บทที่ 899 ฝากให้ตำรวจจัดการ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 899 ฝากให้ตำรวจจัดการ

บทที่ 899 ฝากให้ตำรวจจัดการ

ชายอีกคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูถูก “มันมีคำพูดที่เขาว่ากันว่า ‘ม้าไม่มีทางอ้วนพีหากไม่มีหญ้าให้กิน คนไม่มีทางร่ำรวยถ้าไม่สร้างโชคลาภ’*[1] อยู่นะ”

คนข้าง ๆ ได้ยินก็ต้องการวางเดิมพันบ้าง

“บ้านฉันจนมีเงินไม่เยอะ ขอเดิมพันสองหยวน!” ชายที่สวมเสื้อผ้าฝ้ายท่าทางดูซื่อสัตย์เอ่ย

เสี่ยวเถียนรู้สึกแปลกตากับภาพตรงหน้าอย่างมาก

การแต่งตัวดูไม่เหมือนจะซื้อตั๋วนอนแบบแข็งได้เลย

ไม่รู้ว่าในกลุ่มนี้มีนักตุ้มตุ๋นกี่คน

“งั้นฉันวางสิบหยวนเลย”

นักเดิมพันคนแรกเหมือนได้กำลังใจกลับมาอีกครั้ง ต่อให้ลังเลก็ยังวางเงินทั้งหมดลงไป

หรือจริง ๆ แล้ว เป้าหมายของนักเดิมพันที่คนที่คอยดูอยู่กันแน่?

เธอขบคิด แต่มันก็ยังแปลก ๆ อยู่ดี

ตอนนั้นเองที่คนในวงไพ่นั้นเห็นเสี่ยวเถียน จึงตะโกนเรียกด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อย อยากมาเล่นด้วยกันไหม สนุกมากนะ!”

เมื่อได้ยินแบบนี้ก็เข้าใจทันทีว่าตนคือลูกค้าเป้าหมายเช่นกัน

ขอแค่พวกมันคิดจะหลอกผู้คน เป้าหมายย่อมไม่ตายตัวแน่นอน แล้วถ้ามีคนเต็มใจกระโดดเข้ากับดัก พวกเขาก็ลงมือได้เหมือนกัน

เสี่ยวเถียนไม่อยากเป็นที่สนใจ จึงหันหลังเตรียมกลับ

“อย่าเพิ่งไปสิสาวน้อย มันสนุกมากเลยนะ!” หนึ่งในนั้นตะโกนบอก

ถึงจะยังเด็ก แต่ท่าทางดูมีเงินเหมือนกันนะ เล่นด้วยกันสักสองสามตาพวกเขาอาจจะมีเงินเพิ่มก็ได้ใช่ไหมล่ะ?

เสี่ยวเถียนหมุนตัวกลับ จากไปทันทีโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ

เธอไม่ได้แสดงท่าทางอะไรต่อคนพวกนั้น ทำให้ดูเหมือนกลัวพวกเขา

“ไอ้หยา ยังไงก็เป็นแค่เด็กแหละน้า จะมาเล่นไพ่กับผู้ชายแบบเรา ๆ ได้ยังไง?”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ใครว่าผู้หญิงจะเล่นไพ่ไม่ได้ล่ะ?”

“มาไหม ๆ มาเล่นกัน!”

แม้จะเดินไปแล้ว เด็กสาวก็ยังได้ยินเสียงบทสนทนาชัดเจน

กระทั่งออกจากตู้โดยสารหมายเลข 9 ถึงค่อยสบายใจขึ้นมาก

แม้การเปิดเผยตัวตนคนพวกนี้จะสำคัญ แต่ควรเก็บเอาไว้ก่อนดีกว่า

ถ้าอยากสร้างปัญหายังไงก็ต้องรอจนกว่าจะถึงช่วงที่ควบคุมไม่ได้ต่างหาก มันถึงจะจัดการง่าย

