บทที่ 884 ความตื่นตระหนกของวารุณี

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณีพึมพำเสียงต่ำ เพื่อแสดงการตอบรับ “กี่โมงแล้วคะ?”

การเอ่ยปากของเธอครั้งนี้ คือเสียงที่แหบอย่างมาก ไม่เหลือเสีงหวานชวนฟังอย่างที่ปกติเคยเป็น

วารุณีตกใจเสียงของตัวเอง รีบเอามือปิดปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ

เสียงของเธอ……

เสียงของเธอ ทำไมมันถึงเปลี่ยนเป็นเพี้ยนแบบนี้?

อย่าว่าแต่วารุณีตกใจเลย นัทธีเองก็ตกใจ ไม่คิดเลย ว่าเสียงวารุณีจะเปลี่ยนเป็นแบบนี้

แต่ไม่นาน นัทธีก็ตอบสนองกลับมา แล้วหัวเราะ “น่าจะเพราะว่าคุณไม่ได้ดื่มน้ำนานเสียงเลยเป็นแบบนี้”

เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดแบบนี้ วารุณีถึงได้ตอบสนองกลับ ว่าตัวเองกระหายน้ำจริงๆ

มิน่าล่ะเสียงถึงกลายเป็นแบบนี้ ไม่ได้ดื่มน้ำเลยนี่เอง เสียงแหบให้สิ้นเรื่องไปเลยมั้ย?

วารุณีโล่งอก คลึงที่หัวคิ้ว แล้วถามอีกครั้ง “ที่รักคะ คุณยังไม่ตอบฉันเลยนะ ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว”

นัทธีลุกขึ้นเดินไปที่เตียงใหญ่ เดินไป แล้วมองนาฬิกาในมือไป “แปดโมงแล้ว”

“แปดโมง?” วารุณีตะลึง “แปดโมงเช้าเหรอคะ?”

ไม่ใช่หรอกน่า เมื่อคืนเธอถูกชายหนุ่มทรมานทั้งคืน จนถึงเช้าถึงได้กลับไป

ระหว่างที่หลับ เธอฝันไปไม่น้อย ดังนั้นไม่น่าจะนอนไปได้แค่ชั่วโมงสองชั่วโมง

นัทธีที่มาถึงเดินเมื่อเห็นสีหน้ามึนงงของวารุณี ก็เดาได้ว่าวารุณกำลังคิดอะไรอยู่ หัวเราะเสียงเบา “สองทุ่ม!”

ชายหนุ่มเตือนหญิงสาว

วารุณีตะลึง สักพักใหญ่ถึงค่อยๆ คลายความตะลึงลง “สองทุ่ม?ที่รัก คุณจะบอกว่า ฉันหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเหรอ?”

ไม่มั้ง!

แต่ทว่าเป็นแบบนี้จริงๆ นัทธีพยักหน้า “อืม คุณหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ถ้าไม่ใช่เพราะแน่ใจว่าคุณเหนื่อยจริงๆ เลยหลับยาวขนาดนี้ ผมคงกังวลว่าคุณป่วยไปหรือเปล่า”

พูดอยู่ เขานั่งลงบนเตียง ลูบที่หน้าผากหญิงสาว

วารุณีเอามือเขาออกอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วส่งเสียงออกทางจมูก “คุณยังมาพูดอีก ฉันหลับได้นานขนาดนี้เพราะใครกันล่ะ?”

นัทธีมองไปที่หญิงสาวที่ท่าทางโกรธ กระแอมอย่างรู้ผิด “ขอโทษครับ”

“คุณสมควรขอโทษฉันค่ะ” วารุณียื่นมือ ให้ชายหนุ่มดึงตัวเองขึ้น

ชายหนุ่มจับมือเธอ ถือโอกาสพยุงเธอขึ้นมาจากเตียง ให้เธอพิงไปที่หัวเตียง และจับร่างเธอยัดใส่เข้าไปในหมอน ให้เธอได้พิงสบายขึ้นมาหน่อย

ถึงแม้ว่าเขาจะละเอียดลออขนาดนี้ แต่วารุณทำสีหน้าไม่ดีใส่อยู่ “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันหลับยาวขนาดนี้นะคะ นี่เดี๋ยวนาน่าได้ล้อฉันตายเลย แล้วก็ ต่อหน้าลูกฉันขายหน้าไม่ไหว”

