บทที่ 912 เยี่ยมอาจารย์ฝาง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 912 เยี่ยมอาจารย์ฝาง

บทที่ 912 เยี่ยมอาจารย์ฝาง

“พ่อค้าหัวหมอพวกนี้” ใต้เท้าหลิวกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะและกล่าวอย่างโกรธเคือง “คนเหล่านี้ไม่แม้แต่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ มิหนำซ้ำยังกล่าวหาว่าข้าแจกจ่ายโจ๊ก แล้วจะยังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา และใช้ภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งนี้ในการสร้างผลงาน”

กู้เสี่ยวหวานมองใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธเคืองของใต้เท้าหลิว แม้แต่มือก็กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

ใต้เท้าหลิวอุทิศตนเพื่อรับใช้ประชาชน แต่คนเหล่านั้นบอกว่าเขาต้องการสร้างผลงาน ไม่แปลกใจที่เขาจะโกรธเคืองเช่นนี้

กู้เสี่ยวหวานจึงเอ่ยปลอยโยน “ใต้เท้าหลิว ความยุติธรรมอยู่ในใจของผู้คน ความรักที่ท่านมีต่อประชาชนทุกคนล้วนชัดเจน หากท่านถือโทษโกรธเคืองเพียงเพราะคำเหล่านนี้ เกรงว่าท่านจะตกหลุมพรางของคนเหล่านี้จริง ๆ”

เอาแต่สนใจตนเอง ไม่สนใจพวกพวกพ้องและดินฟ้า แม้ทุกคนล้วนยำเกรง แต่หากไม่มีคนเหล่านั้นแล้วไซร้ จะสามารถเป็นครอบครัวเล็ก ๆ ได้อย่างไร

พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะเกิดการจลาจลรูปแบบไหน หากผู้ประสบภัยพิบัติเหล่านี้ไม่มีที่ไป และเริ่มรวมตัวกันในเวลานั้น

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้กังวลในเรื่องที่ต้องกังวล สิ่งเหล่านี้ล้วนเคยเกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์

เมื่อได้ใต้เท้าหลิวพูด กู้เสี่ยวหวานก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง

“ถ้าอย่างนั้นเราควรเกลี้ยกล่อมคนร่ำรวยและมีอำนาจเหล่านี้ให้บริจาคอาหาร หากมีการก่อจลาจลขึ้น เมืองรุ่ยเสียนของเราจะเกิดวิกฤต” กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจ

“พรุ่งนี้ข้าจะไปหาอาจารย์ท่านหนึ่ง เขาเคยเป็นอาจารย์ของราชสำนักและสอนหนังสือแก่องค์ชาย หลังจากนั้นก็ย้ายมายังเมืองรุ่ยเสียนและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาสิบปีแล้ว ชื่อเสียงของเขาขจรขจาย หากได้คุยกับอาจารย์ท่านนี้ ตราบเท่าที่เขาเอ่ยปาก แปดในสิบส่วนของครอบครัว ร่ำรวยในเมืองรุ่ยเสียนจะต้องเห็นแก่หน้าเขาและยอมบริจาคอาหารอย่างแน่นอน”

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหลาดใจ “ชื่อเสียงเรียงนามของอาจารย์ท่านนั้นคือใครหรือ?”

“เขามีแซ่ฝาง”

เช้าตรู่วันถัดมา หลังจากกู้เสี่ยวหวานตื่นขึ้นและจัดการตนเองเรียบร้อย นางก็ติดตามใต้เท้าหลิวไปยังจวนฝาง

หากการเดาของกู้เสี่ยวหวานถูกต้อง อาจารย์ท่านฝางคนนี้ควรเป็นคนที่ฉินเย่จือบอกนางก่อนหน้านี้ หากมีเรื่องใดเกิดขึ้นก็ให้ไปหาอาจารย์ฝาง

พี่เย่จือบอกว่าอาจารย์ฝางเป็นอาจารย์ของพ่อของเขา แต่ใต้เท้าหลิวบอกว่าเขาเคยสอนองค์ชายมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ต่อมาก็ได้ยินจากใต้เท้าหลิวว่าอาจารย์ฝางผู้นี้ออกจากวังหลวงมานานหลายปีแล้ว จากนั้นก่อตั้งสำนักศึกษาเล็ก ๆ ขึ้น และรับลูกศิษย์จำนวนเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพ่อของพี่เย่จื่อจะเคารพอาจารย์ฝางท่านนี้มาก

จวนฝางหาได้ไม่ยาก ไม่อยู่ในพื้นที่พลุกพล่าน แต่อยู่ในอาณาเขตเงียบสงบ โนเวล-พีดีเอฟ

ครั้นมาถึงจวนฝางก็เห็นสิงโตหินสองตัวใหญ่ตั้งอยู่หน้าทางเข้า มีตัวอักษรสลักว่า ‘จวนฝาง’ แลดูแข็งแกร่งและทรงพลัง

“ข้าได้ยินว่าคำว่า ‘จวนฝาง’ ถูกจารึกโดยฮ่องเต้องค์แรก” ใต้เท้าหลิวกระซิบที่หูของกู้เสี่ยวหวานแผ่วเบา

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า ไม่น่าแปลกใจที่จวนฝางจะมีชื่อเสียงในเมืองรุ่ยเสียน

กู้เสี่ยวหวานและใต้เท้าหลิวมาถึงประตูจวนฝาง จากนั้นอาโม่จึงรุดขั้นหน้าเพื่อเคาะประตู ทันใดนั้นชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนคนรับใช้ก็มาเปิดประตู เขาเพียงแต่เปิดประตูไว้ครึ่งหนึ่ง และคนรับใช้วัยยี่สิบก็โผล่หน้าออกมาจากข้างใน “พวกท่านสองคนมาหาใครหรือขอรับ?”

