พระเจ้า ประธานนัทธีกับวารุณีทะเลาะกันจริงๆ นี่ทำให้คนช็อคเลยสิ
ความรักของสองคนนี้ไม่รู้ว่ามากมายขนาดไหน ปกติแล้วแค่ได้อยู่ด้วยกัน ก็จะติดกันเหนียวหนึบ อย่างกับเลข502 แยกก็แยกไม่ออก ประเภทที่ว่าคนข้างๆ กินอาหารหมาจนอิ่ม
สรุปคือ ลีน่ารู้จักกับพวกเขามานานมาก ไม่เคยเห็นพวกเขาทะเลาะกันมาก่อน แม้แต่หน้าแดงยังไม่เคย
ดังนั้นที่เมื่อครู่ได้ยินว่าทะเลาะกัน เธอนั้นไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ “ประธานนัทธีคะ ทำไมพวกคุณถึงทะเลาะกันล่ะคะ?” ลีน่ามองที่นัทธี ถามด้วยความประหลาดใจอย่างมาก “คงไม่ใช่เรื่องที่ส่งอารัณกับไอริณออกไป วารุณีเลยโกรธหรอกนะคะ?ฉันบอกแล้วไง,ทำไมคุณถึงได้อยู่ๆ ก็ส่งลูกออกไป ไม่ปรึกษาหารือกัวารุณีเลยแม้แต่นิด”
เช้าวันนี้ พวกเขากินข้าวด้วยกัน อยู่ๆ มารุตก็พาบอดี้การ์ดเข้ามา แล้วอุ้มเด็กไปเลย ตอนนั้นเธอตกใจมาก ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่ถามถึงได้รู้ ว่าที่แท้ประธานนัทธีต้องการส่งเด็กออกไป ไปอยู่ในที่ซ่อน เพื่อปกป้องเอาไว้
เธอไม่รู้ว่าทำไมประธานนัทธีอยู่ดีๆ ,ก็ต้องการส่งเด็กไปป้องกัน,แต่เธอรู้ ว่าเรื่องนี้ ประธานนัทธีได้ตัดสินใจกะทันหัน ไม่ได้คุยกับวารุณีแน่ๆ
ดังนั้นเมื่อเช้า เธอก็ได้เกลี้ยกล่อมประธานนัทธีว่าอย่างทำแบบนี้ อย่างน้อยก็ปรึกษาวารุณีก่อน
แต่ประธานนัทธีกลับไม่ฟังเธอ แล้วให้มารุตเอาเด็กๆ ไป
ตอนนั้นเด็กๆ ก็มึนงง ทั้งร้องไห้โวยวายตลอดทาง
ดังนั้นจึงสามารถคิดได้ว่า เรื่องนี้ กระบวนการทั้งหมดคือการตัดสินใจของประธานนัทธี ขนาดเด็กทั้งสองคนยังไม่รู้เลยว่าพ่อของพวกเขาต้องการส่งพวกเขาออกไป
ดังนั้นตอนนี้ หลังจากที่วารุณีได้รู้แล้ว ไม่โกรธประธานนัทธีสิแปลก
ยังไงความรู้สึกทั้งสองคนก็ดีต่อกันมาโดยตลอด ไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน ไม่เคยหน้าแดง ตอนนี้อยู่ๆ ก็ทะเลาะกันอย่างกะทันหัน นอกจากเรื่องที่ส่งลูกออกไปแล้ว เธอก็คิดเรื่องอื่นไม่ออก
อย่างที่คิด เมื่อได้ยินคำถามของลีน่า นัทธีก็เม้มปากแน่นตึง
ลีน่ามั่นใจว่าตัวเองทายถูก ทั้งสองคน ทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้จริงๆ
“ประธานนัทธีคะ ฉันว่าสมควรกับคุณแล้วมั้ยคะ?” ลีน่าเหล่ตามองนัทธี
รวมตาของนัททีหรี่ตาลงอย่างอันตราย พูดด้วยเสียงเย็นชา “เธอพูดอะไร?”
