ตอนที่ 225-2 ชนเผ่าลึกลับ สามีภรรยาร่วมเดินทาง
บุรุษในอาภรณ์ดำ “ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้ข้าจะติดตามพวกเขาล่วงหน้าไปก่อน จากนั้นข้าจะหยุดรออยู่ที่จุดพักทาง พวกเจ้าไปพบข้าที่นั่น”
จีหมิงซิวพยักหน้า “ค่อยๆ ไป”
เฉียวเวยรีบแทรกตัวเข้าไปในตรอกด้านข้าง
บุรุษในอาภรณ์ดำพอออกมาจากเรือนสี่ประสานแล้วก็เดินกลับไปอีกทางหนึ่ง
เฉียวเวยหรี่ตาอย่างขุ่นเคือง จะแอบไปชนเผ่าลึกลับลับหลังนางงั้นหรือ ซ้ำยังพาแม่นางที่งดงามราวกับบุปผาไปด้วยอีก นี่คิดจะทำอะไรกันแน่
เฟิ่งชิงเกออ้าปากหาว “เอาล่ะ ใกล้จะต้องเดินทางไกลแล้ว ข้าออกไปซื้อเครื่องแป้งที่ต้องใช้ระหว่างทางก่อนล่ะ”
พูดจบเฟิ่งชิงเกอก็เดินนวยนาดออกจากเรือนสี่ประสานไป
เฉียวเวยลอบเดินตามนางไป ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะเดินออกจากตรอก เฉียวเวยยื่นมือไปปิดปากนางไว้แล้วลากนางเข้าไปในซอยเล็กๆ ด้านข้าง
เฟิ่งชิงเกอเป็นคนที่มีวรยุทธ์ แต่ก็ต้องตกใจที่เมื่อถูกเฉียวเวยจับไว้กลับขยับตัวไม่ได้สักนิด
เฉียวเวยบีบคอนางพลางข่มขู่เสียงต่ำว่า “เจ้าช่างใจกล้านักนะ! ถึงขั้นกล้าแปลงโฉมเป็นข้า?”
เฟิ่งชิงเกออึ้งไป พอหันไปมองจึงได้เห็นใบหน้าที่เหมือนนางราวกับแกะ นางตกใจจนอ้าปากค้าง “ฮู…ฮูหยินน้อย?”
“ฮูหยินน้อย?” เฉียวเวยขมวดคิ้ว
เฟิ่งชิงเกอระบายยิ้มคล้ายสบายใจ “เฟิ่งชิงเกอคารวะฮูหยินน้อย”
เฉียวเวยกระชับมือที่บีบคออีกฝ่าย รอยยิ้มเฟิ่งชิงเกอพลันแข็งค้าง เฉียวเวยเอ่ยเสียงเย็นว่า “ใครเป็นฮูหยินน้อยของเจ้า”
“ฮูหยินน้อยท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าคือเฟิ่งชิงเกอ เทพธิดาเม่ยอิน ข้าเป็นพวกเดียวกับเยี่ยนเฟยเจวี๋ย ช่วยทำงานให้นายน้อยเช่นเดียวกับพวกเขา”
เฉียวเวยเห็นหน้านางดูไม่ได้กำลังโกหกจึงถามด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นลูกน้องของหมิงซิวจริงๆ หรือ แต่หากเป็นลูกน้องของเขาเหตุใดต้องแปลงโฉมเป็นข้าด้วย”
“นี่เป็นความประสงค์ของนายน้อย ฮูหยินน้อยท่านปล่อยมือก่อน ข้าหายใจไม่ออก เดี๋ยวข้าค่อยๆ เล่าให้ฟัง”
เฉียวเวยไม่มีทางหลงกลนาง “รีบพูดมา! ถ้าไม่พูดข้าจะบีบคอเจ้าให้ตายเดี๋ยวนี้!”
