บทที่ 935 นามอริยะสวรรค์สะท้านฟ้าบุพกาล

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 935 นามอริยะสวรรค์สะท้านฟ้าบุพกาล

พอร่างวิญญาณของดวงจิตบรรพกาลสลายไป ก้นบึ้งฟ้าบุพกาลก็ตกอยู่ในความเงียบวังเวง

แสงดาวส่องสว่างอยู่กลางนภาหลังจากกฎเกณฑ์สูงสุดสลายตัวลง ห้วงอวกาศในก้นบึ้งฟ้าบุพกาลที่แตกแยกพังทลายก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างต่อเนื่อง

หานเจวี๋ยกวาดตามองแวบหนึ่ง พบว่าก้นบึ้งฟ้าบุพกาลมีสิ่งมีชีวิตบางส่วนรอดชีวิตมาได้ นอกเหนือไปจากนี้ล้วนเป็นวิญญาณร้ายนับไม่ถ้วน กระจายตัวอยู่ทั่วสารทิศในก้นบึ้งฟ้าบุพกาล

เขาไม่ใส่ใจเลย เลือนหายไปจากจุดเดิม

เขากลับมาที่เหนือฟ้าบุพกาลอย่างรวดเร็ว ไปหาเทพมหาทัณฑ์

เทพมหาทัณฑ์มีสีหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อ จ้องมองหานเจวี๋ย ถามด้วยความตกใจ “เหตุใดเจ้าถึงสามารถทำลายพลังของกฎเกณฑ์สูงสุดได้”

หานเจวี๋ยตอบว่า “อาจจะเป็นพลังแห่งความยุติธรรมกระมัง กฎเกณฑ์สูงสุดต่อต้านดวงจิตบรรพกาล ไม่ได้มอบพลังหนุนนำให้ดวงจิตบรรพกาลแข็งแกร่งขึ้นมากนัก มีแต่จะทำให้เขาหน้ามืดตามัวไป การดำรงอยู่ของกฎเกณฑ์สูงสุดต้องมีเหตุผลแน่นอน หากละเมิดหลักเหตุผล สิ่งที่จะตามมาก็มีแต่ความพินาศ”

เทพมหาทัณฑ์หน้าถอดสี ข้อสันนิษฐานมากมายผุดขึ้นในใจ

ในเวลานี้เอง!

หานเจวี๋ยพลันโจมตีเข้าใส่เขา ซัดฝ่ามือผนึกสุญญตาใส่ร่างเขา

ความเร็วของหานเจวี๋ยรวดเร็วถึงเพียงใดแล้ว มีแค่ดวงจิตบรรพกาลเท่านั้นที่พอจะไล่ตามทัน เทพมหาทัณฑ์จึงถูกผนึกทันที

เทพมหาทัณฑ์เบิกตากว้าง จ้องหานเจวี๋ยเขม็ง

หานเจวี๋ยยกมือขึ้นดูดเทพมหาทัณฑ์เข้าสู่แขนเสื้อ

จู่ๆ เขาก็รับรู้ได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่เขา เพียงพริบตาเดียวก็หายวับไป

แต่แค่พริบตาเดียวก็ทำให้หานเจวี๋ยอกสั่นขวัญแขวนแล้ว แต่เขาปกปิดไว้อย่างแนบเนียน ไม่ได้เผยออกมา

ผู้สร้างมรรคา!

หานเจวี๋ยเงยหน้ามองขึ้นไป กฎเกณฑ์สูงสุดสายนั้นที่ถูกดวงจิตบรรพกาลผสานรวมไม่ทราบเช่นกันว่าหวนคืนสภาพเดิมตั้งแต่เมื่อไร เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดควบคุมอยู่เหนือมหามรรคสามพันวิถี เก่าแก่และยิ่งใหญ่ เป็นนิรันดร์ไม่ผันแปร

ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด หานเจวี๋ยคล้ายจะมองเห็นผู้สร้างมรรคายืนอยู่เหนือกฎเกณฑ์สูงสุด