ตอนนี้เราอยู่บนรถไฟ ฝากเรื่องไว้กับตำรวจก็พอ

เสี่ยวเถียนตัดสินใจไปหาเจ้าหน้าที่เพื่อแจ้งเรื่องให้ทราบ

แต่เธอไม่ใช่คนประเภทไปตายเอาดาบหน้า ในเมื่อจะแจ้งความก็ต้องเตรียมหลักฐาน และเบาะแสอะไรให้เรียบร้อย

เด็กสาวขบคิดถึงการกระทำของเจ้าพวกนักต้มตุ๋นหลังจากนี้

หลังจากได้เงินพวกมันต้องลงป้ายหน้าแน่ ๆ

ขอแค่ลงรถอย่างราบรื่น ต่อให้คนโดนหลอกเพิ่งรู้สึกตัวก็ไม่มีทางหาพวกมันเจออีกแล้ว

ยิ่งรถไฟเคลื่อนออกจากสถานีด้วยแล้ว ก็ยิ่งไม่สามารถห้ามเดินทางโดยไม่มีเหตุผลได้

ยิ่งช้าเท่าไร คนพวกนั้นก็ยิ่งปลอดภัยมากกว่าเดิม

จากนั้นเธอก็นึกถึงช่วงเวลาที่พวกมันจะลงจากรถ

จู่ ๆ สมองก็นึกถึงตารางรถโดยไม่รู้ตัว

ถ้าไม่ตารางเดินรถช้ากว่าปกติ ก็น่าจะไปถึงสถานีต่อไปในอีกสองชั่วโมงกว่า ๆ

ซึ่งเป็นเวลาประมาณสามทุ่มกว่า ๆ พอดี

หากพวกมันบรรลุเป้าหมายได้ภายในสองชั่วโมงที่ว่า มีโอกาสที่มันจะลงรถตอนนั้นแน่นอน

ถ้าพลาดป้ายที่จะถึง คงทำอะไรได้ยากแล้ว

เพราะรถไฟจะปิดไฟตอนสี่ทุ่ม การก่ออาชญากรรมที่ว่าจะยากกว่าเดิม

หาเงินไม่ได้ ก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้

พวกนักต้มตุ๋นจะไม่นั่งรถไฟนานกว่าสิบชั่วโมงเพื่อไปเมืองที่ไม่รู้จักหรอก

หลังขบคิดเสร็จ เด็กสาวก็รีบเร่งฝีเท้าออกไป

ระหว่างทางไม่เจอคุณย่าสองคนเลย คงไปเดินทางอื่นกันแน่ ๆ

แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอแค่ตามตำรวจมาได้ก็พอ

ตู้โดยสารของพวกมันอยู่ช่วงกลางถึงท้ายขบวน เธอเดินไปเรื่อย ๆ ผ่านไปหลายตู้ทั้งตั๋วนอนแบบแข็ง ตู้เสบียง และตั๋วนั่งแบบแข็ง

ตู้โดยสารของสองตั๋วข้างหน้าคนน้อย แต่พอมาถึง ตู้โดยสารของตั๋วนั่งแบบแข็ง เสี่ยวเถียนก็สัมผัสได้ถึงความแออัด

ที่นี่เต็มไปด้วยผู้คน

เทียบกับตู้นอนแล้ว พวกเขาจะสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายและล้าสมัย บางคนก็ใส่เสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยปะ

พวกเขาถือกระเป๋าเดินทางค่อนข้างเยอะ ส่วนมากเป็นกระเป๋าหนังงู กระสอบ และอื่น ๆ

บางคนมีที่นั่งดูสะดวกสบายดี ทั้งยังพูดคุยหัวเราะกันได้

แต่คนไม่มีที่นั่งจะนั่งยองหรือไม่ก็เอนตัวพิงผนักของตู้โดยสารแทน สีหน้าดูอ้างว้างเหมือนไม่อยากสนทนากับใคร

โชคดีที่ไม่มีใครพยายามหลอกพวกเขา

ถึงจะแค่ไม่กี่สิบหยวน แต่เงินจำนวนนี้ก็ต่อชีวิตพวกเขาได้

ถ้าโดนหลอกขึ้นมา พวกเขาอาจจะตายจริง ๆ ก็ได้

แม้ในยุคนี้จะมีการต้มตุ๋นแล้ว แต่สิ่งนี้ไม่เหมือนกลุ่มแก๊งอย่างในยุคปัจจุบันหรอกนะ

ตอนนี้ยังถือว่าโชคดีอยู่!