ดูท่าทางอ่อนหวานบอบบาง เหตุใดถึงดุเพียงนี้
เฟิ่งชิงเกออยากจะร้องไห้ แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะบีบคอตนตายจริงๆ ถึงได้เค้นสมองเล่าความเป็นมาเป็นไปให้ฮูหยินน้อยฟัง
เฉียวเวยตกใจแทบสิ้นสติ ฐานะของท่านแม่นางถึงขั้นเป็น…
เฟิ่งชิงเกอ “…สรุปก็คือ นายน้อยทำไปด้วยความหวังดี นายน้อยกลัวว่าหากฮูหยินไปด้วยตนเองจะเป็นอันตราย ถึงได้ให้ข้ามาแทนฮูหยินน้อย ฮูหยินน้อยโปรดวางใจ ข้าไม่มีทางคิดอะไรนอกลู่นอกทางกับนายน้อยแน่นอน”
เฉียวเวยดึงหน้ากากหนังคนบนหน้าอีกฝ่ายออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามมากเสน่ห์ เครื่องหน้าทั้งห้าไม่นับว่างดงามทั้งหมด แต่ช่วงหางคิ้วกับหางตากลับมีเสน่ห์เย้ายวนที่บุรุษทั้งหลายยากจะต้านทาน
เฟิ่งชิงเกอกระแอมสองที “ฮูหยินน้อย ที่ควรบอกข้าบอกไปหมดแล้ว ปล่อยข้าได้หรือยัง”
เฉียวเวยพลิกหน้ากากหนังคนในมือ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น “ไปที่หนึ่งกับข้า”
เฉียวเวยพาเฟิ่งชิงเกอไปที่หอหลิงจือ
เฉียวเจิงได้พบหน้าบุตรสาววันหนึ่งถึงสองครั้งยังอดฉงนสงสัยไม่ได้ “คิดถึงข้าเพียงนี้เชียวหรือ สู้ย้ายมาอยู่กับข้าเลยดีหรือไม่”
เฉียวเวยเหลือบมองเฟิ่งชิงเกอ “ทำใบหน้าอย่างนางให้ที”
เฟิ่งชิงเกอกับเฉียวเจิงอึ้งอันไปทั้งคู่
เฉียวเวยจับเฟิ่งชิงเกอโยนลงบนเก้าอี้ “ให้เหมือนจนแยกไม่ออกเลยนะ อย่าบอกนะว่าท่านทำไม่ได้ ท่านพ่อ?”
“จะทำไม่ได้ได้อย่างไร” นี่แค่ทักษะการแกะสลักเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่ยากสำหรับเฉียวเจิงสักนิด “แต่เจ้าอยากได้ไปทำอะไร”
เฉียวเวยย่อมไม่กล้าบอกความจริงกับบิดา หากเกิดบิดารู้ถึงเบาะแสของท่านแม่แล้วร้องแร่จะตามไปด้วยให้ได้จะทำอย่างไร บิดานางไม่มีวรยุทธ์ ให้ไปสถานที่เช่นนั้นคงอันตรายเกินไป
เฉียวเวยยิ้ม “อยากเอาไปใช้นิดหน่อย ไม่ต้องถามแล้วท่านพ่อ อย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรอก”
เฉียวเจิงไม่รู้จะทำอย่างไรกับบุตรสาวดี “ขอเวลาหนึ่งชั่วยาม ทำเสร็จแล้วจะให้คนเอาไปให้”
“ไม่ต้องหรอก ข้ารอที่นี่แหละ” เฉียวเวยกอดแขนบิดาแล้วถูไถไปมา “ขอบคุณนะท่านพ่อ! ใช่สิ ท่านมียาพิษอะไรที่จีอู๋ซวงแก้ไม่ได้หรือไม่”
เฉียวเจิง “มี แม่เจ้าเคยทิ้งไว้สามสี่สูตร รับประกันได้ว่าเขาแก้ไม่ได้”
เฉียวเวยยิ้ม “ข้าขอ ข้าขอ!”
