ตอนที่ 890 จักรพรรดิและขุนนางเข้าใจซึ่งกันและกันเท่านั้น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 890 จักรพรรดิและขุนนางเข้าใจซึ่งกันและกันเท่านั้น

“มีบางเรื่องอยากกล่าวพ่ะย่ะค่ะ…” ต่งชิงผิงกล่าวพลางมองไปทางหลู่เซียงและหลู่จิ่นเสียน

หลู่เซียงเป็นคนรู้ความ เขารู้ดีว่าบางเรื่องอาจกล่าวต่อหน้าเขาไม่ได้ เขาจึงจับโต๊ะพยุงกายลุกขึ้นยืน

“อัครมหาเสนาบดีหลู่และใต้เท้าหลู่ไม่ต้องรีบร้อน นั่งลงก่อนเถิด” ไป๋ชิงเหยียนโบกมือให้หลู่เซียงที่กำลังลุกขึ้นยืนและหลู่จิ่นเสียนนั่งลงตามเดิม “ท่านทั้งสี่ที่อยู่ตรงนี้ล้วนเป็นขุนนางจงรักภักดีที่ไป๋ชิงเหยียนจะฝากให้ช่วยกันดูแลราชสำนักในวันข้างหน้า ไม่มีสิ่งใดที่กล่าวต่อหน้าพวกท่านไม่ได้ มีเพียงจักรพรรดิและขุนนางเข้าใจซึ่งกันและกันเท่านั้น พวกเราจึงจะร่วมสร้างต้าโจวที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยกันได้อย่างสามัคคี”

จักรพรรดิและขุนนางเข้าใจซึ่งกันและกันเท่านั้น…

ขอบตาของหลู่เซียงแดงก่ำเพราะคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน นี่คือสิ่งที่ขุนนางแทบทุกคนอยากได้จากจักรพรรดิที่ตนเองภักดีด้วย หลู่เซียงรีบก้มศีรษะคำนับขอบคุณไป๋ชิงเหยียน “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงไว้วางพระทัยพวกกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะใช้ความสามารถทั้งหมดที่กระหม่อมมีช่วยดูแลแคว้นต้าโจวให้ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นหันไปทางต่งชิงผิง “ท่านลุงเชิญว่ามาได้เลย…”

ต่งชิงผิงใช้นิ้วเขี่ยปลายจมูกของตัวเองเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยขึ้น “เรื่องเป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ใต้เท้าหลู่ได้ยินข่าวลือจากภายนอกมา เขาเกรงว่าข่าวลือนี้จะทำให้ราชสำนักต้าโจวไม่มั่นคง เขาเห็นว่ากระหม่อมคือคนในครอบครัวเดียวกับฝ่าบาทจึงเชิญกระหม่อมมากับเขาพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อหลู่จิ้นเห็นว่าต่งชิงผิงไม่กล้ากล่าวออกมาเสียทีจึงเดาได้ว่าต่งชิงผิงคงเกรงใจที่ไป๋ชิงเหยียนยังไม่ได้แต่งงาน เมื่อเห็นว่าต่งชิงผิงกล่าวไม่ตรงประเด็นเสียที หลู่จิ้นจึงกำหมัดคารวะหญิงสาว จากนั้นเอ่ยเข้าประเด็น “ฝ่าบาททรงได้รับบาดเจ็บหนักเมื่อหลายปีที่ผ่านมาจนทำให้มีบุตรได้ยาก แม้ตอนนี้ฝ่าบาทยังอายุน้อย ทว่า คนในราชสำนักและตระกูลสูงศักดิ์อาจคิดเลยไปถึงเรื่องผู้สืบทอดราชวงศ์แห่งนี้ในวันข้างหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ แม้การเอ่ยถึงเรื่องนี้ในตอนนี้จะดูเร็วเกินไป ทว่า ผู้อื่นอาจมีใจคิดเป็นอื่นได้ นานวันเข้าอาจไม่เป็นผลดีต่อแคว้นของเราพ่ะย่ะค่ะ”

หลู่เซียงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แม้เขาจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แก่ใจ ทว่า เขาไม่กล้ากล่าวกับจักรพรรดินีองค์ใหม่อย่างไป๋ชิงเหยียนตรงๆ

