บทที่ 955 กฎเกณฑ์สูงสุดขาดสะบั้น

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 955 กฎเกณฑ์สูงสุดขาดสะบั้น

อายุขัยหมื่นล้านปี!

หนึ่งแสนล้านปี!

หนึ่งล้านล้านปี!

สิบล้านล้านปี!

หานเจวี๋ยทุ่มพลังสาปแช่ง ดวงตาจ้องมองหน้าต่างค่าสถานะของตนอยู่ตลอด

เนื่องจากเซียนพเนจรไม่ได้เกิดความเกลียดชังในตัวเขา ทำให้เขาไม่ทราบถึงสถานการณ์ของเซียนพเนจร

อย่างไรก็ตามหานเจวี๋ยตัดสินใจแล้วว่าจะทุ่มอายุขัยหนึ่งล้านล้านล้านล้านปีให้เซียนพเนจร

อาจจะดูเหมือนมาก แต่นั่นเป็นเพียงเสี้ยวทศนิยมของอายุเขาเท่านั้น

ถึงอย่างไรเซียนพเนจรก็เป็นตัวตนอมตะมิวางวาย หากต้องการสาปแช่งให้เกิดเรื่องขึ้นมา ก็ต้องลงทุนกันหน่อย

ร้อยล้านล้านปี!

พันล้านล้านปี!

หมื่นล้านล้านปี!

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รับรู้ถึงบางอย่างได้ พลันเงยหน้ามองออกไป พบว่าเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดที่อยู่เหนือมหามรรคสามพันวิถีเริ่มส่ายไหวรุนแรง ดูราวกับมังกรกำลังดิ้นพล่าน

ได้ผลจริงๆ!

เซียนพเนจรผสานรวมกับเจตจำนงฟ้าบุพกาล ส่วนเจตจำนงฟ้าบุพกาลก็แฝงเร้นอยู่ในเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุด

หรือไม่ก็เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดอาจจะผสานรวมกันเป็นเจตจำนงฟ้าบุพกาล

หานเจวี๋ยจ้องมองเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดพลางสาปแช่งต่อไป

ในเวลานี้เอง

มีเงาร่างปรากฏขึ้นด้านล่างเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดร่างแล้วร่างเล่า ในบรรดานั้นมีเทพมหาทัณฑ์ เทวีตราวินัยและเหล่าจื่อรวมอยู่ด้วย ส่วนคนอื่นๆ หานเจวี๋ยไม่รู้จัก ดูจากกลิ่นอายของพวกเขาแล้วล้วนเป็นยอดมหามรรคทั้งสิ้น

ไม่นานนัก อริยะเทพอวี๋เจี้ยนก็มาร่วมชมเรื่องครื้นเครงด้านล่างเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดเช่นกัน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ผู้ทรงพลังรายหนึ่งขมวดคิ้วพลางถาม

เหล่าจื่อเอ่ยขึ้นว่า “กฎเกณฑ์สูงสุดมีปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรงถึงเพียงนี้ ต้องมีสาเหตุแน่ แต่พวกเราก็ไม่เห็นผู้ใดพยายามจะเข้าไปยุ่งกับกฎเกณฑ์สูงสุดเลย นั่นก็แปลว่าปัญหาเกิดขึ้นจากภายในของกฎเกณฑ์สูงสุด”

เทวีตราวินัยเอ่ยว่า “กฎเกณฑ์สูงสุดไม่มีทางสั่นไหวอย่างไร้ซึ่งสาเหตุ ต้องเกิดเรื่องใดขึ้นแน่นอน”

ทุกคนมองไปที่เทพมหาทัณฑ์

ถึงอย่างไรเทพมหาทัณฑ์ก็เป็นผู้นำดวงจิตมหามรรค ในฉากหน้านับเป็นผู้ปกครองฟ้าบุพกาล เป็นตัวตนที่กุมอำนาจสูงสุดไว้

เทพมหาทัณฑ์ไม่ตอบ แต่จ้องมองกฎเกณฑ์สูงสุดเขม็ง

ทันใดนั้นผู้ทรงพลังรายหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “เหตุใดอริยะสวรรค์เกรียงไกรถึงไม่มา”

