ตอนที่ 900 ขอทาน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 900 ขอทาน

ต่อให้สังหารองค์หญิงเจิ้นกั๋วได้ ด้านนอกก็ยังมีไป๋จิ่นซิ่ว ยังมีคุณหนูตระกูลไป๋อีกหลายคน ถึงเวลานั้นหากองค์หญิงเจิ้นกั๋วสิ้นพระชนม์อยู่ที่เมืองลั่วหงขึ้นมาจริงๆ ไป๋จิ่นซิ่วต้องโจมตีเมืองอย่างแน่นอน เมื่อเมืองถูกตีแตก จักรพรรดิต้าจิ้นไม่มีทางรอดชีวิต บ่าวรับใช้อย่างพวกเขาไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกกี่วัน

ไม่นานเกาเต๋อเม่าจึงละสายตากลับ ภาพตรงหน้าเต็มไปด้วยเงาสีเขียว

เกาเต๋อเม่าลอบตัดสินใจบางอย่างอยู่ในใจ เป็นการตัดสินใจที่จำต้องทำเพื่อปกป้องชีวิตของตัวเอง

หากรัชทายาทโน้มน้าวฝ่าบาทไม่สำเร็จ หากฝ่าบาทคิดสังหารองค์หญิงเจิ้นกั๋วขึ้นมาจริงๆ เกาเต๋อเม่าต้องหาทางปกป้องชีวิตขององค์หญิงเจิ้นกั๋วไว้ให้ได้ มีเพียงองค์หญิงเจิ้นกั๋วมีชีวิตอยู่เท่านั้นเขาถึงจะมีโอกาสรอดชีวิต

เกาเต๋อเม่าติดตามรับใช้จักรพรรดิต้าจิ้นมานาน เขาย่อมไม่อาจทนเห็นต้าจิ้นเสื่อมสลายลงได้ ทว่า บัดนี้อำนาจและวาสนาของราชวงศ์หลินหมดลงแล้ว ไม่ว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตลง…ต้าจิ้นก็ต้องดับสูญอยู่ดี หากยังไม่ตระหนักรู้เรื่องนี้ก็คงเหลือเพียงความตายทางเดียว

เกาเต๋อเม่าถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นพาขันทีเล็กเดินจากไป

เกาเต๋อเม่าจากไปได้ไม่นาน คนข้างกายของรัชทายาทก็มาเชิญฉินซ่างจื้อไปพบรัชทายาท กล่าวว่ารัชทายาทมีเรื่องสำคัญจะปรึกษา

รัชทายาทยืนลังเลอยู่หน้าตำหนักบรรทมของจักรพรรดิต้าจิ้นอย่างตัดสินใจไม่ได้ เฉวียนอวี๋จึงเสนอให้รัชทายาทไปขอคำแนะนำจากฉินซ่างจื้อ

เมื่อรัชทายาทพบหน้าฉินซ่างจื้อ เขาจึงเล่าแผนการเตรียมสังหารไป๋ชิงเหยียนในคืนนี้ของจักรพรรดิต้าจิ้นให้ฉินซ่างจื้อฟัง ฉินซ่างจื้อตกตะลึง จากนั้นแนะนำให้รัชทายาทรีบไปหยุดยั้งความคิดเลอะเลือนของจักรพรรดิต้าจิ้น

ทว่า ฉินซ่างจื้อรู้ดีว่าจักรพรรดิต้าจิ้นในตอนนี้ไม่สนใจเรื่องใดทั้งสิ้นนอกจากการสร้างหอบูชาเก้าเช้า และการขอพรให้อายุยืนยาว เขาไม่สนใจบุตรชายอย่างรัชทายาทและแคว้นต้าจิ้นแม้แต่น้อย

ดังนั้นตอนที่ฉินซ่างจื้อแนะนำรัชทายาท เขากำชับให้รัชทายาทเกลี้ยกล่อมจักรพรรดิต้าจิ้นให้มุ่งความสำคัญไปที่เรื่องการสร้างหอบูชาเก้าชั้นเพียงและการปรุงยาวิเศษก่อน

จักรพรรดิต้าจิ้นนอนอยู่บนเตียงที่เพิ่งปลดผ้าม่านสีทองที่แขวนอยู่บนตะขอทองแดงลงมากั้น เขาใช้ศอกข้างหนึ่งยันกายของตัวเองเอาไว้ เมื่อดื่มยาวิเศษที่เพิ่งต้มร้อนเสร็จร้อนๆ ลงไปเรียบร้อยจึงรับผ้าเช็ดหน้าจากถาดสีเหลี่ยมสีดำของนางกำนัลมาเช็ดปาก จากนั้นก้มหน้ามองรัชทายาท “ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก”