หานเจวี๋ยหายตัวไปทันที มาปรากฏตัวตรงหน้าหานฮวง

เสียงของเขาดังก้องไปทั่วฟ้าบุพกาล

“ดวงจิตบรรพกาลถูกตัวข้าอริยะสวรรค์เกรียงไกรสังหารแล้ว บุตรแห่งสวรรค์นับล้านที่ถูกดวงจิตบรรพกาลกักขังจะถูกพากลับไปที่มรรคาสวรรค์พร้อมข้า เพื่อลบล้างพันธะควบคุมของดวงจิตบรรพกาลออกจากร่างของพวกเขา ผู้ทรงพลังสามารถไปรับตัวคืนได้ที่มรรคาสวรรค์ พึงหวังว่าฟ้าบุพกาลจะสงบสุขไปชั่วนิรันดร์!”

สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลต่างได้ยินกันทั้งสิ้น รวมถึงสิ่งมีชีวิตในแดนเซียนแห่งมรรคาสวรรค์ มีเพียงโลกมนุษย์สามัญที่ไม่ได้ยิน

หานเจวี๋ยพยักหน้าให้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย จากนั้นพาหานฮวงเข้าสู่อุโมงค์ปฐมยุค

แม่ทัพฟ้าทมิฬพึมพำ “จบลงเร็วขนาดนี้เชียวหรือ…”

เดิมทีคิดว่าจะเป็นศึกใหญ่ที่ทรงพลังทัดเทียมกัน ไม่คิดเลยว่าพอดวงจิตบรรพกาลอยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ยแล้วจะพ่ายแพ้ราบคาบไปเช่นนี้!

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ผู้สังเกตการณ์ทั้งหมดที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนตกอยู่ในความตื่นตะลึง

แม้กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็ทอดถอนใจเช่นกัน

‘หรือว่าเด็กคนนี้เป็นยอดผู้แข็งแกร่งแห่งฟ้าบุพกาลจริงๆ’

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายคิดเงียบๆ

….

ภายในอุโมงค์ปฐมยุค หานฮวงตื่นเต้นสุดขีด ถามเจื้อยแจ้วไม่รู้จบ

หานเจวี๋ยเล่าถึงรายละเอียดการต่อสู้ออกมาเล็กน้อย บุตรชายได้ฟังก็เลือดลมเดือดพล่านขึ้นมา

“ข้าอยากเรียนรู้พลังวิเศษที่ท่านใช้เมื่อครู่ขอรับ!”

“เจ้าเรียนไม่ได้ พลังวิเศษนี้มีเพียงพ่อที่ใช้ได้ ทุกคนต่างมีเส้นทางเป็นของตัวเอง วันหน้าเจ้าจะเข้าใจ”

หานฮวงใคร่ครวญตาม เขาเชื่อว่าท่านพ่อของตนไม่มีทางหลอกลวงตน

ทั้งสองกลับมาถึงอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามอย่างรวดเร็ว ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

หานเจวี๋ยเข้าไปในอารามเต๋าเพียงคนเดียว ไม่ให้หานฮวงเข้าไปด้วย

‘หากข้าสาปแช่งดวงจิตบรรพกาลจนตาย บุตรแห่งสวรรค์นับล้านที่เขายึดร่างจะตายด้วยหรือไม่’

หานเจวี๋ยถามในใจ เมื่อครู่เขาตรวจดูจอค่าความสัมพันธ์แล้ว พบว่าดวงจิตบรรพกาลยังไม่ตายสนิทดี

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ดวงจิตบรรพกาลเผชิญผลสะท้อนกลับจากกฎเกณฑ์สูงสุด ถูกขับไล่ออกจากฟ้าบุพกาล สูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างแยกทั้งหมด]

ถูกสะท้อนกลับจริงๆ ด้วย!