พูดอยู่ เธอก็เอามือปิดหน้า สิ้นแล้วชีวิตนี้

นัทธีเอามือเธอออก “นาน่าผู้หญิงคนนั้นจะขำก็ขำไปสิ ส่วนจะขายหน้าต่อหน้าลูกเหรอ?ไม่มีทาง”

“จะไม่มีทางได้ยังไง!” วารุณีจ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ไอริณยังพอว่า ยังไม่รู้จักเรื่องพวกนี้ แต่อารัณรู้ พวกเราเป็นพ่อเป็นแม่ แล้ว……”

“วางใจเถอะ ผมบอกว่าไม่ก็คือไม่” นัทธีจัดการผมเธอที่ยุ่งเหยิงจากการนอนหลับ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผมส่งลูกกลับไปแล้ว”

“อะไรนะ?” วารุณีชะงัก หลังจากนั้นก็หน้าสีเปลี่ยน จ้องที่ชายหนุ่ม รู้สึกตื่นเต้น “ส่งกลับไป?ที่รัก คุณอย่าทำให้ฉันตกใจ ที่บอกว่าส่งไปแล้ว หมายความว่ายังไง?คุณเอาลูกไปให้คนอื่นเหรอ?”

เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เธอก็สั่นขึ้นมาทั้งตัว และหนาวเหน็บในใจ

เมื่อนัทธีเห็นว่าเธอตื่นตระหนกแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “คิดอะไรอยู่น่ะ?”

เขาทิ่มเบาๆ ลงไปบนที่หน้าผากของเธอ “นั่นมันลูกของคุณนัทธีนะ ผมจะเอาลูกตัวเองไปให้คนอื่นได้ไง”

เมื่อได้ยิน วารุณีก็โล่งอก “ไม่ได้ส่งให้คนอื่นก็ดี ไม่ได้เอาไปให้คนอื่นก็ดีค่ะ”

เธอตบลงที่อก

เนื่องจากเธอเพิ่งตื่น จึงไร้เสื้อผ้าบนร่างกาย มีแค่เพียงผ้าห่มที่คลุมร่างกายเธอเอาไว้เท่านั้น

แต่เมื่อกี้นี้ที่เธอได้ยินว่าลูกถูกส่งไปนั้น เธอตื่นเต้น ทำให้ผ้าห่มหลุดลงมา เผยให้เห็นไหล่ขาว เซ็กซี่、กระดูกไหปลาร้าที่สวยงาม

ไม่เพียงแค่นี้ ยังเผยให้เห็นถึงความนุ่มและร่องลึกที่ชวนให้คนรู้สึกอบอุ่นใจ.

หน้าอกที่เธอตบลง สัมผัสได้ถึงความนุ่มโดยธรรมชาติ ความนุ่มนวลใต้สายตาของนัทธี ไหวสั่นเบาๆ อย่างอดไม่ได้ นัยต์ตาสีดำของนัทธีที่มองอยู่ ลูกกระเดือกสั่นเล็กน้อย

แต่ดีที่เขารู้ว่าตอนนี้คือเวลาไหน เธอเพิ่งจะตื่นขึ้นมาจากเรื่องแบบนี้ ร่างกายยังไม่ได้ฟื้นฟู ต่อให้เขาคิด ก็ทำเรื่องพันธุ์นี้ไม่ลงหรอก

นึกถึงเท่านี้ นัทธีก็กระแอมเบาๆ จัดการความคิด แล้วสงบสติลง แล้วพูดเสียงแหบ “สบายใจเถอะ นั่นลูกเรา ในฐานะพ่อและแม่ ไม่มีทางส่งลูกไปให้คนอื่นเรื่องแบบนี้แน่นอน ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”

วารุณีพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ฉันเชื่อคุณค่ะ ที่คุณบอกว่าเอาลูกไปแล้ว ตกลงหมายความว่ายังไงคะ?”