รัชทายาทคุกเข่าขอร้องอยู่ตรงหน้าจักรพรรดิต้าจิ้นที่ใบหน้าเหลืองซีด “ลูกไม่ได้ขอร้องเพื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วพ่ะย่ะค่ะ ลูกขอร้องเพราะเป็นห่วงเสด็จพ่อ เสด็จพ่อลองคิดดูนะพ่ะย่ะค่ะ หากทรงสังหารองค์หญิงเจิ้นกั๋วขึ้นมาจริงๆ ทหารยอมจำนนของต้าเหลียงอาจก่อกบฏจนแผ่นดินต้าจิ้นเกิดความวุ่นวาย ที่สำคัญไป๋จิ่นซิ่วที่อยู่นอกเมืองจะไม่แก้แค้นให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วหรือพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิต้าจิ้นได้ยินรัชทายาทกล่าวเช่นนี้จึงขมวดคิ้วแน่น เขาลูบมือไปที่หมอนอิงลายดอกไม้เบาๆ อย่างใช้ความคิด

เมื่อรัชทายาทเห็นว่าจักรพรรดิต้าจิ้นไม่ได้ตวาดเขาอีกจึงกล่าวต่อ “ทหารที่อยู่ในเมืองลั่วหงในตอนนี้จะสู้ทหารที่มากประสบการณ์ขององค์หญิงเจิ้นกั๋วได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ หากองค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นอันใดขึ้นมาจริงๆ หากไป๋จิ่นซิ่วไม่สนใจชีวิตขององค์หญิงใหญ่ นางคงตีเมืองลั่วหงแตกภายในสองวัน ถึงตอนนั้นพวกเราคงยากจะรอดชีวิตพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

เมื่อเฉวียนอวี๋เห็นว่ารัชทายาทโน้มน้าวจักรพรรดิต้าจิ้นตามที่ฉินซ่างจื้อแนะนำ ใจที่เป็นกังวลจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลง

ตอนที่เฉวียนอวี๋ถูกคนของไป๋ชิงเหยียนส่งมาที่เมืองลั่วหง เขามีโอกาสได้พบฮูหยินฉินไป๋จิ่นซิ่วพักหนึ่ง ฮูหยินฉินกล่าวว่าองค์ชายสามที่ยอมจำนนของต้าเหลียงได้รับการแต่งตั้งจากองค์หญิงเจิ้นกั๋วเป็นอ๋องดูแลเมืองหานต่อไป

เมื่อได้ยินข่าวนี้เฉวียนอวี๋จึงอดคิดไม่ได้ว่าหากรัชทายาทยอมจำนน บางทีองค์หญิงเจิ้นกั๋วอาจแต่งตั้งพระองค์เป็นอ๋อง ให้พระองค์มีชีวิตที่สงบสุขไปจนถึงบั้นปลายของชีวิต

นี่ถือเป็นจุดจบที่ดีที่สุดของรัชทายาทในตอนนี้ เฉวียนอวี๋ยอมรับว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วกล่าวถูกต้องในบางเรื่อง รัชทายาทไร้ความสามารถ ไม่มีปณิธาน หากรัชทายาทยอมรับฟังความเห็นของผู้อื่น บางทีเขาอาจพอกลายเป็นจักรพรรดิที่เหมาะสมได้ ทว่า รัชทายาทเป็นคนหูเบามาก

ตอนอยู่ที่เมืองหลวง เรื่องหลายเรื่องถูกกำหนดไว้หมดแล้ว ทว่า เมื่อรัชทายาทถูกหงเหมยผู้นั้นเป่าหูเพียงเล็กน้อย เรื่องทุกอย่างก็เปลี่ยนไปทันที

“ที่สำคัญมีเพียงองค์หญิงเจิ้นกั๋วยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น เสด็จพ่อจึงจะสามารถเสด็จไปถึงหอบูชาเก้าชั้นได้เร็วที่สุด รวบรวมเด็กหนึ่งพันคนได้เร็วที่สุด! องค์หญิงเจิ้นกั๋วตกลงเข้ามาในเมืองแล้ว แสดงว่านางจะยอมจำนนต่อพวกเรา เหตุใดเสด็จพ่อจึงต้องทำเช่นนี้อีกพ่ะย่ะค่ะ หากเกิดสงครามพวกเราอาจโชคดีหนีรอดออกไปได้ ทว่า พวกเราจะยิ่งอยู่ไกลจากหอบูชาเก้าชั้นไปเรื่อยๆ เสด็จพ่อคงไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาทกล่าว