“ฝ่าบาทคือสตรี หากเทียบกับบุรุษแล้วฝ่าบาททรงเสียเปรียบเรื่องทายาท ที่สำคัญพระวรกายของฝ่าบาทไม่เหมือนคนปกติ ความวุ่นวายหลายครั้งในอดีตมักเกิดขึ้นเพราะการแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอด จักรพรรดิคือเสาหลักของแคว้น รัชทายาทคือฐานหนุน ตามประเพณีแล้ว เมื่อฝ่าบาทเสด็จขึ้นครองราชย์เรียบร้อย สิ่งแรกที่ควรทำคือการแต่งตั้งฮองเฮา แม้แต่จักรพรรดินีแห่งซีเหลียง เมื่อขึ้นครองราชย์ก็ทรงแต่งตั้งพระภัสดาเพื่อเร่งประสูติรัชทายาททันทีพ่ะย่ะค่ะ” หลู่จิ้นขมวดคิ้วแน่น “ตราบใดที่ฝ่าบาทยังไม่มีผู้สืบทอดบัลลังก์ ผู้ที่ไม่หวังดีไม่มีทางอยู่อย่างสงบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้หลู่จิ้นเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง จากนั้นรวบรวมความกล้ากล่าวต่อ “ยกตัวอย่างเช่น กระหม่อมเคยได้ยินข่าวลือมาว่าการกระทำของตระกูลบรรพบุรุษไป๋แห่งซั่วหยางค่อนข้างเหิมเกริม คนเหล่านั้นอาจคิดหาวิธียัดเยียดทายาทของตัวเองให้ฝ่าบาท บังคับให้ทายาทของตัวเองรีบแต่งงานมีครอบครัวเพื่อมีบุตร จากนั้นให้บุตรหลานของตัวเองมาแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท พวกเขาอาจก่อความวุ่นวายจนไม่อาจแก้ไขได้ขึ้นมาเพราะคนภายนอกต่างรับรู้ว่าฝ่าบาทไม่ค่อยแข็งแรง ทว่า ทรงฝืนพระวรกายที่อ่อนแอไปออกรบที่ต้าเหลียงพ่ะย่ะค่ะ หากกระหม่อมกล่าวสิ่งใดเป็นการล่วงเกินตระกูลบรรพบุรุษไป๋ กระหม่อมขอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ไม่ว่าอย่างไรคนเหล่านั้นก็คือตระกูลบรรพบุรุษของไป๋ชิงเหยียน แม้หลู่จิ้นจะรู้ดีว่าคนเหล่านั้นทำเกินไป ทว่า ไป๋ชิงเหยียนอาจต้องไว้หน้าตระกูลบรรพบุรุษไป๋อยู่บ้าง

หลู่จิ้นกล่าวอย่างอ้อมๆ ที่สุดแล้ว เขาไม่อาจกล่าวออกมาตรงๆ ได้ว่า ฝ่าบาททรงแกล้งประชวรหนักเกือบสองปี บัดนี้คนภายนอกต่างคิดว่าฝ่าบาทใกล้สวรรคตแล้ว เหล่าญาติในตระกูลของฝ่าบาทจึงเอาแต่คิดหาทางแย่งตำแหน่งสืบทอดจากฝ่าบาทมาเป็นของครอบครัวตัวเอง

“ใต้เท้าหลู่กล่าวมีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ!” หลู่เซียงพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาทควรใส่พระทัยเรื่องนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ ไม่ทราบว่าท่านหมอหงกลับมาพร้อมฝ่าบาทด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เพื่อแผนการที่ยาวไกลในภายภาคหน้าของต้าโจว ฝ่าบาทควรรักษาพระวรกายขององค์เองให้ดี ขณะเดียวกันก็ควรคัดเลือกพระภัสดาเพื่อทำให้ทุกคนคลายกังวลด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าลง เปลวไฟจากเทียนสะท้อนขนตายาวงามบนใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาไร้ที่ติของหญิงสาว

เดิมทีนางตกลงกับเซียวหรงเหยี่ยนไว้แล้วว่าเมื่อต้าเยี่ยนทำลายแคว้นเว่ยได้เมื่อใด ชายหนุ่มจะมาสู่ขอนางที่จวน

ทว่า บัดนี้เซียวหรงเหยี่ยนต้องจัดการเรื่องเล็กใหญ่ของแคว้นต้าเยี่ยน แม้บัดนี้จะยังไม่มีข่าวการสวรรคตของจักรพรรดิต้าเยี่ยนประกาศออกมา ทว่า ไป๋ชิงเหยียนเดาว่าเป็นเพราะต้าเยี่ยนเพิ่งยึดแคว้นเว่ยได้จึงไม่อยากจัดพิธีศพในตอนนี้

ไม่รู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนได้รับจดหมายของนางแล้วหรือไม่

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนตกอยู่ในภวังค์ หลู่จิ้นจึงเอ่ยเรียกเสียงเบา “ฝ่าบาท”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง “เรื่องการแต่งตั้งพระภัสดายังไม่ต้องรีบร้อน หากต้องการตัดปัญหาเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องยาก คงต้องรบกวนท่านลุงแสดงละครร่วมกับข้าสักฉาก ส่วนอัครมหาเสนาบดีหลู่และใต้เท้าทั้งสองเก็บเรื่องนี้เป็นความลับแค่นี้ก็สิ้นเรื่องแล้ว”

