บทที่ 910 ได้คะแนนอีกแล้ว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 910 ได้คะแนนอีกแล้ว

บทที่ 910 ได้คะแนนอีกแล้ว

เสี่ยวเถียนไม่นึกเลยว่าตนจะโดนดูถูกเพียงเพราะใส่เสื้อผ้าฝ้ายออกมา

เธอมีเสื้อเล่นสกีนะ แต่ไม่ใช่สไตล์แบบนี้หรอก

ปีนี้ที่โรงงานเถาฮวามีเสื้อผ้าฤดูหนาวตามคำแนะนำของเสี่ยวเถียนเพิ่มเข้ามาแล้ว

ส่วนรูปแบบจะเป็นแบบสั้น แบบกลาง และแบบยาว ตามอย่างยุคปัจจุบันซึ่งเสี่ยวเถียนจัดเตรียมไว้ให้เอง

ไม่ใช่เพียงรูปแบบที่เปลี่ยนไปเท่านั้น แต่สีสันยังหลากหลายมากด้วย

เถาฮวาให้ทั้งแบบตัวยาวแบบตัวสั้นมาเป็นสิบ ๆ ตัวเลย

การเดินทางรอบนี้เสี่ยวเถียนเอาแบบสั้นกับยาวมาอย่างละหนึ่งตัว

ที่ไม่ได้ใส่ออกมาเพราะจะได้ซื้อดอกไม้สะดวก ๆ

ตอนนี้เธอจึงได้แต่พูดไม่ออก

ไม่แปลกใจเลยที่คนชอบพูดกันว่า ‘ตัดสินจากรูปร่างหน้าตาก่อน แล้วถึงให้ความเคารพ!’

เสี่ยวเถียนไม่คิดจะสนใจอีกฝ่าย เธอรับหนังสือมาแล้วเตรียมตัวกลับทันที

แต่เด็กเสื้อม่วงเอื้อมมือไปรั้งไว้

“ฉันกำลังคุยกับแกอยู่ไม่ได้ยินหรือไง? ฉันอยากได้หนังสือเล่มนี้!”

“เธออยากได้แล้วฉันต้องให้หรือไง? ฉันไม่อยากจะเถียงด้วยหรอกนะ ตอนนี้อยากให้เธอออกไปห่าง ๆ ซะ แล้วก็ไม่อยากเห็นเธอทำตัวไร้มารยาทด้วย”

เธอมองด้วยสายตาเย็นชา

“เอาหนังสือมาให้ฉัน แล้วฉันจะปล่อยแกไป”

ตื๊อเหลือเกินนะ ยังมีหน้ามีพูดอีก

แต่เสี่ยวเถียนคือใครกันล่ะ?

คนที่มือเท้าคล่องแคล้วว่องไว ไม่กลัวว่าจะต้องรับมือกับใคร เด็กสาวจับแขนอีกฝ่ายแล้วเหวี่ยงออกไป

เด็กเสื้อม่วงถลาจนเกือบล้ม กว่าจะกลับมายืนอย่างมั่นคงได้ก็เห็นเสี่ยวเถียนจากไปไกลแล้ว

“แก…” เจ้าตัวได้แต่กระทืบเท้าด้วยความโมโห อีกฝ่ายเดินไปไกลแล้ว ตามไปไม่ทันแน่

ไม่ใช่ว่าไม่อยากไล่ตามนะ แต่รู้สึกได้ว่าต่อให้ตามไปก็คงไม่ได้หนังสือกลับมา

เสี่ยวหลิ่วเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าเสี่ยวเถียนได้แสดงฝีไม้ลายมือบนรถไฟด้วย จึงรู้โดยปริยายว่าเด็กคนนี้ไม่มีทางเสียท่าหรอก

ตอนที่ได้ยินเจ้าตัวโดนว่าเรื่องการแต่งตัว เสี่ยวหลิ่วก็คิดนะว่าควรออกมาปกป้อง

แต่เสี่ยวเถียนกลับสะบัดอีกฝ่ายออก แล้วเดินไปทันที

เธอดูเท่จริง ๆ นะ

เสี่ยวหลิ่วก็รู้สึกแบบนั้นอยู่ในตอนนี้

จากนั้นก็จ้องมองไปทางเด็กเสื้อม่วงอยู่หลายครั้ง

คนถูกมองสัมผัสได้ทันที

“มองหาอะไร?” ก่อนจะจ้องกลับมา

วันนี้เสี่ยวหลิ่วสวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายตัวยาวที่เอามาจากเมืองหลวง ใช้วัสดุดี ฝีมือเยี่ยม และเป็นเสื้อที่มาจากโรงงานเถาฮวา

เด็กเสื้อม่วงคิดว่าเสื้อผ้าตัวเองสวยมากแล้ว แต่พอเห็นของอีกฝ่าย เธอรู้สึกเลยว่าของตัวเองไม่น่ามองเลยสักนิด

ตนจึงไม่กล้าแหกปากต่อ

“ถึงการตัดสินคนจากรูปร่างหน้าตาแล้วถึงค่อยให้ความเคารพจะเป็นคำพูดที่ถูกต้อง แต่หลายครั้งเธอก็ไม่สามารถบอกตัวตนของอีกฝ่ายจากเสื้อผ้าได้หรอกนะ หลังจากนี้เธอควรทำตัวสงบเสงี่ยม จะได้ไม่ไปยั่วโมโหคนที่ไม่สมควรไปยั่วโมโหโดยไม่รู้ตัวเองอีก”