จักรพรรดิต้าจิ้นนึกถึงหอบูชาเก้าชั้น นึกถึงร่างกายที่แย่ลงทุกวันของตัวเอง เขารู้ดีว่ายื้อต่อไปไม่ได้แล้ว…

ตอนที่เขาถูกสารเลวเหลียงอ๋องจับตัวออกมาจากเมืองหลวง เหลียงอ๋องให้ยาวิเศษเขาแค่กล่องเดียวเท่านั้น ไม่ได้พาราชครูเทพออกมาด้วย ตอนนี้ยาวิเศษของเขาหมดแล้ว เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกำลังแย่ลงเรื่อยๆ

จักรพรรดิต้าจิ้นขยับท่านั่งใหม่ จากนั้นมองไปทางรัชทายาท รัชทายาทกล่าวถูกต้อง…หากรอต่อไปอีก ร่างกายของเขาคงทนไม่ไหวแน่นอน

“ในเมื่อรัชทายาทเอ่ยปากขอร้อง เช่นนั้นคืนนี้เราจะออกไปพบไป๋ชิงเหยียนด้วยตัวเอง หากนางยอมจำนน เมื่อกลับไปเมืองหลวง เมื่อหอบูชาเก้าชั้นของเราสร้างเสร็จ บัลลังก์ของเราจะกลายเป็นของเจ้าทันที นางคือขุนนางของเจ้า เจ้าจะใช้งานนางเช่นไรก็เป็นเรื่องของเจ้า ทว่า หากนางไม่ยอม เจ้าอย่าหาว่าเราใจร้ายก็แล้วกัน!” จักรพรรดิต้าจิ้นมองดูรัชทายาทที่ถูกเหลียงอ๋องทรมานจนผอมซูบลงกว่าเดิมมาก

รัชทายาทรู้สึกราวกับได้รับภาระที่ยิ่งใหญ่ เขารีบก้มศีรษะคำนับจักรพรรดิต้าจิ้น จากนั้นเงยหน้ามองจักรพรรดิต้าจิ้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยร่องลึก “เสด็จพ่อไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วตัดสินใจเข้ามาในเมืองแล้ว นางไม่มีทางทรยศเสด็จพ่อแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

แสงไฟจากเทียนที่วางอยู่บนแท่นสูงส่องกระทบใบหน้าขาวซีดของรัชทายาท ใบหน้าของชายหนุ่มไม่เหลือเค้าเดิมแม้แต่น้อย ผ่านไปเพียงเดือนเดียว ทว่า รัชทายาทดูแก่กว่าเดิมเป็นสิบปี

จักรพรรดิต้าจิ้นโบกมือให้รัชทายาทออกไป จากนั้นหลับตาเอนกายพิงหมอนอิงอีกครั้ง

รัชทายาททำความเคารพแล้วจากไป เฉวียนอวี๋ทำความเคารพจักรพรรดิต้าจิ้น จากนั้นเดิมตามรัชทายาทออกไปอย่างนอบน้อม

จักรพรรดิต้าจิ้นเงยหน้ามองเฉวียนอวี๋แวบหนึ่ง จากนั้นหรี่ตาแคบลง

รัชทายาทเดินออกมาจากห้องบรรทมของจักรพรรดิต้าจิ้น เขาเงยหน้ามองแสงแดดของดวงอาทิตย์ที่สว่างจ้าจนน่าวิงเวียนแวบหนึ่ง จากนั้นละสายตามองไปทางต้นไม้สีเขียว เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเดินลงจากบันไดได้ขั้นหนึ่ง รัชทายาทนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เขาขอร้องอ้อนวอนเหลียงอ๋องราวกับขอทานต่อหน้าขุนนางทั้งหลาย อีกทั้งฉี่ราดกางเกงขึ้นมา เขารู้สึกปั่นป่วนท้องไปหมด แทบอยากแทรกแผ่นดินหนีไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด

“ระวังพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย!” เฉวียนอวี๋เข้าไปประคองรัชทายาท จากนั้นกล่าวเสียงอ่อนโยน “ช่วงนี้แดดแรงมาก องค์ชายทรงเงยพระพักตร์เช่นนั้นระวังพระเนตรบาดเจ็บนะพ่ะย่ะค่ะ”

รัชทายาทจับข้อมือของเฉวียนอวี๋เอาไว้ เมื่อนึกถึงเรื่องที่เฉวียนอวี๋ไม่ทอดทิ้งเขา เดินทางมาหาเขาถึงที่นี่ รัชทายาทก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที

ทว่า น่าเสียดายที่พระชายาเอกและองค์ชายน้อยไม่อาจตามมาด้วยได้ จนถึงบัดนนี้เขาก็ยังไม่ได้รับข่าวของพระชายาเอกและองค์ชายน้อยเลย