หลังจากนั้นอยู่นาน เธอก็จับมือชายหนุ่มแน่น เสียงแหบพูด “ที่รัก คุณตอบตกลงไปทำไมึะ?คุณต้องรู้นะว่านิรุตติ์เขาบ้า สิ่งที่เขาเรียกว่าท้าดวล แน่นอนว่าเขาจะเอาชีวิตคุณ คุณ……”
“ผมรู้” นัทธีพลิกมือมากุมมือวารุณี เสียงทุ้มต่ำตอบกลับ
วารุณีตาโต “ในเมื่อคุณรู้ คุณยังตอบตกลงอีกเหรอ?”
“เพราะผมไม่มีทางเลือก ผมไม่อยากตกลงก็ไม่ได้ นิรุตติ์ไม่มีทางให้โอกาสผมได้ปฏิเสธ” นัทธีมองดวงตาแดงก่ำของเธอ “ตั้งแต่ตอนที่จดหมายตกถึงมือผม นั่นก็หมายความว่าผมตกลงรับคำท้าดวลจากเขาแล้ว ต่อให้ผมโยนจดหมายนั่นทิ้ง ฉีกทิ้ง หรือไม่เปิดอ่านมันตั้งแต่แรกก็ไม่มีประโยชน์”
“……” ครู่หนึ่ง วารุณีไม่พูดอะไร
เพราะคำพูดชุดนี้ของเขา มันทำให้เธอได้เข้าใจ การท้าดวลระหว่างพวกเขาสองพี่น้อง ไม่ใช่เพราะการตัดสินใจจากจดหมายฉบับเดียว และไม่ใช่เพราะจดหมายฉบับเดียวนั้นมีผลบังคับใช้
ต่อให้นิรุตติ์ไม่มอบจดหมายฉบับนี้มา ก็ต้องมีการดวลระหว่างพวกเขาเกิดขึ้นอยู่ดี ขนาดที่นิรุตติ์โจมตีเข้ามาอย่าไร้ซุ่มเสียง ทำให้นัทธีไม่ทันได้ตั้งตัว
ส่งจดหมายยั่วยุมา นัทธียังสามารถเตรียมตัวป้องกันตัวเองก่อนได้
แล้วจากความหมายบางอย่าง ครั้งนี้ของนิรุตติ์ ไม่ต้องการผลท้าดวลที่เสมอกัน
“เขา……เขา……” เสียงของวารุณีสะอึกสะอื้น อยากด่านัทธี แต่จากการอบรมเลี้ยงดูของเธอ กลับด่าคนไม่ออก
นัทธีเข้าใจความหมายของเธอ ยิ้มเบาๆแล้วโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด
วารุณีตบเข้าที่หลังเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณยังจะมายิ้มอีก คุณยังมีอารมณ์ยิ้มอีก นิรุตติ์โหยหาชีวิตคุณ คุณยังมายิ้มอีก”
ยิ่งพูดยิ่งโมโห สุดท้ายเธอก็อดไม่ได้จริงๆ จนร้องออกมา น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลลงมา ดูแล้วน่าสงสาร
เมื่อนัทธีมองที่ท่าทางของภรรยา หัวใจก็หดลงและเจ็บปวดขึ้นมา
นัทธีคลายแขนที่โอบระหว่างเอวของเธอ แล้วไปเช็ดน้ำตาให้เธอ
แต่น้ำตาของเธอนั้นมากเกินไป เขาไม่สามารถที่จะเช็ดจนเอาชนะมันได้
สุดท้ายก็หมดหนทาง ทำได้แค่ยกคางขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจูบลงไปที่น้ำตาของเธอ จูบเลียน้ำตาไปทีละเม็ด
น้ำตาของเธอเค็มเล็กน้อย และยังขมหน่อยๆ
วารุณีชะงัก คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะใช้วิธีนี้มาช่วยเช็ดน้ำตาของเธอ จึงร้องไห้อย่างไม่เกรงใจต่อในทันที
ยังไงซะมันก็แย่ไปแล้ว ให้เขาดื่มน้ำตาเธอไปเรื่อยๆ เถอะ
คิดอยู่ วารุณีก็สูดหายใจลึกๆ บังคับน้ำตาที่ไหลซึมออกมาให้หยุดลง
ผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดน้ำตาก็หยุดลง เธอไม่ร้องแล้ว
หลังจากที่นัทธีสัมผัสได้ ริมฝีปากบางจึงเริ่มออกจากดวงตาของเธอ เมื่อมองไปที่ดวงตาแดงที่น่าสงสารของเธอ ยิ้มและพูดเบาๆ “เลิกร้องแล้วเหรอ?”