หานเจวี๋ยเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู

[ดวงจิตบรรพกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านกลืนกินกฎเกณฑ์สูงสุด เผชิญกับการโจมตีจากตัวตนเหนือชั้น ถูกสะบั้นบ่วงกรรมและดวงชะตาขับไล่ออกจากฟ้าบุพกาล]

ผู้สร้างมรรคาลงมือจริงๆ

ดูเหมือนสิ่งที่ข้าแสดงออกไปก่อนหน้านี้จะประสบผลสำเร็จยิ่งนัก

หานเจวี๋ยมาที่อาณาเขตเต๋าหลัก ปล่อยเทพมหาทัณฑ์ออกมา โยนเข้าไปในคุกสวรรค์อนธการ

เจตจำนงของเทพมหาทัณฑ์ถูกผนึกไว้ แต่หานเจวี๋ยก็ยังคงจับตามองด้วยตัวเอง เลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

อีกด้านหนึ่ง

หานชิงเอ๋อร์ดึงหานฮวงไว้ ซักถามไม่หยุด

หานฮวงก็เล่าโดยไม่ปิดบัง บอกทุกอย่างที่ตนพบเห็นออกมาทั้งหมด

หานชิงเอ๋อร์ได้ฟังก็ฮึกเหิมเร่าร้อน ตื่นเต้นจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง

“เหตุใดท่านพ่อถึงพาแต่พี่ไป ไยไม่พาข้าไปด้วย”

“ข้าไปขอท่านพ่อเอง ผู้ใดใช้ให้เจ้ามองไม่ออกเองเล่าว่าท่านพ่อกำลังจะออกไป”

“หา? มิน่าเล่าจู่ๆ ท่านพ่อก็มาคุยกับพวกเรา ที่แท้ก็มีเจตนามาบอกลาก่อนเดินทาง น่าชังนัก ไม่น่าเชื่อว่าข้าจะพลาดไปแล้ว!”

“ฮ่าๆๆ ข้าคิดว่าเขาแค่นึกสนใจขึ้นมาชั่วขณะเท่านั้น เจ้าไม่ได้เห็นถึงความองอาจของท่านพ่อ ไม่เห็นดวงจิตบรรพกาลอยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิงเลย”

พอหานฮวงเอ่ยถึงการต่อสู้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่จะกำสองมือแน่น

เขาต้องกลายเป็นบุคคลเช่นเดียวกับท่านพ่อให้ได้!

ในเวลาเดียวกันนี้ ทางฝั่งมรรคาสวรรค์ มีเสียงชื่นชมยินดีแว่วดังทั่วโลก

แดนเซียนในปัจจุบันนี้หาใช่แดนเซียนเช่นเดียวกับในอดีตไม่ ข่าวสารจากฟ้าบุพกาลมักจะแพร่ไปภายในแดนเซียนอยู่ตลอด สรรพสิ่งในแดนเซียนก็ทราบถึงการคุกคามของดวงจิตบรรพกาลเช่นกัน ไม่คิดเลยว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรจะเดินทางไปยังฟ้าบุพกาลด้วยตัวเอง ไปถล่มแดนบรรพกาล

ผู้ที่ปรีดาที่สุดก็คือเหล่าอริยะ

ภายในตำหนักเอกภพ อริยะหลายสิบคนกำลังไชโยโห่ร้อง ทำตัวเหมือนมนุษย์ธรรมดา สูญเสียความสุขุมและเคร่งขรึมของอริยะไปแล้ว

จอมอริยะเสวียนตูเองก็เผยรอยยิ้มออกมาเช่นกัน

เขาเดิมพันถูกฝั่งแล้ว

เพียงแต่เขาก็ยังคงตกตะลึงยิ่งนัก

ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหานเจวี๋ยจะเป็นฝ่ายไปเยือนฟ้าบุพกาลเอง จัดการเรื่องนี้ด้วยตัวคนเดียว

มองจากระยะเวลาในการต่อสู้ คาดว่าดวงจิตบรรพกาลจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอริยะสวรรค์เกรียงไกรเลย

ในเวลานี้เอง จอมอริยะเสวียนตูก็ฮึกเหิมขึ้นมาแล้วเช่นกัน

‘โลกอริยะไตรวิสุทธิ์ ถึงเวลาตัดสินกันแล้ว’