เฉียวเจิงส่ายหน้าด้วยความจนใจ แล้วเข้าไปหยิบสูตรยามาให้บุตรสาว
เฉียวเวยถูกใจสูตรยาตัวหนึ่ง ใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการปรุงออกมาแล้วป้อนใส่ปากเฟิ่งชิงเกอ “นี่เป็นสูตรยาของท่านแม่ข้า จีอู๋ซวงแก้พิษให้ไม่ได้ ดังนั้นทางที่ดีเจ้าควรเชื่อฟังข้า แล้วมาเอายาถอนพิษที่พ่อข้านี่ทุกเดือน”
เฟิ่งชิงเกอแทบอยากจะเป็นบ้า ยังไม่ทันออกเดินทางเลย ก็ถูกคนเอายาพิษให้กินเสียแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกันนี่ เหตุใดนายน้อยถึงถูกใจสตรีบ้าอำนาจเช่นนี้ได้
…
ตกดึก เฉียวเวยกลับไปที่บ้านชิงเหลียน จีหมิงซิวมาถึงก่อนนานแล้ว เวลานี้กำลังนั่งอยู่บนตั่งอุ่น วั่งซูนั่งอยู่บนตักเขา มืออวบอ้วนถือพู่กันขีดๆ เขียนๆ อะไรอยู่ ตรงข้ามสองพ่อลูกคือจิ่งอวิ๋นที่กำลังตั้งใจเขียนตาม ภาพตรงหน้าดูอบอุ่นจนน่าซึ้งใจ
บนใบหน้าเฉียวเวยมีรอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ฝึกเขียนอยู่หรือ”
“ท่านแม่!” วั่งซูหันไปหาพลางยิ้มกว้าง
เฉียวเวยหยิกแก้มบุตรสาวแล้วหันไปหยิกแก้มบุตรชาย จิ่งอวิ๋นก็เอ่ยทักทายนางเช่นกัน
ซาลาเปาน้อยทั้งสองน่ารักเพียงนี้ น่ารักจนนางทำใจจากพวกเขาไปไม่ลง
ซาลาเปาน้อยฝึกเขียนอักษรกันอยู่พักหนึ่งก็ออกไปโกยหิมะ บรรดาสาวใช้ถอยกันออกไปอย่างรู้งาน ภายในห้องจึงเหลือเพียงจีหมิงซิวกับเฉียวเวย
“วันนี้ไปหาท่านพ่อมาหรือ” จีหมิงซิวดึงมือนางไปจับ “ใช่ ข้าคิดถึงท่านพ่อเลยไปกินข้าวเป็นเพื่อนเขามื้อหนึ่ง พ่อข้าก็คิดถึงท่านเหมือนกัน ยังถามข้าอยู่เลยว่าเมื่อไรจะไปเยี่ยมเขาพร้อมข้า”
ดวงตาจีหมิงซิวสั่นไหวเล็กน้อย เอ่ยด้วยสีหน้าซับซ้อนว่า “ช่วงนี้ข้าอาจจะต้องปิดประตูครองสันโดษสักพักเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บภายใน คงไปหาพ่อตาเป็นเพื่อนเจ้าไม่ได้”
ปิดประตูครองสันโดษ? หึหึ
“ต้องนานเท่าไรหรือ” เฉียวเวยถาม
จีหมิงซิว “อย่างน้อยหนึ่งเดือน อย่างมากก็สามเดือน!”
สามเดือน? ท่านคิดจะไปกับสตรีนางนั้นทีเดียวสามเดือน?!
เฉียวเวยระบายยิ้ม “ได้สิ ข้ารอท่านกลับมา”
จีหมิงซิว: ตอบรับเสียรวดเร็วเพียงนี้ เขาควรดีใจถึงจะถูก แต่เหตุใดใจถึงได้คันยุบยิบเช่นนี้
…
ตอนกลางคืน ซาลาเปาน้อยทั้งสองอาบน้ำเสร็จ วั่งซูตีลังกาอยู่บนเตียง จิ่งอวิ๋นนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงหัวเตียง
จีหมิงซิวผลักเปิดประตูเข้าไป วั่งซูตกลงมาดังตึง! พื้นถูกกระแทกจนเป็นรู ส่วนตัววั่งซูปีนกลับขึ้นเตียงไปตีลังกาต่อคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กลายเป็นว่าขาไปถูกหนังสือของจิ่งอวิ๋นจนกระเด็นลงมา
จิ่งอวิ๋นกระโดดจากเตียงลงไปเก็บด้วยความจนใจ
จีหมิงซิวเดินไปถึงหนังสือก่อนจึงเก็บขึ้นมาให้บุตรชาย
จิ่งอวิ๋นดีใจจนยิ้มตาหยี “ขอบคุณขอรับท่านพ่อ”
จีหมิงซิวนั่งลงข้างเขา อุ้มตัวเล็กๆ ผอมแห้งของเขาขึ้นมากอด “อ่านอะไรอยู่หรือ”
“บันทึกตามภูมิศาสตร์ ขอรับ” จิ่งอวิ๋นไม่ชอบอ่านหนังสือสี่ตำราห้าคัมภีร์ เขาชอบอ่านบันทึกทั่วไปประเภทนี้ที่เนื้อหาภายในให้ความบันเทิงแก่เขาได้ดีเยี่ยม เขาหวังว่าสักวันหนึ่งตนจะได้ท่องเที่ยวไปตามภูเขาทุกลูก แม่น้ำทุกสาย แผ่นดินทุกตารางนิ้วของต้าเหลียง
จีหมิงซิวขยี้ศีรษะบุตรชายด้วยความรักใคร่ “ตอนพ่อเด็กๆ ก็ชอบอ่านหนังสือประเภทนี้เหมือนกัน พอโตขึ้นก็ออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ที่เคยอ่าน”
“จริงหรือขอรับ” จิ่งอวิ๋นมองบิดาของตนด้วยสายตาชื่นชม หากเขาได้ไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ เช่นนั้นจะดีเพียงใดหนอ!
