ตอนที่ 891 คุณชายเจ็ดแห่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 891 คุณชายเจ็ดแห่งตระกูลไป๋

หลู่เซียงพยักหน้า

“อัครมหาเสนาบดีหลู่มองความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างพี่น้องตระกูลไป๋ผิดไปแล้ว…”

เหมือนที่ท่านย่ามองไป๋ชิงเหยียนผิดไป ไป๋ชิงเหยียนในตอนนี้ไม่ใช่ไป๋ชิงเหยียนคนก่อนอีกแล้ว หญิงสาวเข้าใจว่าข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยไม่มีผลต่อภาพรวม ทุกสิ่งบนโลกนี้ล้วนมีทั้งดีและไม่ดี นางเข้าใจว่าควรเรียนรู้ที่จะมองดูแต่ด้านที่ดีของของสิ่งนั้นแม้มันจะมีตำหนิอยู่บ้าง

นางยอมรับว่าการจะเป็นจักรพรรดิผู้รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้ต้องยอมรับความดีและความเลวที่สุดบนโลกแห่งนี้ให้ได้ ทว่า นี่ไม่ได้หมายความว่าใจของจักรพรรดิจะไม่มีขอบเขต ไม่สามารถรักผู้ใดได้

หลู่เซียงมองไปทางไป๋จิ่นเซ่อที่นั่งอยู่ทางด้านหลังไป๋ชิงเหยียนแวบหนึ่ง เขาไม่เห็นไป๋จิ่นเซ่อมีสีหน้ายินดียินร้ายขณะที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่าจะเลือกผู้สืบทอดจากบรรดาพี่น้องแม้แต่น้อย

“อัครมหาเสนาบดีหลู่ยิ่งประเมินร่างกายของข้าผิดไปแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ “ไม่ปิดบังท่านลุงและท่านทั้งสาม ร่างกายของข้าฟื้นฟูเกือบเป็นปกติแล้ว ก่อนหน้านี้ท่านหมอหงช่วยปิดบังให้ข้าตอนที่ท่านหมอหลวงไปตรวจที่ต้าเหลียง ดังนั้นจึงปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ได้”

เมื่อหลู่เซียงได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ เขาจึงสบายใจขึ้น “เช่นนั้นควรหาโอกาสให้ท่านหมอหลวงตรวจพระวรกายให้ฝ่าบาทอีกครั้ง ทุกคนจะได้วางใจพ่ะย่ะค่ะ”

“ยังมีอีกเรื่อง…” ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางหลู่เซียง “สั่งให้กรมการคลังรวบรวมรายชื่อกิจการที่ขึ้นทะเบียนไว้ทั้งหมดของพ่อค้าเซียวหรงเหยี่ยนที่อยู่ในต้าโจวจากนั้นมอบให้สำนักตรวจสอบ สั่งให้คนจับตาดูกิจการของเขาให้ดี จากนั้นตรวจสอบด้วยว่ามีกิจการโดยเฉพาะโรงสุราลอบเปิดอย่างลับๆ ในต้าโจวบ้างหรือไม่”

หลู่เซียงไม่ได้ถามเหตุผล พ่อค้าที่มาเปิดกิจการเพื่อสืบข่าวกลับไปให้แคว้นบ้านเกิดของตัวเองมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย ยิ่งพ่อค้าที่มีชื่อเสียงมากเท่าใดก็ยิ่งต้องป้องกันมากเท่านั้น นี่คือเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอันใด

แม้แต่จักรพรรดิองค์ก่อนของต้าจิ้นก็ยังเคยสั่งให้ตรวจสอบพ่อค้าแคว้นเว่ยเซียวหรงเหยี่ยนผู้นี้เช่นกัน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงไป๋ชิงเหยียนที่ละเอียดรอบคอบผู้นี้เลย

ไป๋ชิงเหยียน หลู่เซียง ต่งชิงผิง หลู่จิ้นและหลู่จิ่นเสียนสนทนากันถึงยามจื่อ ไป๋จิ่นเซ่อสั่งให้คนออกไปส่งใต้เท้าทั้งสี่ถึงหน้าจวน ขณะเดินกลับไปยังเรือนชิงฮุยพร้อมไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นเซ่อเอ่ยถึงเซียวหรงเหยี่ยน

“ดูจากครั้งที่แล้วที่เซียวเซียนเซิงพาองครักษ์มาช่วยคุ้มกันจวนไป๋ เขาต้องมีฐานะไม่ธรรมดาแน่นอนเจ้าค่ะ ทว่า เขาน่าจะมีใจให้พี่หญิงใหญ่จริงๆ หากพี่หญิงใหญ่ขึ้นครองบัลลังก์ พี่หญิงใหญ่จะไม่พิจารณาเซียวเซียนเซิงหน่อยหรือเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปลูบศีรษะของน้องสาวยิ้มๆ โดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น

