ภาค 1-2 บทที่ 117

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก – ภาค 2 ตอนที่ 117 จัดการไว้รอบคอบ
โรงเตี๊ยมยามรุ่งอรุณก็เหมือนเช่นเดิม ไม่ได้วุ่นวายเพราะเสียงร้องไห้โวยวายของใครบางคน

ในห้องยังคงเงียบสงบไม่มีเสียงเช่นกัน

คุณหนูจวินผลักประตูเปิดเบาๆ หลิ่วเอ๋อร์บนเตียงข้างหน้าต่างยังคงแผ่แขนขานอนหลับอยู่

“ยังไม่ตื่น?” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยถามเสียงเบา เขาหยุดยืนอยู่ด้านนอกประตู

คุณหนูจวินพยักหน้า

“พวกเราเดินทางกันเร็วมาก นอกจากนี้ยังขี่ม้า” นางเอ่ยเสียงเบา

“ถ้าอย่างนั้นก็ร้ายกาจมากจริงๆ” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยขึ้น ท่าทางนับถืออยู่บ้าง “ข้าขี่ม้าเดินทางไกลครั้งแรก ลงม้ายังเดินไม่ได้เลย”

คุณหนูจวินยิ้ม มองห่อผ้าในมือ

“เจ้าไปอาบน้ำก่อนเถิด” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยขึ้นทันที “ข้าจะนั่งอยู่ด้านหน้า”

เขาพูดจบก็เดินจากไป

คุณหนูจวินได้แต่ไม่พูดสิ่งใด ส่ายศีรษะเข้าไป

ความเคลื่อนไหวในห้องทำให้หลิ่วเอ๋อร์ตื่นขึ้นมา นางบิดขี้เกียจทีหนึ่งก่อน แล้วเพราะความปวดร้าวของร่างกายถึงครวญครางออกมาหลายที หลังจากนั้นก็คิดอะไรได้ลุกพรวดขึ้นมา

“เจ้า…” นางตะโกน

คำพูดยังไม่ทันออกจากปาก ก็เห็นคุณหนูจวินนั่งหวีผมอยู่ด้านหน้ากระจกหันกลับมา

“เจ้าตื่นแล้ว” นางยิ้มเอ่ยขึ้น

สีหน้าแจ่มใส แต่งแต้มแป้งฝุ่น ดูแล้วมีชีวิตชีวา

เสื้อผ้าก็เปลี่ยนใหม่แล้ว

หลิ่วเอ๋อร์ลูบหัวยิ้มๆ

“คุณหนูท่านตื่นเช้าขนาดนี้เชียว” นางว่า

คุณหนูจวินยิ้มไม่ได้เอ่ยตอบ

“หิวแล้วสินะ รีบไปล้างหน้าล้างตา พวกเราไปรับประทานอาหารกัน” นางเอ่ยขึ้น

หลิ่วเอ๋อร์ขานรับดีอกดีใจลงจากเตียง

“แล้วก็เสื้อผ้าใหม่” คุณหนูจวินชี้ไปที่ห่อผ้าน้อยบนโต๊ะ

หลิ่วเอ๋อร์เดินเข้ามาดวงตาสว่างวาบ ดีอกอีใจหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมา

“คุณหนู ท่านไปซื้อมาหรือเจ้าคะ?” นางเอ่ยถาม

คุณหนูจวินสวมต่างหูอยู่หน้ากระจก

“ไม่ใช่” นางเอ่ยขึ้น “คนอื่นมอบให้”

หลิ่วเอ๋อร์ร้องอ๋อทีหนึ่ง

“ต้องเป็นนายน้อยกำชับคนในร้านเลกเงินไว้แล้วแน่เลย” นางว่า กอดเสื้อผ้าดีอกดีใจเข้าไปแล้ว

คุณหนูจวินมองนางจากหน้ากระจกอยากพูดอะไรแต่ก็ช่างมัน

หลิ่วเอ๋อร์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วเดินออกมา

“คุณหนู พวกเราไปทานที่ไหนเจ้าคะ?” นางเอ่ยถาม เดินตามคุณหนูจวินที่อยู่ด้านหน้า

คุณหนูจวินขานรับไม่เอ่ยคำ เพิ่งเดินลงบันไดก็เห็นเสี่ยวติงยื่นศีรษะอยู่ด้านหน้า มองพวกนางดวงตาสว่างขึ้นทันที หดกลับไป

“คุณหนู คุณหนูพวกเราไปทานที่ไหนเจ้าคะ” หลิ่วเอ๋อร์ตามมาเอ่ยถามอีกครั้ง

“รอประเดี๋ยว ดูว่าผู้อื่นเอาอย่างไรแล้วกัน” คุณหนูจวินเอ่ยขึ้น

ผู้อื่น?

หลิ่วเอ๋อร์งงเล็กน้อย

คนจากร้านแลกเงินมาหรือ?

