตอนนั้นหนูน่าจะซื้อมาเพิ่มอีก ไว้ให้ที่บ้านสักชุดด้วย เวลาไปไหนมาไหนจะได้ไม่ลำบาก”

เสี่ยวจวีก็เคยไปหรงเฉิงเหมือนกัน แต่ทำไมไม่เคยเจอเลยล่ะ?

หรือว่าหาไม่เจอเองนะ?

“ซื้อมาจากตรงไหนเหรอ? เผื่อรอบหน้าพี่ไป จะได้ไปหาดู”

เด็กสาวส่ายหัว “หนูเห็นคนตั้งแผงขายที่ตลาดกลางคืนค่ะเลยซื้อมา พอจะกลับไปซื้ออีกก็หาไม่เจอแล้ว”

ในเมื่อเจ้าตัวไม่รู้ เสี่ยวจวีก็ทำได้แค่ยอมแพ้

ขนาดเสี่ยวเถียนยังหาไม่เจอ ถ้าตัวเองไปก็คงไม่เจอเหมือนกัน

เอาเถอะ มันเป็นของหายากด้วย

เสี่ยวหลิ่วปีนขึ้นไปนอนด้วยความโมโห แต่เสียงบทสนทนายังดังเข้าหู

เธออุดหู เลิกสนใจคนข้างล่างที่พูดจาไร้สาระ

หลังจากเสี่ยวจวีช่วยทำความสะอาดเสร็จก็กลับไปเตียงของตัวเอง

เด็กสาวครุ่นคิด ก่อนจะเดินออกไปตามคุณย่าทั้งสอง

ตอนที่ออกไปล้างกล่องข้าวเมื่อครู่ก็ไม่เจอ ไม่รู้ไปไหนกัน

รถไฟมีเจ้าถิ่นอยู่ด้วย ไปดูหน่อยดีกว่า

เสี่ยวเถียนเดินผ่านตู้โดยสาร ก่อนจะได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครม ดูเหมือนว่าที่นี่คนจะคุยกันเยอะอยู่นะ

ที่เดินผ่านมาเป็นตู้นอนแบบนิ่ม คนจะน้อยกว่าตู้นอนแบบแข็งมาก ส่วนคนที่นั่งตั๋วนั่งแบบแข็งก็เยอะกว่าสองแบบก่อนหน้า

คนที่มีตั๋วนอนแบบแข็งได้คือคนที่พอมีเงิน และฐานะทางครอบครัวดีกว่าคนซื้อตั๋วนั่งแบบแข็งด้วย

แต่ทำไมในโซนตั๋วนอนที่ปกติคนน้อยกลับเสียงดังแบบนี้ล่ะ?

เธอกลัวว่าคุณย่าสองคนจะเข้าไปพัวพันจึงเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัย

ภายในห้องตั๋วนอนแบบแข็งมีคนประมาณเจ็ดแปดคนตั้งวงเล่นไพ่กัน

เสี่ยวเถียนเหลือบมอง แต่ไม่เห็นผู้หญิงทั้งสอง จึงหมายจะจากไป

การเล่นไพ่บนรถไฟไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

การเดินทางยังอีกยาวนาน ยังไงก็ต้องหาอะไรทำใช่ไหมล่ะ?

แต่ตอนที่หันกลับไปมองก็รู้สึกแปลก ๆ

เหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้ใช้วิธีการเล่นตามปกติ

ทำไมเหมือนกำลังโกงกันอยู่เลย?

เธอหยุดมองอีกครั้ง

ภายในห้องมีชายคนหนึ่งสวมสูทสีเทาที่ไซส์ใหญ่กว่าร่างสองเบอร์ รอบข้างรายล้อมไปด้วยผู้คน

ในมือเขาถือไพ่สามใบมีสีดำสองและสีแดงหนึ่ง ก่อนจะตะโกนให้ทุกคนเดิมพัน

“ในไพ่สามใบนี้ ถ้าพวกคุณจับได้ไพ่สีแดง ไม่ว่าจะเดิมพันไว้เท่าไร ฉันจะให้ตามนั้นเลย!”

เขาเอ่ยลั่น ส่วนคนรอบ ๆ เหมือนทนไม่ไหวเลยล้วงเงินห้าหยวนออกมาเล่นด้วย

“ฉันขอลองหน่อย เผื่อได้ขึ้นมาทำไง?”