วันที่ยี่สิบเอ็ด เดือนห้า เฉินเจาลู่และหลู่หยวนชิ่งออกเดินทางไปยังเมืองหานทันทีที่ได้รับคำสั่ง พวกเขารับผิดชอบการปรับเปลี่ยนระบอบการปกครองใหม่ของเมืองใหม่ที่ต้าโจวเพิ่งยึดได้มา ส่วนหลี่หมิงรุ่ยและต่งฉางหยวนรับผิดชอบเปลี่ยนระบอบการปกครองใหม่ที่เมืองเก่าที่เคยเป็นของต้าโจวอยู่แล้ว

วันที่ยี่สิบสาม เดือนห้า ไป๋ชิงเจวี๋ยและเสิ่นคุนหยางนำกองทัพไป๋จากหนานเจียงเดินทางมาถึงนอกเมืองซั่วหยาง เมื่อเห็นธงเฮยฟานไป๋หมั่งที่ปักอยู่บนกำแพงสูงของซั่วหยาง ใจที่เป็นกังวลตลอดทางของไป๋ชิงเจวี๋ยจึงค่อยๆ สงบลง

แม้สายลับจะกลับมารายงานว่าซั่วหยางปลอดภัยดี ทว่า ไป๋ชิงเจวี๋ยก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี

ไป๋ชิงเจวี๋ยมองดูประตูเมืองซั่วหยางที่อยู่ห่างออกไป ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ เขาถึงได้รู้สึกประหม่ากับการกลับบ้านครั้งนี้ขึ้นมา เขากำบังเหียนม้าแน่น บังคับให้ม้าชะลอความเร็วลง

“คุณชายเจ็ด?!” เสิ่นคุนหยางเห็นไป๋ชิงเจวี๋ยลดความเร็วม้าลง เขาจึงทำตาม

ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้เสิ่นชิงจู๋ออกเดินทางจากเมืองหานไปส่งข่าวที่หนานเจียง ระหว่างทางเสิ่นชิงจู๋ต้องเดินทางอ้อมเมืองหานไปยังภูเขาถงกู่จึงเสียเวลาค่อนข้างมาก เมื่อไป๋ชิงเจวี๋ยและเสิ่นคุนหยางได้รับคำสั่งจึงรีบพากองทัพไป๋เร่งออกเดินทางจากภูเขาถงกู่มายังซั่วหยางโดยไม่หยุดพัก

ถึงแม้ต่อมาเมื่อไป๋ชิงเหยียนควบคุมสถานการณ์ในเมืองหลวงได้แล้ว หญิงสาวจะส่งจดหมายไปบอกให้กองทัพไป๋ที่เดินทางไปช่วยเหลือซั่วหยางและเดินทางไปยังเมืองหลวงไม่ต้องรีบร้อนเดินทางอีกต่อไป ขอเพียงไปถึงก่อนพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ยี่สิบ เดือนหกก็พอ ทว่า ไป๋ชิงเจวี๋ยก็ยังเร่งทัพเดินทางมายังซั่วหยางโดยไม่หยุดพักอยู่ดี

ไป๋ชิงเจวี๋ยควบม้าเข้าไปหาเสิ่นคุนหยาง เขาไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกในใจตอนนี้เช่นไร

นี่คือครั้งแรกที่ไป๋ชิงเจวี๋ยได้กลับบ้านหลังจากออกไปทำศึกที่หนานเจียง ทว่า เขาไม่สามารถพาน้องชายสิบเจ็ดกลับมาให้ท่านแม่ได้ ไม่สามารถพาน้องชายสิบสี่และสิบห้ากลับมาด้วยกันได้ เขากลับมาเพียงคนเดียวเท่านั้น

ไม่ต้องกล่าวถึงกฎของตระกูลที่บุตรอนุต้องปกป้องบุตรภรรยาเอก เขาไม่เพียงปกป้องน้องชายสิบเจ็ดซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของเขาไว้ไม่ได้ ทว่า กลับปล่อยให้น้องชายของเขาเสียชีวิตอย่างน่าอนาถเช่นนั้นอีก

เขายังจำได้ดีว่าก่อนออกเดินทางไปสนามรบ เสี่ยวสือชีในชุดเกราะจับมือเขายืนอยู่เบื้องหน้าท่านแม่ พลางกล่าวกับท่านด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ ท่านพี่ต้องปกป้องข้าได้แน่ขอรับ”

ทว่า เขาทำให้ท่านแม่และเสี่ยวสือชีผิดหวังแล้ว

ไป๋ชิงเจวี๋ยกำบังเหียนม้าแน่นจนเส้นเลือดที่หลังมือปูด

เมื่อเห็นธงเฮยฟานไป๋หมั่งมาแต่ไกล ไป๋จิ่นเจาที่เดินสำรวจความเรียบร้อยบนกำแพงเมืองรีบสั่งให้คนปิดประตูเมืองเพื่อเตรียมพร้อม ศึกไม่หน่ายเล่ห์ ไป๋จิ่นเจากลัวว่าคนของเหลียงอ๋องจะแกล้งทำเป็นชูธงของกองทัพไป๋เพื่อหลอกล่อพวกนาง