นางตามคุณหนูจวินก้าวเข้าไปในโถงด้านหน้า ยังไม่ทันมองเห็นคนด้านในโถงชัดก็ได้ยินเสียงผู้ชายเอ่ยขึ้นข้างๆ หู

“ด้านข้างเป็นร้านของตระกูลเติ้ง สั่งอาหารบางอย่างไว้แล้ว ร้านนี้ข้าไปทานบ่อย คนครัวเป็นชาวหรู่หนาน”

หรู่หนาน?

หลิ่วเอ๋อร์ดวงตาเป็นประกายแล้ว

แม้นางกับคุณหนูเติบโตที่ฝู่หนิง แต่นายท่านจวินเป็นชาวหรู่หนาน คนรับใช้ที่พามาก็ล้วนเป็นคนหรู่หนาน ทั้งบ้านกินดื่มล้วนเป็นความคุ้นชินแบบหรู่หนาน

ตระกูลฟางที่หยางเฉิงทำไมต้องแยกห้องครัวต่างหากทำอาหาร ก็เพราะรสที่กินแตกต่างกับคนตระกูลฟาง

คนตระกูลฟางตอนนี้ยิ่งหัวไวใส่ใจขึ้นทุกทีแล้ว

หลิ่วเอ๋อร์พอใจมากมองไปทางคนที่เอ่ยคำพูด ใบหน้าที่ยิ้มแย้มฉับพลันชะงักค้าง เบิกตาโต

“ท่าน ท่าน…” นางเอ่ยขึ้นติดอ่าง แล้วมองไปทางคุณหนูจวิน “คุณหนู ข้าไม่ได้ฝันใช่ไหมเจ้าคะ ข้ายังไม่ตื่นหรือ? ทำไมข้ามองเห็นคุณชายสิบหนิงเล่า?”

หนิงอวิ๋นเจาหัวเราะ

“เพราะข้าก็บังเอิญอยู่ที่เมืองหลวงเหมือนกัน” เขาเอ่ยขึ้น

จริงรึ?

หลิ่วเอ๋อร์มองเขาสีหน้าประหลาดใจเหมือนเก่า

“เมื่อครู่ข้าออกไปข้างนอกบังเอิญพบกับคุณชายหนิงเข้า” คุณหนูจวินเอ่ยบอก

บังเอิญขนาดนี้?

“ในเมื่อพบแล้ว ทั้งยังเป็นคนบ้านเดียวกัน ข้ามาที่นี่ก่อนพวกเจ้าย่อมควรแสดงน้ำใจของเจ้าถิ่นให้เต็มที่” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยต่อ

หลิ่วเอ๋อร์มองหนิงอวิ๋นเจาแล้วก็มองคุณหนูจวิน

“พวกท่านพูดสอดรับกันจังนะเจ้าคะ” นางเอ่ยพึมพำ

สาวใช้คนนี้คิดมากแล้ว

เหมือนกับคนอื่น แค่เห็นชายหญิงยิ้มให้กันพูดจากันก็ต้องเกิดความคิดประหลาดๆ บางอย่าง

หนิงอวิ๋นเจายิ้มเล็กน้อย สายตามองไปทางคุณหนูจวิน

คุณหนูจวินก็ฉีกยิ้มเช่นกัน แม้กระทั่งสีหน้าลำบากใจยังไม่มี

นางไม่มีทางคิดมาก

หนิงอวิ๋นเจารอยยิ้มกดลึกขึ้น

“ตอนนี้ต้องแสดงน้ำใจของเจ้าถิ่นให้เต็มที่ ก่อนหน้านี้ที่หยางเฉิงทำไมท่านไม่ทำล่ะเจ้าคะ?” หลิ่วเอ๋อร์ยังคงบ่นโกรธแค้นไม่ยุติธรรม

“เพราะตอนนั้นพวกเรายังไม่รู้จักกัน” หนิงอวิ๋นเจาไม่ร้อนรนไม่โกรธยิ้มเอ่ยตอบ พูดจบก็มองคุณหนูจวินทีหนึ่ง

หลิ่วเอ๋อร์ยิ่งไม่เข้าใจ

ตอนนั้นไม่รู้จัก? ตอนนี้รู้จักแล้ว? ตอนนี้รู้จักกันเมื่อไร?

ตอนนั้นวันที่สามเดือนสามที่หอจิ้นอวิ๋นหลิ่วเอ๋อร์ไม่ได้ไป ต่อมาดึกดื่นเที่ยงคืนลอบพบ ที่เหลาสุราพบหน้าหลิ่วเอ๋อร์ก็ล้วนไม่รู้

“เจ้าหิวหรือไม่หืม?” คุณหนูจวินยิ้ม เอ่ยกับหลิ่วเอ๋อร์

นี่คุณหนูหมายความว่าไม่ให้ถามแล้ว หลิ่วเอ๋อร์ยังคงฟังออก ช่างเถิด พวกเขาตระกูลหนิงติดค้างคุณหนูอยู่ เขาอยากเลี้ยงถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาเลี้ยงไป

กินให้มากหน่อย!

