บทที่ 916 หลิวเทียนฉือมาอีกแล้

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 916 หลิวเทียนฉือมาอีกแล้ว

บทที่ 916 หลิวเทียนฉือมาอีกแล้ว

ซ่งเหรินเจี๋ยเองก็ไม่ได้โง่เขลา ถ้าเขายังคงแต่อยู่ในตำแหน่งและไม่ได้ลงมาดูรายละเอียดด้วยตยเอง เขาคงคิดว่าหลิวจือเสี้ยนเป็นคนชอบโกหก หลายคนที่พูดถึงเขาในแง่ดีนั้นอาจเป็นเพราะหวาดกลัวอำนาจของเขา

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้มาอาศัยอยู่ท่ามกลางประชาชน เขาเห็นด้วยกับการที่ผู้คนยกย่องหลิวจือเสี้ยนจากก้นบึ้งของหัวใจ

ซ่งเหรินเจี๋ยยังเป็นขุนนางที่ดี ขยันและซื่อสัตย์มาตลอดชีวิต เขารักประชาชนราวกับลูก เขารักขุนนางที่ทำประโยชน์ให้กับประชาชน

นับว่าโชคดีที่เขาได้มาที่นี่ เป็นการตรวจสอบความสามารถของหลิวจือเสี้ยนในทางอ้อม ไม่ต้องพูดถึงว่าพอใจมากแค่ไหน

ทุกวันนี้ ภายในราชสำนักยังขาดขุนนางดี ๆ ทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีและรักประชาชน

หลังจากที่ผู้ประสบภัยทั้งหมดในเมืองรุ่ยเสียนถูกส่งตัวกลับไปยังถิ่นเดิมของพวกเขาแล้ว ครึ่งเดือนก่อนการเก็บเกี่ยวมันเทศมาก็ถึง และได้มีราชโอการถูกส่งมาถึงหลิวจือเสี้ยน

หลิวจือเสี้ยนได้รับการเลื่อนตำแหน่ง

เขากลายเป็นขุนนางระดับห้า

ครั้นกู้เสี่ยวหวานได้รับข่าวนี้ นางก็รู้สึกมีความสุขไปกับหลิวจือเสี้ยนจากก้นบึ้งของหัวใจ

หลิวจือเสี้ยนเป็นคนที่รู้วิธีการจัดการเรื่องต่าง ๆ เขามีความเที่ยงตรง และเขาจะพัฒนาตนเองยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ

ภายในพริบตาเดียวเดือนสิบก็มาถึง และเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้วที่ฉินเย่จือจากไป

กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าเกิดปัญหาใดกับฉินเย่จือ แต่นางก็รู้ว่าถ้าฉินเย่จือมีเวลาเขาจะมาหาตนเองทันที

นางไม่ได้รับจดหมายจากเขามานานแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะเขายุ่งเกินไป

เขากำลังยุ่งอยู่กับเรื่องใด กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ถามถึงมัน

ประการแรกคือ นางไม่ได้เป็นอะไรกับฉินเย่จือ และเขินอายเกินไปกว่าจะถามออกไป ประการที่สองคือ ฉินเย่จือเป็นคนที่รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร หากเขาต้องการบอก เขาจะเอ่ยขึ้นเองโดยธรรมชาติ

แต่เขาไม่แม้แต่จะปริปากออกมา แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานไม่ควรจะรู้

กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าชีวิตของฉินเย่จือจะไม่ใช่ชีวิตธรรมดาอย่างแน่นอน

ปลายฤดูใบไม้ร่วงมาถึงแล้ว และฤดูเก็บเกี่ยวมันเทศก็มาถึง โนเวล-พีดีเอฟ

หลังจากที่ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานเริ่มเก็บเกี่ยวมันเทศ เหล่าชาวบ้านก็เริ่มลงมือเก็บเกี่ยวมันเทศเช่นกัน

เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายในปีนี้ มันเทศจึงเหี่ยวเฉาเล็กน้อย แต่หลังจากเก็บเกี่ยวไปแล้วหนึ่งหมู่ กู้เสี่ยวหวานยังพบว่าผลผลิตของพื้นที่หนึ่งหมู่น้อยกว่าปีที่แล้วสองถึงสามร้อยชั่ง

แม้ว่าจะเกิดภัยแรง แต่ผลผลิตของแต่ละครัวเรือนก็ยังเก็บเกี่ยวได้ประมาณหกหรือเจ็ดร้อยหัว

ซึ่งสูงกว่าผลผลิตของการปลูกข้าวมาก

อีกทั้งเนื่องจากปีนี้เกิดภัยแล้ง ชาวบ้านรายอื่น ๆ ไม่สามารถเก็บเกี่ยวข้าวได้เลย

คนทั่วไปมีความสุขมากที่เห็นว่าในปีที่แห้งแล้งก็ยังสามารถเก็บผลผลิตได้มากมาย

หลิวจือเสี้ยนผู้ชี้แนะก็ยิ่งได้ความเคารพเลื่อมใสมากยิ่งขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงร่วมกันเขียนจดหมายถึงอาจารย์ฝาง โดยยกย่องหลิวจือเสี้ยนที่ทำงานหนักเพื่อประชาชน

ภัยแล้งภายในปีนี้ ซ่งเหรินเจี๋ยเดินทางไปเกือบทุกพื้นที่ทางตอนใต้ สถานการณ์ในเมืองรุ่ยเสียนนั้นพิเศษกว่าที่อื่น และเขาตระหนักถึงเรื่องนี้ดี

หลังจากฟังรายงานของซ่งเหรินเจี๋ย และได้ยินว่าฮ่องเต้พอพระทัยมาก ต่อก็มาได้รับจดหมายจากอาจารย์ฝางเกี่ยวกับหลิวจือเสี้ยนอีก จึงยกย่องหลิวจือเสียนมากยิ่งขึ้น

แต่แล้วในจดหมายนี้ยังปรากฏชื่อของกู้เสี่ยวหวานขึ้นอย่างไม่คาดคิด

อาจารย์ฝางกล่าวมาว่า เหตุผลที่เมืองรุ่ยเสียนยังคงเก็บเกี่ยวได้ดีในปีที่แห้งแล้ง ส่วนใหญ่เป็นเพราะเด็กหญิงคนหนึ่งที่ชื่อกู้เสี่ยวหวาน

การส่งเสริมการปลูกมันเทศเกิดขึ้นเพราะเด็กหญิงคนนี้

เรื่องนี้ทำให้ฮ่องเต้อยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของเด็กหญิงคนนี้มากขึ้น แน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานไม่รู้เรื่องนี้

เนื้อความในจดหมาย ฮ่องเต้เห็นความสำคัญของมันเทศเพียงการตวัดปลายพู่กัน ฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้ทุกพื้นที่นอกเหนือจากการปลูกธัญพืชแล้วก็ให้เพราะปลูกมันเทศ

ครั้นได้ยินมาว่าความคิดนี้เป็นที่ต้องการอย่างกว้างขวางในอาณาจักรชิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นทางตอนใต้ที่แห้งแล้งในเวลานั้น และมันเทศนี้ถือเป็นยาอายุวัฒนะที่ช่วยชีวิต

ทันใดนั้น มันเทศที่เก็บได้ก็กลายเป็นอาหารหอมกรุ่นอีกครั้ง มีพ่อค้าจำนวนมากซื้อมันเทศไปขายที่อื่น

ทันใดนั้น ชื่อเสียงของมันเทศก็โด่งดังไปทั่ว

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกยินดีเมื่อได้ยินรายงานของอาโม่ เดิมทีนี่ก็เป็นหนึ่งในแผนการของนาง นางต้องการเผยแพร่มันเทศไปทั่วอาณาจักรเพื่อให้ผู้คนอดอยากน้อยลง