ท่าทางและน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสุภาพ

ดูเหมือนว่าตามกฎของจวนจะเต็มไปด้วยความเคร่งครัด

ใต้เท้าหลิวประสานมือ “น้องชายท่านนี้ โปรดรายงานนายท่านของเจ้าว่า หลิวจือเสี้ยนมาขอพบ” จากนั้นหลิวจือเสี้ยนก็ค้อมตัวลงด้วยความเคารพ

ชายหนุ่มรีบตอบกลับทันที “พวกท่านทั้งสองรอสักครู่ ข้าจะรีบไปรายงานทันที”

ยามที่ใต้เท้าหลิวเอ่ยชื่อของตนเอง เขาไม่ได้บอกถึงตำแหน่งที่แท้จริงของตน ในตระกูลที่มีชื่อเสียงเช่นตระกูลฝาง ตำแหน่งผู้พิพากษาเป็นตำแหน่งทางการเล็กน้อยที่ไม่สามารถเทียบได้

ครั้งเมื่อหลิวจือเสี้ยนได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองรุ่ยเสียน เขาเคยมาขอพบอาจารย์ฝางอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นอาจารย์ฝางไม่อยู่และไม่สะดวกให้เข้าพบ ดังนั้นหลิวจือเสี้ยนจึงไม่เคยพบเขามาก่อน

จะเห็นได้ว่าอาจารย์ฝางไม่ต้องการติดต่อกับบุคคลของทางการ

คราวนี้หลิวจือเสี้ยนกลัวว่าจะถูกปฏิเสธอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงเดินวนไปมาอยู่หน้าประตูอย่างพะว้าพะวง

หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มที่หายไปสักพักก็กลับมา และเอ่ยว่า “เชิญทั้งสองท่าน นายท่านของข้ากำลังรออยู่ที่ห้องโถง”

ใต้เท้าหลิวพลันรู้สึกมีความสุข เขาไม่คาดหวังว่าครั้งนี้จะโชคดีขนาดนี้ อาจารย์ฝางอยู่ที่บ้านและเขายินดีที่จะพบเขา

ใต้เท้าหลิวเดินตามเด็กรับใช้คนนั้นเข้าไปข้างในทันที โดยมีกู้เสี่ยวหวานเดินตามหลังเข้าไปด้วยความเคารพ

ภายในจวนตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่สัมผัสได้ถึงรสนิยมและความตั้งใจของเจ้าของบ้าน

มีสะพานเล็ก ๆ และธารน้ำใส ศาลา ระเบียงทางเดิน ลานบ้าน และสวนที่ตัดแต่งอย่างประณีต ปลาหลากสีแหวกว่ายอย่างมีความสุขในธารน้ำ

ครั้นเดินมาถึงห้องโถงภายในจวนฝางก็เห็นอาจารย์ฝางกำลังเล่นหมากรุกอยู่ กู้เสี่ยวหวานรีบขัดจังหวะคนรับใช้ที่จะส่งเสียงออกมา และพูดด้วยเสียงน้ำเสียงแผ่วเบา “ปล่อยให้ท่านเล่นไปก่อนเถอะ”

ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และเขามองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความกระตือรือร้นมากกว่าเดิมเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เอ่ยเตือนนายท่านของตน และรออยู่ เงียบ ๆ

หลังจากดื่มชาไปได้ครึ่งถ้วย อาจารย์ฝางก็เงยหน้าขึ้นและมองมาทางนี้ ราวกับจะบอกว่าเหตุใดยังไม่พาแขกเข้ามาอีก

เมื่อกวาดสายตามองก็พบเด็กหญิงร่างกายผอมบางคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น

เด็กหญิงวัยสิบกว่าปี ดวงตากลมโตสีดำสดใส นางมีเสน่ห์แบบเด็กผู้หญิง และมีสติปัญญาแบบผู้ใหญ่

บนศรีษะของเด็กหญิงประดับด้วยปิ่นปักผมไม้ซึ่งแกะสลักเป็นลวดลายดอกเหมย งดงามราวกับฝีมือของใครบางคน

นางสวมชุดฤดูร้อนสีเขียวอมฟ้า แหวนหยกสีเขียวห้อยอยู่ที่ด้านหน้าเผยออกมาให้เห็น

เมื่อคนใช้เข้ามารายงาน เดิมที่เขาไม่ต้องการพบหลิวจือเสี้ยน แต่เมื่อเขาได้ยินว่ามีเด็กผู้หญิง มากับใต้เท้าหลิว และห้อยแหวนหยกไว้ที่คอ ไม่รู้ทำไมแต่อยู่ดี ๆ ก็นึกถึงคำพูดของใครคนหนึ่งขึ้นมา นึกถึงหญิงคนนั้นที่ไม่มาหาและแอบสงสัยว่าอาจจะเป็นนางผู้นี้

เมื่อเห็นแหวนหยกที่คุ้นเคยในตอนนี้ เขาก็เข้าใจทุกอย่างได้ทันที

อาจารย์ฝางเดินลงจากที่นั่งทันที ลูบเคราสั้น ๆ ของตนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ขออภัย ที่ปล่อยให้แขกรอนาน”

หลิวจือเสี้ยนรีบเอ่ยอย่างรวดเร็ว “เป็นข้าที่รบกวนท่านอาจารย์”

——————————————-