“ฝ่าบาทจะให้กระหม่อมเอ่ยถึงเรื่องนี้ตอนเข้าร่วมว่าราชการตอนเช้า แล้วฝ่าบาทจะแสร้งทำเป็นตำหนิหรือลงโทษกระหม่อมอย่างนั้นอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” ต่งชิงผิงถอนหายใจออกมา “กระหม่อมไม่กลัวการถูกตำหนิหรือลดตำแหน่ง ทว่า การทำเช่นนี้แก้ได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ทางแก้ที่ดีที่สุดคือการคัดเลือกพระภัสดาอยู่ดี”

“ข้าจะให้ท่านลุงเสนอเรื่องการแต่งตั้งพระภัสดา จากนั้นข้าจะอ้างว่ายังเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นระบอบใหม่ไม่สำเร็จแล้วปฏิเสธเรื่องนี้ไปก่อนเจ้าค่ะ บัดนี้ร่างกายข้าแข็งแรงดี หากรับบุตรมาเลี้ยงตอนนี้เท่ากับเป็นการประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าข้าไม่แข็งแรง ไม่เป็นผลดีต่อแคว้นเจ้าค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนเอนกายพิงเก้าอี้ ขยับถ้วยน้ำชาในมือเล็กน้อย จากนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ “ตอนนี้คือช่วงที่ข้ากำลังต้องการความช่วยเหลือจากท่านลุง หากข้าลงโทษท่านลุงแล้วกลับมาใช้งานท่านลุงอีกครั้ง แม้ผู้อื่นจะไม่รู้ว่านี่คือการแสดงของพวกเราสองคน ทว่า คนอื่นต้องเอ่ยถึงเรื่องการแต่งตั้งสามีข้าหรือการรับบุตรมาเลี้ยงขึ้นมาอีกแน่เจ้าค่ะ”

“เหตุใดฝ่าบาทจึงไม่อยากแต่งตั้งพระภัสดาพ่ะย่ะค่ะ” หลู่เซียงทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนแล้วเอ่ยถาม “แต่ไรมาจักรพรรดิมักใช้วังหลังเป็นเครื่องมือควบคุมราชสำนัก หรือไม่ก็แต่งงานเชื่อมไมตรีกับแคว้นอื่น กระหม่อมคิดว่าเมื่อทูตของแคว้นอื่นเดินทางมาร่วมพิธีบรมราชาภิเษกของฝ่าบาทในครั้งนี้ พวกเขาต้องเสนอเรื่องการแต่งงานเชื่อมไมตรีแน่นอนพ่ย่ะค่ะ ฝ่าบาทจะปฏิเสธพวกเขาหรือพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอบังอาจทูลถามว่าเป็นเพราะฝ่าบาททรงเป็นสตรีจึงไม่อยากให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ใช่เช่นนั้น” ไป๋ชิงเหยียนลูบถ้วยชาในมือ “ไม่ปิดบังทุกท่าน น้องสาวของข้ายังอยู่ น้องชายบางคนของข้าก็ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะกลับมาร่วมพิธีบรมราชาภิเษกของข้า ถึงแม้ไป๋ชิงเหยียนจะมีทายาทไม่ได้จริงๆ ทว่า วันข้างหน้าพวกเราสามารถเลือกคนที่เหมาะสมจากบรรดาพวกเขามาสืบทอดตำแหน่งของข้าได้”

จู่ๆ หลู่เซียงก็นึกถึงเรื่องที่หลู่หยวนเผิงเขียนกลับมาเล่าให้เขาฟังในจดหมายขึ้นมาได้ หลานชายของเขาบอกว่าพบบุรุษที่หน้าตาคล้ายคุณชายเจ็ดของตระกูลไป๋ที่หนานเจียง

ทว่า หากบุรุษตระกูลไป๋ยังมีชีวิตอยู่ ไป๋ชิงเหยียนยังเสนอให้บรรดาน้องสาวของนางมีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์เช่นเดียวกัน ตอนนี้อาจไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทว่า หากวันข้างหน้าเกิดมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง เมืองหลวงอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่พี่น้องแย่งชิงบัลลังก์กันเองอีกครั้ง เมื่อหลู่เซียงคิดได้ดังนี้จึงรีบลุกขึ้นยืน “หากฝ่าบาททรงคิดเช่นนี้…”

“ข้ารู้ว่าอัครมหาเสนาบดีหลู่กังวลเรื่องใด” ไป๋ชิงเหยียนสื่อให้หลู่เซียงนั่งลง จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “อัครมหาเสนาบดีหลู่กลัวว่าการที่ข้าจะเลือกผู้สืบทอดบัลลังก์จากหนึ่งในพี่น้องของข้าจะทำให้ตระกูลไป๋แตกคอกันเอง พี่น้องของข้าอาจแย่งชิงบัลลังก์กันเองเหมือนดั่งที่พี่น้องในครอบครัวทั่วไปแย่งชิงสมบัติกัน สามีและภรรยาของบรรดาพี่น้องข้าอาจทะเลาะกันเอง ราชสำนักแบ่งออกเป็นฝักฝ่าย ราชสำนักจะวุ่นวายกว่าเดิมใช่หรือไม่”