ว่าจบเธอก็รับใบเสร็จจากมือพนักงานแล้วไปจ่ายเงินทันที

สีหน้าของเด็กเสื้อม่วงเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็ไม่กล้าส่งเสียงดังออกมา

เพราะคนตรงหน้าแต่งตัวหรูหรามากกว่า ดูก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนธรรมดา

ถ้าเผลอไปทำใครขุ่นเคืองเข้า ผู้ใหญ่ที่บ้านคงไม่ให้อภัยแน่ ๆ

เสี่ยวหลิ่วซื้อหนังสือเสร็จ ก่อนจากไป เธอมองซ้ายขวาก่อนจะพบว่าเสี่ยวเถียนไม่อยู่แล้ว

เธอไม่ได้จริงจังอะไร พอดีเช้านี้ไม่มีงานเลยมาเดินเที่ยวแถวนี้

คนที่คุ้นเคยกับชีวิตในเมืองหลวง การได้มาเที่ยวชุนเฉิงถือได้ว่าน่าเบื่อ

เธอเดินเที่ยวต่ออีกครู่หนึ่ง กระทั่งเบื่อจึงกลับโรงแรม

ตอนนี้ตัดสินใจแล้วว่าจะตั้งใจเรียน ในอนาคตจะได้ไม่เสียเวลาอีก

แต่หลังจากที่กลับมาก็ยังไม่เจอเสี่ยวเถียนอยู่ดี

เลยคิดว่าอีกฝ่ายนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร

เสี่ยวหลิ่วกลับมาเริ่มอ่านหนังสือ

ทางฝั่งเสี่ยวเถียนนั้น จู่ๆ ก็ได้แต้มคะแนนอย่างลึกลับ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร

เธอจมอยู่ในความคิดครึ่งค่อนวัน พยายามคิดว่าแต้มมันมาจากไหน

แต่ก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดี

เหมือนว่าจะไม่ได้ชักชวนใครให้ตั้งใจเรียนนะ

ตอนนั้นเองที่เห็นหนุ่มเจ้าของร้านดอกไม้ลากรถเข็นมา

“สาวน้อย เธอมาถึงก่อนอีกหรือเนี่ย?” เขาคิดว่าตัวเองไวแล้วนะ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาถึงก่อน

เธอยิ้มบาง ๆ “หนูมาตัวเปล่านี่คะ แต่คุณต้องเข็นรถมาด้วย ยังไงหนูก็ต้องไวกว่าอยู่แล้ว”

ในฐานะคนที่ฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอ เสี่ยวเถียนย่อมเดินไวอยู่แล้ว

จากนั้นก็วานให้อีกฝ่ายช่วยยกดอกไม้ลงมาวางไว้ในซอย

“อันนี้เป็นเงินสองพันหยวนค่ะ คุณนับดูนะ”

เงินกองหนาวางอยู่บนมือชายหนุ่ม เจ้าของมือสั่นเทาไปหมด

เขาใช้เงินมหาศาลเพื่อซื้อดอกไม้ แต่ใครจะรู้เล่าว่าแค่สิบกว่าวันก็มีเงินเหลือแค่นี้

ใครว่าขายดอกไม้จะหาเงินได้?

นี่มันขาดทุนชัด ๆ!

ถ้าเขามาจากอนาคตนะ จะไม่เสี่ยงอะไรแบบนี้แน่นอน

เสี่ยวเถียนเอ่ย “สองวันนี้ช่วยหนูดูทีนะคะว่ามีดอกไม้แบบนี้อีกหรือเปล่า คุณช่วยหนูซื้อได้ค่ะ ส่วนราคาก็อิงจากที่บอกเลยกระถางละหนึ่งร้อยหยวน แต่ขอต้นที่ยังไม่ตายนะ”

ชายหนุ่มคาดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวเถียนยังคิดจะซื้อต่อ

ไม่รู้ว่าเหรอการซื้อไปแบบนั้นมันมีความเสี่ยงน่ะ

ถ้าตายคือจบเลยนะ

“พอดีกว่าไหม ถ้าเป็นแบบฉันขึ้นมามันไม่คุ้มนะ การหาเงินมันไม่ใช่ง่าย ๆ นา”

ชายหนุ่มชักชวนอย่างจริงจัง

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูรู้ขอบเขตดี”

ในเมื่อโน้มน้าวใจไม่ได้ เขาก็ทำได้แค่นัดแนะวันที่จะเจอกันอีกครั้งแล้วกลับไป

เสี่ยวเถียนมองดอกไม้พวกนั้น จากนั้นก็หันมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคนเห็น ก่อนจะยัดมันเข้าช่องเก็บของ

ถ้าใส่ไว้ในนี้มันจะโต และไม่เหี่ยวไว

เธอตั้งใจว่ากลับไปจะเอาปลูกลงดิน ด้วยสกิลพืชพรรณ พวกมันจะต้องกลับมามีชีวิตดีอีกครั้งในเวลาไม่ถึงเดือนแน่

ถ้าสองวันนี้มีเวลาเธอตั้งใจจะซื้อพันธุ์ดี ๆ เพิ่มอีกสองกระถางด้วย