“น้ำแกงพริกไทยมาอีกชาม”

หลิ่วเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งเอ่ยขึ้น

เสี่ยวติงที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองนางตาโตอ้าปากค้าง

“เจ้า เจ้ายังกินลงหรือ?” เขาอดไม่ได้เอ่ยถาม

หลิ่วเอ๋อร์กลอกตาใส่เขา

“เพิ่มเต้าหูแห้งผัดน้ำตุ๋นไก่จานหนึ่ง” นางเอ่ยขึ้น

เสี่ยวติงมองหนิงอวิ๋นเจาที่นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง หนิงอวิ๋นเจากำลังคีบเส้นหมี่ผัดสองเส้นวางไว้ตรงหน้าตนเองอย่างระมัดระวัง แล้วเชิญคุณหนูจวิน

คุณชายทานอาหารมาแล้ว ถึงกับยังกินเส้นหมี่ผัดได้อีกสองเส้น

เอาเถอะ ความอยากอาหารของทุกคนมากพอดู

เสี่ยวติงเรียกพนักงานมาสั่งอาหารที่หลิ่วเอ๋อร์ต้องการ

“นี่เป็นเส้นมันภูเขาเย็นแท้ๆ” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย “ข้ารู้สึกว่ากินได้ถึงรสดั้งเดิม”

คุณหนูจวินยกแขนเสื้อใช้ช้อนตักชิมคำหนึ่ง

“อร่อยมาก” นางยิ้มเอ่ยขึ้น

ส่วนถึงรสดั้งเดิมหรือไม่ นางกลับไม่รู้ เพราะนางไม่ใช่คนหรู่หนานแท้ๆ

แต่อาหารมื้อนี้กินอย่างสำราญยิ่งนัก อย่างไรนางก็หิวอยู่จริงๆ คืนวานตอนอยู่ในตลาดกลางคืน นางอยากกินอะไรอยู่บ้าง จนใจที่ไม่ได้นำเงินไป

นางกินอย่างสง่างามและสำราญใจ ที่สง่างามคือท่าทาง ที่สำราญคืออารมณ์ หนิงอวิ๋นเจารู้สึกว่าทานอาหารกับเด็กสาวที่แท้ทานแล้วมีความสุขนัก

แน่นอนว่านี่สาเหตุเพียงพราะนางคือนาง

เด็กสาวคนอื่นย่อมไม่แน่ ก่อนหน้านี้เขาเคยร่วมงามเลี้ยงมาก่อนเหมือนกัน นั่งร่วมกับผู้หญิงมาก่อนเช่นกัน

หนิงอวิ๋นเจาอยากพูดอะไร แล้วก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรจะพูด

“เรื่องเหล่านั้นของเจ้าข้าได้ยินมาหมดแล้ว” เขาคิดนิดหนึ่งก็พูดขึ้น ทั้งพยักหน้า “เจ้าทำได้ดีนัก ทำให้คนนับถือ”

นี่เป็นคำชมจริงใจจากใจ คุณหนูจวินยิ้ม

“ข้ารู้สึกว่าก็ไม่เลว” นางคิดนิดหนึ่งก็พูดออกมาบ้าง

แม้มีปริศนาที่อธิบายไม่ได้มากมาย และมีสิ่งไม่คาดฝันมากมาย แต่สิ่งที่นางต้องการก็นับว่าได้มาแล้ว อย่างเช่นเฉิงอวี่รักษาหายดีแล้ว อย่างเช่นนางไม่ต้องกังวลเรื่องเงินใช้แล้วด้วย ที่ดีใจยิ่งกว่าคือนางมาถึงเมืองหลวงแล้วเช่นกัน

หนิงอวิ๋นเจาหัวเราะลั่นแล้ว รู้สึกว่านางตอบได้ตรงไปตรงมาทั้งยังเหมาะสมจริงๆ

เขาคิดไม่ถึงแต่ก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล ทำให้คนเบิกบาน

คุณหนูจวินวางตะเกียบลง เช็ดมุมปากลุกขึ้นเอ่ยขอบคุณ

“ขอบคุณคุณชายหนิงที่ต้อนรับ” นางว่า

หนิงอวิ๋นเจาลุกขึ้นคำนับคืน

“คุณหนูของเจ้าจะไปแล้ว” เสี่ยวติงเอ่ยเตือนหลิ่วเอ๋อร์ที่ยังกินอยู่

หลิ่วเอ๋อร์ตอนนี้ถึงเหรอ ลุกขึ้นยืน

“พนักงาน ห่อกลับ” นางไม่ลืมเอ่ยขึ้น

นี่สาวใช้อะไรกัน มีท่าทางของสาวใช้…ของหญิงผู้ไม่ธรรมดาสักนิดที่ไหน

เสี่ยวติงทนมองตรงๆ ไม่ได้