วารุณีส่งเสียงออกจากจมูก ไม่ตอบ
นัทธีขยี้หัวของเธอ “เอาล่ะ ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงผม แต่ตอนนี้ผมก็ยยังไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ?”
“ตอนนี้คุณไม่เป็นไร แต่ต่อไปใครจะรู้?” วารุณีทุบลงที่อกของชายหนุ่ม “การท้าดวลของคุณกับนิรุตติ์หลีกเลี่ยงไม่ได้ และนิรุตติ์คนนั้น ทั้งร้ายกาจทั้งเจ้าเล่ห์ ถ้าหากว่าเขา……”
“ไม่มีทางหรอก” นัทธีจูบลงบนหน้าผากของเธอ “ผมรู้ว่าคุณอยากพูดว่านิรุตติ์ทั้งร้ายกาจทั้งเจ้าเล่ห์ ถ้าหากว่าผมถูกแผนเขาจัดการเข้า แล้วเสียชีวิตไปจะทำยังไงใช่ไหม?”
วารุณีส่งเสียงออกทางจมูก ยอมรับโดยปริยายว่าตัวเองหมายความว่าแบบนี้จริงๆ
นัทธียิ้มเบาๆ “สบายใจเถอะ ไม่มีทางหรอก นี่คุณไม่เชื่อสามีของคุณอย่างผมเหรอ?”
“ฉันเชื่อค่ะ แต่เมื่อกี้นี้พูดไปแล้วนี่คะ ว่านิรุตติ์ทั้งร้ายกาจทั้งเจ้าเล่ห์ ไม่เชื่อว่าถ้าหากก็เชื่อหน่อยเถอะค่ะ ถ้าหากว่าคุณเป็นแบบนั้นจริงๆ ……ฉันกับลูกๆ จะทำยังไงคะ?” วารุณีกัดปากแน่น
เธอกลัวว่าเขาจะเกิดเรื่องขึ้นมากจริงๆ
เธอสูญเสียแม่ไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่น้องชายอยู่คนเดียว กับลูกอีกสามคน
เธอไม่อยากเสียสามีไป!
เธอหวังว่าเขาจะปลอดภัย
นัทธีมองออกได้อย่างธรรมดาว่าเธอกำลังเป็นห่วงเขาอยู่ หัวใจอบอุ่นขึ้นมาทันที หลังจากนั้นก็กอดเธอเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง “ผมรู้ แต่ผมรับประกันกับคุณ ไม่ผมจะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่นอน ผมจะระวังนิรุตติ์อย่างดี ผมจะกลับมาอย่างปลอดภัย กลับมาอยู่ข้างกายคุณกับลูกๆ ”
เมื่อวารุณีเห็นว่าชายหนุ่มสาบานอย่างตั้งใจแบบนี้ อารมณ์จึงค่อยๆ ดีขึ้นมา สูบจมูกแล้วพูด “รับประกันตอนนี้มันมีประโยชน์อะไรกันคะ ที่ฉันต้องการคือผลลัพธ์สุดท้าย”
“ผมรู้ ตอนนี้ผมแค่ฉีดวัคซีนไว้ให้คุณ แต่ผมจะกลับมาแน่นอน นี่คือคำสัญญาที่ผมต่อคุณ” นัทธีมองวารุณี พูดอย่างตั้งใจอย่างมาก
วารุณีเช็ดขอบตาของตัวเอง “ค่ะ ฉันเชื่อคุณ”
นอนจากเชื่อแล้ว เธอก็ทำอะไรอีกไม่ได้
ตอนนี้การท้าดวลยังมาไม่ถึง แต่เธอกลับห้ามการถึงของการท้าดวลไม่ได้
นั่นหมายความว่า เธอทำอะไรไม่ได้เลย อย่างเดียวที่เธอทำได้ ก็คือยืนอยู่ข้างๆ เขา อธิษฐานให้เขาอย่างเงียบๆ เพื่อให้กำลังใจเขา
“นัทธีคะ คุณพูดแล้วนะคะ ว่าการท้าดวลนี้ของคุณกับนิรุตติ์ คุณต้องชนะ และคุณต้องกลับมาอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะหอบลูกทั้งสามคนไปแต่งงานใหม่ ให้ผู้ชายคนอื่นมาเป็นพ่อของลูกทั้งสาม ฉันเชื่อว่าเมื่อผู้ชายคนนั้นได้ยินลูกของประธานบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป เรียกตัวเองว่าพ่อต้องดีใจมากแน่นอน” วารุณีจ้องไปที่นัทธี พูดด้วยใบหน้าตักเตือน