น้ำเสียงเขาดูลังเล

คนข้าง ๆ แนะนำ “นายต้องระวังไว้หน่อยนะ แค่หยวนเดียวก็พอ ห้าหยวนเอาไปทำอะไรได้เยอะแยะเลย”

“ใช่ ๆ ฉันไม่คิดว่าลูกพี่จะโชคดีขนาดนั้นหรอกนะ เกิดเสียเงินขึ้นมาทำไง?”

ทีแรกอีกฝ่ายก็ลังเล แต่พอโดนอีกสองคนชักชวนกลับทำให้มุ่งมั่นกว่าเดิม “ฉันจะให้ห้าหยวน ถ้าเกิดชนะขึ้นมาล่ะ?”

“ต้องแบบนี้สิ ยิ่งเยอะยิ่งดี หยวนเดียวจะไปสนุกอะไรเล่า?”

พอเห็นคนสนใจ คนรอบข้างก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร

ภายใต้การกดดัน และแรงสนับสนุนทำให้เขาวางเงินห้าหยวนลงไปในที่สุด

เสี่ยวเถียนยืนมองด้วยความสนใจ กลุ่มตรงหน้าต้องเป็นพวกหลอกลวงแน่ ๆ แต่เธอไม่รู้ว่าจะมีแกะอ้วนในนั้นหรือเปล่าเนี่ยสิ

เธอรู้จักคนประเภทนี้อยู่

คนที่ซื้อตั๋วนอนแบบแข็งได้จะต้องเป็นพวกข้าราชการที่มีเงินอยู่บ้าง

แต่บางส่วนก็มีเงินนะ เพราะสองปีแห่งช่วงเวลาทำธุรกิจ ทำให้หาเงินได้มาบ้าง พวกเขาเลยไม่อยากเหนื่อยทำงาน จึงใช้สถานะซื้อตั๋วนอนแบบแข็งแล้วเปลี่ยนเป้าหมายในการเดินทางเสีย

เสี่ยวเถียนรู้สึกว่าคนประเภทหลังเป็นพวกนักต้มตุ๋นชัด ๆ

ถึงจะมีหน้าที่การงาน แต่ถ้ามีเงินน้อยก็หลอกเขาไม่ได้หรอก

เงินแค่นี้เองไม่ควรค่าแก่การนึกถึงจริง ๆ

แต่เธอยังยืนดูต่อ รอบนี้มีการวางเดิมพันหนึ่งคน ซึ่งต้องจ่ายหนึ่งคน คนที่วางเดิมพันห้าหยวนจับไพ่สีแดง ชายเสื้อเทาจึงคืนเดิมพันแล้วจ่ายให้เขาเพิ่มอีกห้าหยวน

“พี่ชายโชคดีจริง ๆ ชนะตั้งแต่รอบแรกเลย อยากลองอีกไหม?” ชายเสื้อเทาว่าต่อ

แต่คราวนี้นักเดิมพันกลับลังเล

“เอาเลยลูกพี่ ฉวยโอกาสตอนโชคยังมีอยู่เอามาอีกสองเลย”

“ถูกต้อง อย่าเสียโอกาสไปนะ”

“น่าอิจฉาโชคของพี่จริง ๆ! ถ้าฉันเป็นพี่ คงลงมากกว่านี้แน่นอน”

เห็นเลยว่าฝ่ายคนชนะดูเอื่อยเฉื่อย

หลังจากคิดอยู่นานก็พูดขึ้น “ฉันเดิมพันอีกห้าหยวนแล้วกัน ต่อให้เสียก็ยังมีห้าหยวนที่ได้มาอยู่ ไม่รู้สึกแย่แน่นอน!”

แต่คนรอบข้างกลับส่งเสียงโห่ ไม่พอใจอย่างมาก

“งั้นฉันวางห้าหยวน เปิดไพ่มาซะ!”

ชายเสื้อเทามองนักเดิมพันคนเดิมด้วยความไม่ชอบใจ “ด้วยนิสัยของพี่ ไม่มีทางได้กำไรหรอก! ต้องมีสายตาที่ดีต่างหาก นี่สิถึงจะเป็นเส้นทางการหาเงิน”