จีหมิงซิวหัวเราะ “ไว้รอพ่อกลับมาคราวนี้ พ่อจะพาเจ้าออกไปบ้างนะ”
จิ่งอวิ๋นกะพริบตาที่ใสซื่อของตน “ท่านพ่อท่านจะไปข้างนอกหรือ”
“อื้อ”
“ไปที่ไหนหรือ”
“ที่ที่หนึ่ง”
“คือที่ไหนกัน” จิ่งอวิ๋นซักไซ้อยากจะได้คำตอบให้ได้
“เป็น…หมู่บ้านแห่งหนึ่ง”
“อ้อ” จิ่งอวิ๋นยอมรับคำอธิบายนี้ได้ จึงถามต่ออย่างรอคอย “เช่นนั้นท่านจะกลับมาเมื่อไร”
จีหมิงซิวชะงักไป “หลังปีใหม่กระมัง”
“เช่นนั้นก็จะไม่ได้ฉลองปีใหม่ด้วยกันแล้วสิ” จิ่งอวิ๋นเสียใจ
จีหมิงซิวเลยระบายยิ้ม “เจ้าอยากฉลองปีใหม่กับพ่อหรือ”
“อื้อ” จิ่งอวิ๋นพยักหน้าอย่างจริงจัง “ก่อนหน้านี้ช่วงปีใหม่มีแค่ข้ากับท่านแม่แล้วก็น้อง ปีนี้ข้าอยากฉลองพร้อมหน้ากับท่านแม่ น้องแล้วก็ท่านพ่อด้วย”
ปีใหม่ที่ไม่มีท่านพ่อ เขาไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว
“ข้าก็อยากฉลองปีใหม่กับท่านพ่อด้วย!” วั่งซูหมุนตัวอ้วนกลมของตนแล้วคลานเข้ามาหา ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนตักจีหมิงซิว “ท่านพ่อรีบกลับมาสิเจ้าคะ!”
จีหมิงซิวกระชับกอดบุตรในอ้อมแขน แล้วหอมหน้าผากเด็กน้อยทั้งสอง “ตกลง”
…
วันต่อมา ขุนนางทูตของหนานฉู่นำเอาขบวนของขวัญจากต้าเหลียงเป็นสิบคันรถเดินทางออกจากเมืองหลวงไปอย่างยิ่งใหญ่
คณะของพวกเขาออกจากเมืองไปได้ไม่เท่าไรจีหมิงซิวก็อาศัยข้ออ้างในการปิดประตูครองสันโดษในการขอลาราชการจากฮ่องเต้
ฮ่องเต้อนุญาตอย่างใจกว้าง
จีหมิงซิวขึ้นนั่งบนรถม้าเพื่อไปเจอกับพวกเยี่ยนเฟยเจวี๋ยที่เรือนสี่ประสาน
ในตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่งด้านนอกเรือน เฟิ่งชิงเกอเอาเสื้อผ้าบนตัวถอดให้เฉียวเวย เฉียวเวยเอาเสื้อผ้าตนเองถอดให้นาง เฉียวเวยใส่หน้ากากหน้าเฟิ่งชิงเกอ แต่เฟิ่งชิงเกอกลับไม่ใส่หน้ากากหน้าเฉียวเวย เฉียวเวยไม่มีทางยอมให้ใครก็ไม่รู้ใช้ฐานะของนาง “แสดงเป็นตัวนาง” อยู่ในบ้านตระกูลจี ก่อนออกมานางได้บอกจีเหล่าฮูหยินกับลูกๆ เอาไว้แล้วว่าญาติทางเจียงหนานของตระกูลเฉียวจะแต่งงาน นางจะไปร่วมงานด้วย เกรงว่ากว่าจะกลับมาคงเป็นวันสิ้นปีพอดี
เฟิ่งชิงเกอก็ยินดียิ่งนัก ไม่ต้องไปที่ชนเผ่าลึกลับ นางจะได้ไปพบหลวงจีนหนุ่มของนางได้อย่างสบายใจ
“เฟิ่งชิงเกอ” เดินถือหีบเข้าไปในเรือนสี่ประสาน เยี่ยนเฟยเจวี๋ยดึงนางไว้ “รอเจ้าอยู่คนเดียวเนี่ย! ไปทำอะไรมา! ขึ้นรถขึ้นรถ!”
เฉียวเวยกดมุมปากที่อยากจะยกขึ้นเอาไว้ แล้วค่อยๆ เยื้องย่างขึ้นรถม้าของจีหมิงซิวไป