ทันใดนั้นนัทธีก็เอื้อมมือออกมา นำเธอเข้ามากอด จับเบาๆ ที่ผมยาวถึงไหล่ของเธอไป และมองร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงของเธอไป สายตาเย็นชาและน่ากลัว “ตอนแรกเรื่องนี้ ผมกะจะไม่บอกคุณ แต่วันนี้เมื่อตอนกลางผมคิดอยู่นาน ตัดสินใจว่าบอกคุณดีกว่า เพราะว่าเรื่องนี้ ไม่สามารถปิดบังคุณได้”

“ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้น?” วารุณีสัมผัสได้ความโกรธและหนาวเหน็บของชายหนุ่มที่กระจายออกมา เอามือตบลงที่หลังของชายหนุ่มเบาๆ เป็นนัยต์ให้ชายหนุ่มใจเย็นลงก่อน หลังจากนั้นจึงถามด้วยความกังวล “เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นใช่มั้ย?เป็นสาเหตุที่ทำให้เมื่อคืนนี้คุณอารมณ์ไม่ดี?”

หลังจากที่เธออาบน้ำออกมาเมื่อคืน อารมณ์ของเขาผิดปกติไป เธอรู้ได้เลยว่าเขาต้องไปเจอเรื่องบางอย่างมาแน่ แต่เมื่อตั้งใจถามเขา เขากลับไม่พูด

หมดหนทาง เธอทำได้แค่ช่างเถอะ

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ชายหนุ่มได้ตัดสินใจบอกเธอแล้ว

นัทธีพึมพำเสียงต่ำ “เป็นเรื่องที่ทำให้เมื่อคืนผมอารมณ์ไม่ดี”

“ตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นคะ?” วารุณีถามอีกครั้ง

ชายหนุ่มกอดเธอแน่นขึ้น “ผมไม่ได้บอกคุณมาโดยตลอด ก่อนที่ผมจะมาที่นี่ครั้งนี้ ได้รับจดหมายจากนิรุตติ์”

“จดหมาย?” วารุณีแข็งทื่อไปทั้งตัว หลังจากนั้นก็ผลักชายหนุ่มออกเบาๆ มองที่ชายหนุ่มแล้วถาม “นิรุตติ์ส่งจดหมายถึงคุณ?”

นัทธีพยักหน้าเบาๆ “ใช่”

“แล้วบนจดหมายเขาเขียนอะไรคะ?” วารุณีสงสัยอย่างมาก

นัทธีใบหน้าเย็นชา “ยั่วยุ”

เขาไม่ได้พูดถึงเนื้อหาในจดหมาย พูดแค่สองคำ

แต่สองตัวนี้ ได้ทำให้วารุณีที่ไม่เข้าใจเนื้อหา ได้เข้าใจความหมายแฝงในจดหมายนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“นิรุตติ์ เขายั่วยุคุณ?” วารุณีขมวดคิ้ว

นัทธีพยักหน้าและส่ายหัว “ยังไม่พอ ไม่ใช่แค่จดหมายยั่วยุ ยังเป็นสาส์นท้ารบ”

เมื่อได้ยินว่าสาส์นท้ารบสามคำ สีหน้าวารุณีก็เปลี่ยนอีกครั้ง ความเย็นชาที่ถดถอยไปในตอนแรก ตอนนี้มันกลับมาจู่โจมเข้ามาทั่วทั้งร่างกายอีกครั้ง

“จดหมายท้าดวล……” ปากแดงของวารุณีอ้าค้าง เสียงสั่น “นิรุตติ์เขาบ้าไปแล้ว?เขาอยากจะสู้กับคุณ?”

เธอไม่ใช่คนโง่ จากบุญคุุณความแค้นระหว่างนิรุตติ์และนัทธีสองพี่น้องนี้ สิ่งที่เรียกว่าท้าดวล ต้องไม่ใช่แค่สนามเล็กน้อยแน่ๆ แต่เป็นการท้าดวลที่ถึงชีวิต

ดังนั้น เธอถึงได้พูดว่านิรุตติ์นั้นบ้าไปแล้ว อยากท้าดวลกับนัทธีอย่างเฉียบขาด

“ที่รัก คุณตอบรับไปแล้วเหรอ?” วารุณีจับที่หน้าเขา เร่งการยืนยัน

ชายหนุ่มเม้มปากเป็นเส้นตรง ไม่ตอบ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ

วารุณีที่รู้จักชายหนุ่มดี ทำไมจะไม่รู้ ว่าท่าทางแบบนี้ของเขา ว่านี่คือท่าทางว่าตอบรับไปแล้ว?

ทันที วารุณีหัวใจตกไปถึงตาตุ่ม รู้สึกถึงแต่ความเย็นเฉียบไปทั่วทั้งตัว