“พลธนูเตรียมพร้อม!” ไป๋จิ่นเจาตะโกนลั่น

ไป๋ชิงเจวี๋ยมองเห็นคนในเมืองซั่วหยางปิดประตูเมืองเพื่อป้องกันพวกเขา ชายหนุ่มยกมือสั่งให้กองทัพหยุดเคลื่อนพล จากนั้นขี่ม้าไปยังเมืองซั่วหยางพร้อมกับเสิ่นคุนหยางเพียงสองคนก่อน

ไป๋จิ่นเจาเห็นกองทัพใหญ่หยุดเคลื่อนพลอยู่ไม่ไกลจากเมืองซั่วหยาง ม้าสองตัวขี่ตรงมายังเมืองซั่วหยาง สาวน้อยง้างสายธนูเล็งตรงไปยังร่างของคนสองคนนั้นด้วยแววตาคมกริบ

เมื่อไป๋ชิงเจวี๋ยและเสิ่นคุนหยางมาหยุดอยู่หน้าประตูเมือง ไป๋จิ่นเจาจึงถามเสียงดังลั่น “ผู้ใดกัน!”

เสิ่นคุนหยางเงยหน้าขึ้น เขาเห็นสาวน้อยในชุดเกราะคนหนึ่งกำลังเล็งธนูมาที่เขาด้วยท่าทีองอาจอยู่บนกำแพงเมือง

ธงที่ปักอยู่บนกำแพงเมืองโบกสะบัดตามแรงลม ผมยาวดำที่มัดรวบสูงของเด็กสาวผู้นั้นถูกลมพัดจนสะบัดไปมาเช่นเดียวกัน ทว่า สาวน้อยยังคงยืนอยู่บนกำแพงเมืองด้วยท่าทีมั่นคง ใบหน้าของนางช่างดูคล้ายคลึงกับคุณหนูสี่เกาอี้จวิ้นจู่ยิ่งนัก

แววตาของเสิ่นคุนหยางส่อแววยินดีออกมา เขาเดาว่าสาวน้อยคนนี้คงเป็นคุณหนูสักคนของตระกูลไป๋จึงรีบกระตุกบังเหียนม้าพลางกล่าวขึ้น “เสิ่นคุนหยางได้รับคำสั่งให้นำกองทัพไป๋มาคุ้มกันฮูหยินทุกท่านของตระกูลไป๋ไปร่วมพิธีบรมราชาภิเษกที่เมืองหลวงขอรับ”

เมื่อได้ยินคำว่าเสิ่นคุนหยาง ไป๋จิ่นเจารู้สึกคุ้นหูขึ้นมาทันที ทว่า สาวน้อยยังไม่ทันได้สติก็เห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายของเสิ่นคุนหยางถอดหมวกสีดำออก จากนั้นเงยหน้ามองมาที่นางพลางกล่าวขึ้น “คุณชายเจ็ดไป๋ชิงเจวี๋ยได้รับคำสั่งให้นำกองทัพไป๋มายังซั่วหยาง ช่วยเปิดประตูที”

มือที่ถือธนูของไป๋จิ่นเจาสั่นเทาขึ้นมาทันที สาวน้อยรีบลดธนูในมือลงพลางมองไปด้านล่างกำแพง

ทุกคนในตระกูลไป๋เพิ่งรับรู้ข่าวว่าพี่ชายเจ็ดยังมีชีวิตอยู่เมื่อวันก่อน นึกไม่ถึงเลยว่าพี่ชายเจ็ดจะเดินทางมาถึงในวันนี้

“พี่ชายเจ็ด…” ไป๋จิ่นเจาพึมพำออกมา สองมือจับขอบกำแพงแน่นอย่างคุมไม่อยู่ สาวน้อยตะโกนลงไปด้านล่าง “พี่ชายเจ็ด!”

ไป๋ชิงเจวี๋ยเงยหน้ามองไป๋จิ่นเจาด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น บุรุษหนุ่มรูปงามยืนอยู่ท่ามกลางแสงของดวงอาทิตย์

“เร็ว รีบเปิดประตูเมืองเร็วเข้า!” ไป๋จิ่นเจาตะโกนสั่งแล้วรีบวิ่งลงไปด้านล่าง ทว่า นางยังไม่ลืมเอ่ยกำชับ “รีบส่งคนไปแจ้งที่จวนไป๋ว่าคุณชายเจ็ดกลับมาแล้ว!”

“ขอรับ!” ทหารคุ้มกันเมืองรับคำ จากนั้นมุ่งหน้าไปยังจวนไป๋ทันที

ประตูเมืองซั่วหยางค่อยๆ เปิดออก ไป๋จิ่นเจาแทรกตัวออกไปจากประตูเมือง จากนั้นตรงไปหาไป๋ชิงเจวี๋ยอย่างรวดเร็ว

“พี่ชายเจ็ด! พี่ชายเจ็ด…” ไป๋จิ่นเจาน้ำตาอาบหน้า เอาแต่เอ่ยเรียกไป๋ชิงเจวี๋ยเสียงสะอื้น