“เอ่อ…..” ลีน่ายกมุมปากขึ้น รีบโบกมือและส่ายหัว ยิ้มขอโทษเราพูด “เปล่าค่ะๆ เมื่อกี้ฉันพูดผิดไปน่ะค่ะเหอะๆ”
ใช้คนนี้ยังอยู่ในโหมดทะเลาะกับวารุณีอยู่ เธออย่าพึ่งกลับไปแขวะเขาดีกว่า
ไม่อย่างนั้นจะตายแบบไหนก็ไม่รู้
เธอไม่สามารถเพราะปกติแล้วผู้ชายคนนี้สุภาพกับตัวเอง แล้วลืมไปว่าความจริงแล้วเขาเป็นนรกที่มีชีวิตดีๆ นี่เอง
นัทธีไม่ได้ถืออะไรกับลีน่า คลึงเข้าที่หัวคิ้ว “ที่ฉัน ตัวเองออกไป ฉันก็ต้องมีเหตุผลของฉันอยู่แล้ว แล้วก็เพราะว่าเลือกสิ่งที่ดีให้กับลูก ต่อไป หลังจากที่พวกเธอแข่งเสร็จ ฉันก็จะส่งวารุณีไปด้วย ไปอยู่รวมกับลูก”
“ทำไม?” ลีน่าตกใจ “ที่แท้ก็ต้องการส่งวารุณีไปเหรอคะ?”
นัทธีพึมพำเสียงต่ำ ไม่ปฏิเสธ
ลีน่ามองไปที่เขา เหมือนว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง แล้วถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ประธานนัทธีคะ เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นใช่มั้ยคะ ถึงได้คุณตัดสินใจทำฉับพลันขนาดนี้?”
เพราะวารุณี เธอรู้จักนัทธีมานานมากแล้ว
รู้ว่านัทธีไม่ใช่คนที่เย็นชาไร้หัวใจ ดังนั้นจึงไม่สามารถทำเรื่องทิ้งภรรยาและลูกเรื่องพวกนี้ได้
ยังไงซะเขาก็มีความรักให้กับวารุณี ก็เป็นเรื่องที่คนนอกสามารถประจักษ์เห็นกัน
ดังนั้นที่ประธานนัทธีตัดสินใจส่งลูกกับภรรยาออกไปอย่างกะทันหัน แน่นอนว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
เมื่อกี้ประธานนัดที่ได้บอกแล้ว ว่าที่เขาทำแบบนี้ ก็เพราะความปลอดภัยของวารุณีและลูกๆ
นัทธีมเหลือบมองลีน่า แล้วไม่พูดอะไร
แต่ลีน่าจากที่เห็นสายตาของเขา ก็พอจะสามารถยืนยันการคาดเดาของตัวเองได้
ลีน่าถอนหายใจ “เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ สินะ ประธานนัทธีคะ คุณได้คุยกับวารุณี ว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะส่งเธอไป อยู่กับอารัณและไอริณเรื่องนี้หรือเปล่าคะ? ถ้าหากว่าไม่ได้คุย คุณก็ไปคุยกับเธอสักหน่อยเถอะค่ะ บางทีหลังจากที่เธอรู้แล้ว ก็คงจะได้ไม่ต้องทะเลาะกับเธอ”
สำหรับเธอแล้ว เขาคงไม่ได้คุยมากกว่า
แต่ทว่านัทธีกับส่ายหน้า “ฉันคุยแล้ว”
“อะไรนะคะ? คุณคุยแล้ว? ลีน่าตะลึง พักใหญ่ถึงได้คลายสติกลับมา เอ่ยปากอย่างไม่เข้าใจ “คุณบอกแล้วแล้วทำไมวารุณีถึงยังโกรธ ยังทะเลาะกับคุณอีกล่ะคะ?”
นัทธีหลับตา “เธอไม่ยอมไป”
ประโยคเดียวสั้นๆ อยากไว้กี่คำ ได้เผยให้เห็นข้อความมากมาย
ลีน่าเลิกคิ้ว “ประธานนัทธีคะ คุณหมายความว่า คุณอยากให้วารุณีไป แต่วารุณีไม่อยากไป คุณทั้งคู่ต่างไม่ยอมถอยกันคนละก้าว พวกคุณทั้งสองเลยทะเลาะกันขึ้นมาเหรอคะ?”
“อืม” และที่ พยักหน้า
ลีน่ายกยิ้มที่มุมปาก “นี่มันจริงๆ …..”