เมื่อตำรวจได้ยินเรื่องที่เสี่ยวเถียนบอก เขาแทบไม่อยากเชื่อ

หนึ่งคือไม่คิดว่าจะมีคนกล้าทำแบบนี้ สองคือเสี่ยวเถียนเป็นเด็ก อาจจะโกหกก็ได้

เผลอ ๆ ด้วยความเป็นเด็กเลยมองผิดไงล่ะ

การเล่นไพ่บนรถไฟเป็นเรื่องปกติมาก แล้วมาพูดได้ยังไงว่าพวกเขาหลอกทั้งที่ไม่มีหลักฐานสักนิด?

ก่อนหน้านี้ก็เคยสงสัยนะ คนที่รู้จักหลายคนก็ไปรวมกลุ่มกันเล่นด้วย ถ้าพวกเราเข้าไปยุ่ง จะกลายเป็นจุ้นจ้านเกินไปน่ะสิ

เพราะยังไงมันเป็นเรื่องที่ถ้าคุณยินยอมฉันก็เอาด้วย

ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เขาไม่สามารถออกตัวได้หรอกว่าอีกฝ่ายมีปัญหาโดยที่ไม่มีเหตุผลน่ะ

“สาวน้อย ถ้าไม่มีผู้เสียหายมาแจ้งเรารับความไม่ได้หรอกนะ” เจ้าหน้าที่หนุ่มขมวดคิ้ว

เสี่ยวเถียนไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะพูดเช่นนี้ เธอจึงไม่รู้จะตอบกลับว่าอะไรดี

“คือแบบนี้ค่ะคุณตำรวจ คุณลองไปตู้หมายเลข 9 ก่อนรถไฟจะจอดที่สถานีถัดไปนะคะ แล้วถ้าไม่มีคนแจ้งความอะไรก็ช่างมันค่ะ”

นี่เป็นวิธีเดียวที่เธอคิดได้

เธอแค่ซื้อเวลาเพื่อที่จะได้สร้างเงื่อนไขที่สะดวกแก่ผู้เสียหาย และพอถึงเวลานักตุ้มตุ๋นหลอกคนเหล่านั้น ตำรวจจะได้จัดการได้ทันท่วงที

ถึงเจ้าหน้าที่จะรู้สึกว่าสาวน้อยดูแปลก ๆ แต่ไปดูสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร

ยังไงก็ต้องเดินตรวจตราอยู่แล้ว งั้นก็ไปดูตู้ 9 หน่อยแล้วกัน

ตอนนั้นเองที่ตนนึกได้ว่ามันเป็นตู้ของตั๋วนอน

ถึงจะเป็นเตียงแบบแข็ง แต่คนที่ซื้อได้ว่ามีเงินนะ

ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนโดนหลอกก็เป็นได้

“ได้สิสาวน้อย ไว้ถึงเวลาเราสองคนจะเดินไปดูให้นะ”

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องที่คนโดนหลอกมาก่อนนะ

งั้นก็ไปดูหน่อยแล้วกัน ถ้าจับได้ก็ถือว่าโชคดีไป

[1] ม้าไม่มีทางอ้วนพีหากไม่มีหญ้าให้กิน คนไม่มีทางร่ำรวยถ้าไม่สร้างโชคลาภ เป็นความเปรียบสั่งสอนอาชญากรว่า การที่ม้าจะอ้วนได้ก็ต้องแอบกินหญ้าในตอนกลางคืน แล้วถ้าเป็นคน การจะรวยได้ ต้องหางานอื่นเพื่อรับเงินเพิ่ม ไม่อย่างนั้นจะไม่มีวันรวย (มักหมายถึงการหาเงินในทางที่ไม่ดี)