แววตาจอมอริยะเสวียนตูเปล่งประกาย ยกยิ้มมุมปากนิดๆ

จากนั้นผ่านไปสักระยะหนึ่งก็มีผู้ทรงพลังฟ้าบุพกาลเดินทางมาที่มรรคาสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ ต้องการรับตัวทายาทหรือศิษย์ของตนกลับไป จนใจที่หานเจวี๋ยไม่ปรากฏตัวขึ้นเลย เหล่าอริยะจึงทำได้เพียงรับรองไปตามมารยาท ให้พวกเขารอคอยไปสักระยะก่อน

มรรคาสวรรค์รื่นเริงยินดี ทว่าดวงจิตมหามรรคในฟ้าบุพกาลกลับตระหนกยิ่ง แดนบรรพกาลถูกทำลาย อริยะสวรรค์เกรียงไกรจะมาคิดบัญชีกับดวงจิตมหามรรคต่อหรือไม่

พวกเขาไม่กล้าคิดต่อไป ได้แต่รอคอยคำสั่งจากเทพมหาทัณฑ์

ณ มุมหนึ่งของฟ้าบุพกาล ท่ามกลางห้วงอวกาศที่มีผืนทวีปรกร้างผืนหนึ่งลอยอยู่ ในส่วนลึกของทวีป ชายคนหนึ่งนั่งสมาธิอยู่บนยอดเขา

เป็นชิงเทียนเสวียนจี บุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของมรรคาสวรรค์

ชิงเทียนเสวียนจีฝึกบำเพ็ญไปพร้อมๆ กับเงยหน้ามองห้วงอวกาศ แววตาเต็มไปด้วยความเร่าร้อน

“อริยะสวรรค์เกรียงไกร…เลิศล้ำนัก…”

ชิงเทียนเสวียนจีพึมพำกับตัวเอง เขาท่องอยู่ในฟ้าบุพกาลมานานระยะหนึ่งแล้ว มีความเข้าใจในฟ้าบุพกาล มักจะได้ยินเรื่องแดนบรรพกาลอยู่บ่อยครั้ง

ผู้ทรงพลังและกลุ่มอิทธิพลเข้าโจมตีแดนบรรพกาลมากมายปานใดเล่า ต่างพ่ายแพ้ยับเยิน ถูกชิงตัวบุตรแห่งสวรรค์ไปนับล้าน เรื่องนี้สร้างความตื่นตระหนกต่อฟ้าบุพกาล แดนบรรพกาลกลายเป็นสถานที่สุดแสนอันตราย

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่พออริยะสวรรค์เกรียงไกรลงมือ ดวงจิตบรรพกาลก็ดับสูญไปทันที

นี่สิถึงจะเป็นเส้นทางไร้พ่ายที่เขามุ่งหมาย!

เขาเคารพเลื่อมใสในตัวอริยะสวรรค์เกรียงไกรมาตั้งแต่เล็ก ยามนี้ความเลื่อมใสนี่เพิ่มขึ้นถึงขีดสุดแล้ว

ทราบมาว่าแค่ลูกน้องในสังกัดของอริยะสวรรค์เกรียงไกรก็เลิศล้ำมากแล้ว จึงรู้สึกสะท้อนใจในพลังเวทอันไร้ที่สิ้นสุดของอริยะสวรรค์เกรียงไกร

“เจ้าอยากเอาชนะอริยะสวรรค์เกรียงไกรหรือไม่”

เสียงหนึ่งแว่วเข้าสู่หูของชิงเทียนเสวียนจี ทำให้ชิงเทียนเสวียนจีตกใจผุดลุกขึ้นทันที

“ผู้ใด”

ชิงเทียนเสวียนจีกวาดตามองไปรอบๆ สีหน้าระแวดระวัง

เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าในทวีปนี้มีเพียงเขาคนเดียว อีกฝ่ายแทรกซึมเข้ามาได้โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด เช่นนี้จะไม่ให้เขาตกใจได้หรือ

………………………………………………………………