หลังจากเหตุการณ์นี้ เรื่องราวทุกอย่างกลับดีขึ้นมากกว่าเดิม ฮ่องเต้ได้ออกราชโอการส่งเสริมการปลูกมันเทศ และจากเหตุการณ์นี้ ผู้คนที่เห็นประโยชน์ของมันเทศต่างก็กระตือรือร้นที่จะปลูกมันเทศ และทำให้นางไม่ต้องวุ่นวายเรื่องนี้มากนัก

“คุณหนูคงไม่รู้ว่าคนข้างนอกพูดถึงคุณหนูอย่างไร” อาโม่พูดด้วยรอยยิ้ม

ครั้นกู้เสี่ยวหวานได้ยินและเห็นใบหน้าที่มีความสุขของอาโม่ มันจะต้องมีเรื่องที่ดีเกิดขึ้นอย่างแน่นนอน ดังนั้นนางจึงยิ้มและพูดว่า “พวกเขาพูดอะไรเกี่ยวกับข้าหรือ?”

“ว่ากันว่าคุณหนูคือพระโพธิสัตว์กวนอิมผู้เมตตาที่จุติลงมาเพื่อช่วยพวกเขาให้พ้นจากความทุกข์ยาก หากในปีนี้คุณหนูไม่แนะนำให้ปลูกมันเทศ เมืองรุ่ยเสียนคงประสบภัยพิบัติเช่นกัน ทุกคนรู้สึกขอบคุณคุณหนูอย่างมาก”

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินคำว่าพระโพธิสัตว์กวนอิมก็คลี่ยิ้มออกมา นางมีความสุขที่ได้ยินคนอื่นยกย่องนางเช่นนี้

อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองคิดจะทำร้ายพวกเขา

เมื่อนางเตรียมจะเอ่ยปาก ฉือโถวก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เสี่ยวหวาน หลิวเทียนฉือมาที่นี่”

หลิวเทียนฉือ

เหตุใดนางถึงมาที่นี่?

ใกล้จะส่งท้ายปีเก่าแล้ว เหตุใดนางยังไม่กลับไปอีก

ไม่เจอกันเกือบสองปี เหตุใดถึงยังกลับมาอีกล่ะ?

กู้เสี่ยวหวานใคร่สงสัย แต่นางก็มาจากเมืองหลวงและเป็นคนเย่อหยิ่ง ดังนั้นตัวเองจึงไม่สามารถทำให้นางขุ่นเคืองได้ ดังนั้นนางจึงลุกขึ้นและเดินออกไปทันที “ไปดูกัน”

กู้เสี่ยวหวานออกไปข้างนอกกับฉือโถว หลังจากพ้นประตูห้องโถงและเมื่อไปถึงลานหน้าบ้าน พวกเขาเห็นหลิวเทียนฉือและเสี่ยวเถายืนอยู่นอกประตูลาน นางมองมาที่กู้เสี่ยวหวานอย่างมีความสุข

ครั้นเห็นใบหน้าของกู้เสี่ยวหวาน หลิวเทียนฉือก็ร้องเรียกอย่างสนิทสนม “น้องเสี่ยวหวาน ไม่ได้เจอกันนานเลย”

กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว คิดกับตัวเองว่าหากไม่เจอกันคงจะดีเสียกว่า

เมื่อเห็นการแสดงออกที่กระตือรือร้นของหลิวเทียนฉือ การที่นางทำตัวผิดปกติเช่นนี้จะต้องมีปีศาจสิงอยู่เป็นแน่

หลิวเทียนฉือคนนี้มีแผนการอย่างแน่นอน

กู้เสี่ยวหวานเพิ่มความระแวดระวัง หากแต่ยังก้าวเดินไปทางประตูอย่างฉับไว และเปิดประตู จากนั้นทำความเคารพหลิวเทียนฉือด้วยความเคารพ ไม่อ่อนน้อมถ่อมตนหรือเอาแต่ใจ “ยินดีต้อนรับคุณหนูหลิว”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คุณหนูหลิวยังไม่กลับบ้านไปอีกเหรอคะ? กลับมาแบบนี้จะมาสร้างปัญหาอะไรให้กู้เสี่ยวหวานอีกไหมเนี่ย

ไหหม่า(海馬)

——————————————-