เธอไม่รู้ว่าควรพูดยังไงแล้ว
คิดแล้ว เธอก็มองไปที่นัทธี กระแอมเบาๆ “ประธานนัทธี คุณตามใจวารุณีตลอด เชื่อฟังวารุณีตลอดหรือเปล่าคะ ทำไมครั้งนี้ถึงไม่ตามวารุณีหน่อยล่ะคะ ให้วารุณีได้อยู่ต่อหน่อย?”
“ถ้าเป็นเรื่องอื่น ฉันยอมถอยให้ได้ ตามใจเธอ ” พูดถึงเท่านี้,สีหน้านัทธีก็จริงจังขึ้นอย่างหาใดเปรียบ กระทั่งแทรกซ้อนความรู้สึกซับซ้อนบางอย่าง ทำให้เธอจิตใจดำดิ่งลงไปด้วย “แต่ครั้งนี้ไม่ได้ เรื่องนี้เกี่ยวกับความปลอดภัยของชีวิตเธอ ฉันถอยให้ไม่ได้ ต่อให้เธอจะโกรธฉัน อย่างน้อยฉันก็ได้ปกป้องเธอ ”
ลีน่าเข้าใจทันที “แบบนี้นี่เอง แต่ที่คุณบอกว่าเกี่ยวกับความปลอดภัยของชีวิต มีคนตั้งเป้าวารุณีอยู่ใช่ไหมคะ?”
นัทธีมองที่เธอ ไม่ตอบ “เอาล่ะ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องมาถามต่อ,เธอไปส่งอาหารให้เธอเถอะ หนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มเธอไม่ได้กินอะไรเลย ฉันกลัวว่าร่างกายเธอจะทนไม่ได้ ”
เมื่อคืนเขาทรมานเธอทั้งคืน แถมเธอหลับไปอีกวัน ไม่ใช่แค่หนึ่งวันหนึ่งคืนที่เธอไม่ได้กินอาหาร
“ฉันไปส่งอาหารให้วารุณีได้ค่ะ แต่เรื่องแบบนี้ ประธานนัทธีทำเองไม่ดีกว่าเหรอคะ?” ลีน่าเอียงหัวอย่างอธิบายไม่ได้ “พวกคุณทะเลาะกัน เพราะความเห็นไม่ตรงกัน อาจจะเป็นไปได้ที่วารุณีไม่รู้ว่าที่คุณต้องการส่งเธอไป ก็เพราะว่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของชีวิตเธอ ฉันว่าเพียงแค่คุณคุยกับเธอให้ชัดเจน วารุณีจะต้องเข้าใจค่ะ。”
“ไม่มีประโยชน์ ” นัทธีเม้มปาก
“ทำไมล่ะคะ?” ลีน่าประหลาดใจอย่างมาก
นัตย์ตานัทธีเป็นประกายไฟชั่วขณะ ราวกับว่าอายนิดหน่อย กระแอมเบาๆ “เธอไล่ฉันออกมา บอกว่าช่วงนี้ไม่อยากเจอฉัน ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ลีน่าก็ตาเป็นประกาย หลังจากนั้นก็ทำท่าทางเหมือนจะขำก็ไม่ขำใส่นัทธี “ประธานนัทธี เมื่อกี้คุณพูดว่า วารุณีไล่คุณออกมา การไล่นี้ คงไม่ใช่การไล่ออกจากห้องหรอกนะ?”
ในฐานะเป็นผู้หญิง เธอเข้าใจดี ถ้าหากทะเลาะกับคนที่ตัวเองรัก การไล่คนที่ตัวเองรักออกไป
มีความเป็นไปได้สูงมาก ไม่ใช่การไล่โดยสมบูรณ์ แต่เป็นการไล่ออกจากห้อง ให้เขาไปนอนที่อื่น
ตอนนี้เมื่อมองไปที่สีหน้าของนัทธี เหมือนว่าจะเป็นไปได้
นัทธีไม่คิดว่าการตอบสนองของลีน่าจะไวขนาดนี้ สามารถเดาได้ว่าเขาถูกวารุณีไล่ออกจากห้องได้ในทันที ในเวลาเดียวกัน ก็รู้สึกอายมาก
ลีน่ามองเห็นท่าทางนี้ของนัทธี ก็ยืนยันคำตอบของตัวเองทั้งหมด เอามือกุมท้องหัวเราะไม่หยุดทันที