แต่ในสายตา เต็มไปด้วยความกังวล
นัทธีรู้ว่าเธอตั้งใจพูดแบบนี้ ให้ดูแลตัวเองให้ดี
แต่รู้ก็รู้อยู่ เขาแอบโกรธอยู่นะ
เขาจับเธอพลิกทันที ทำให้หญิงสาวคว่ำลงที่ขาของเขา ตีลงที่ก้นเธอที่มีผ้าห่มกั้นอยู่ ตั้งใจแกล้งพูดด้วยความโกรธ “คิดจะไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น คิดจะให้ผู้ชายคนอื่นมาเป็นพ่อของลูก คุณอย่าแม้แต่จะคิด ชาตินี้ทั้งชาติอย่าได้คิดเลย”
วารุณีเองก็คิดไม่ถึง ว่าตัวเองที่โตขนาดนี้แล้ว จะยังมีวันที่ถูกตีก้น ทันใดนั้น หน้าก็แดงขึ้นมา ทั้งเขินทั้งอายแบบสุดๆ
แต่ยิ่งไปกว่านั้น คือความซาบซึ้ง “ในเมื่อคุณพูดแล้ว ว่าไม่ให้ฉันคิด งั้นคุณก็ต้องกลับมา ไม่อย่างงั้นฉันก็จะทำแบบนี้จริงๆ ให้คุณอยู่โกรธอยู่ข้างล่างจนเท้าไม่ติดพื้น”
“คุณไม่มีโอกาสนั้นหรอก” นัทธีพูดจบ แล้วตบลงที่ก้นของหญิงสาวอีกครั้ง
วารุณีส่งเสียงออกทางจมูก “หยุดตีได้แล้ว ฉันจะลุกขึ้นแล้ว”
นัทธีเองก็ไม่ได้คิดที่จะตีต่อ จึงพยุงเธอขึ้นมา หลังจากนั้นก็กอดเธอ น้ำเสียงกลับมาอ่อนโยนอีกครั้ง “สบายใจเถอะ คุณแค่รอผมอยู่ที่บ้าน ผมจะกลับมา”
“อื้ม” วารุณีพิงเข้าที่อ้อมกอดของชายหนุ่ม พยักหน้าอย่างตั้งใจ
จากนั้น เธออก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เหลือบมองไปที่ขากรรไกรเรียวบางของชายหนุ่มแล้วถาม “คุณกับนิรุตติ์ ตกลงจะดวลกันเมื่อไหร่ แล้วดวลกันด้วยวิธีไหนคะ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน” นัทธีส่ายหัว “นิรุตติ์ไม่ได้เขียนวันท้าดวลกันไว้บนจดหมาย เขาบอกกับผมแค่ว่า สักวันเราจะต้องท้าดวลกัน”
วารุณีขมวดคิ้ว “ยังไม่มีวัน ก็กำหนดไม่ได้ว่าอีกนานแค่ไหนไม่ใช่เหรอ?แบบนั้นล่ะก็ ก็ต้องอกสั่นขวัญแขวนต่อไปไหม?”
นัทธีพึมพำเสียงต่ำ “นิรุตติ์ตั้งใจทำแบบนี้ อยากให้ผมใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความกลัวที่ไม่มีวันหยั่งรู้ แต่เขาคิดลวกไปหน่อย นั่นก็คือต่อให้ผมไม่รู้วันที่ ผมก็ไม่ได้กลัวเพราะเรื่องนี้หรอก ผมแค่จะยืนนรอเขาอยู่ตรงนี้ และให้เขาตายอย่างสมบูรณ์”
“คุณทำได้ค่ะ” วารุณีดึงมือเขาแน่น
นัทธียิ้ม “แน่นอน แต่ลางสังหรณ์บอกผม ว่าวันท้าดวล คือช่วงใกล้ๆ นี้แหละ”
เมื่อได้ยินที่เขาพูด วารุณ็เข้าใจอะไรบางอย่างอย่างกะทันหัน ยืดตัวตรง “เพราะฉะนั้น คุณเลยส่งเด็กสองคนออกไป?เพราะจะได้ไม่ให้นิรุตติ์ได้มีโอกาสใช้ลูกทั้งสองมาควบคุมคุณใช่ไหม?”
“ใช่” นัทธีพยักหน้า “นิรุตติ์คนนี้ เพื่อที่จะบรรลุเป้า สามารถเอาทุกอย่างมาใช้เพื่อผลประโยชน์ได้ อย่างเช่นลูกของเรา”
อย่างเช่นคุณด้วย!
ประโยคนี้เขาไม่ได้พูดกับวารุณี
เขาคิดมาแล้วเต็มวัน ตัดสินใจบอกเธอ แค่เรื่องท้าดวลของเขากับนิรุตติ์พอ
แต่เรื่องที่นิรุตติ์อาจจะใช้เธอมาควบคุมเขา เขาจึงไม่คิดจะบอกเธอ