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แล้วปกติเขามาด้วยหรือ หากไม่มีผู้ใดไปหาเรื่องเขา ต่อให้ฟ้าบุพกาลถล่มเขาก็ไม่มีทางออกมา”

เหล่าผู้ทรงพลังรู้สึกว่าสมเหตุสมผลดี นี่คือมติที่เห็นตรงกันทั่วฟ้าบุพกาล

เทพมหาทัณฑ์ถูกคุกสวรรค์อนธการสยบแล้ว ไม่ว่าในใจจะคาดเดาถึงเรื่องใดอยู่ก็ต้องปกป้องหานเจวี๋ยแน่นอน จึงได้ยินเขาเอ่ยว่า “ไม่เกี่ยวข้องกับอริยะสวรรค์เกรียงไกร ครานั้นดวงจิตบรรพกาลต้องการครอบครองพลังแห่งกฎเกณฑ์สูงสุดก็ยังถูกอริยะสวรรค์เกรียงไกรพิชิตได้ง่ายๆ แปลว่าในสายตาอริยะสวรรค์เกรียงไกรแล้วกฎเกณฑ์สูงสุดนั้นไร้แรงดึงดูดเย้ายวนใจ ถึงขึ้นที่อาจจะไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ ยอดมหามรรคในฟ้าบุพกาลก็หาได้มีเพียงพวกเราไม่”

เทวีตราวินัยกล่าวออกมา “ก่อนหน้านี้เซียนพเนจรจับตัวบุตรแห่งสวรรค์ไปมากมาย ถูกอริยะสวรรค์เกรียงไกรปลิดชีพในดินแดนเวิ้งว้าง บางทีเซียนพเนจรอาจจะอยากคืนชีพโดยเร็วจึงดูดซับพลังของกฎเกณฑ์สูงสุดอยู่”

พอนางเอ่ยเช่นนี้ ผู้ทรงพลังคนอื่นๆ ก็พากันแสงสีหน้าสนอกสนใจ เริ่มซักถามขึ้นมา

เทวีตราวินัยบอกไปตามที่รู้

หานเจวี๋ยยังคงสาปแช่งต่อไป

เขาได้ยินคำพูดของอริยะเทพอวี๋เจี้ยนและเทพมหาทัณฑ์ ดังนั้นจึงไม่ไปปรากฏตัว

อันที่จริงหากเขาไปตอนนี้สิถึงจะดูมีพิรุธ

ถึงอย่างไรต่อให้เขาโผล่ไป ก็เป็นเพียงร่างแยกเท่านั้น

อายุขัยของหานเจวี๋ยยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งแสนล้านล้านปี!

หนึ่งล้านล้านล้านปี!

สิบล้านล้านล้านปี!

พันล้านล้านล้านปี!

หมื่นล้านล้านล้านปี!

แสนล้านล้านล้านปี!

หานเจวี๋ยเงยหน้ามอง เห็นว่ามีกฎเกณฑ์สูงสุดสายหนึ่งขาดสะบั้นไปแล้ว

เขาใจเต้นแรงขึ้นมา

คงไม่ใช่ว่าคำสาปแช่งของเขาจะทำให้กฎเกณฑ์สูงสุดล่มจมไปหรอกกระมัง

‘ข้าอยากรู้ว่าหากข้าสาปแช่งต่อไป กฎเกณฑ์สูงสุดจะล่มสลายหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ไม่]

หานเจวี๋ยโล่งใจขึ้นมา กฎเกณฑ์สูงสุดนับว่ายังมั่นคงดี

เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลแล้ว!

เซียนพเนจร เจ้าตายแน่!

อายุขัยของเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง หลักตัวเลขปลายแถวเคลื่อนที่ไปเร็วยิ่ง เขามองแล้วรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

เมื่อกฎเกณฑ์สูงสุดขาดสะบั้น ทำให้ผู้ทรงพลังทั้งหมดตกใจจนเสียขวัญ เทพมหาทัณฑ์ก็ไม่อาจรักษาความสุขุมเอาไว้ได้เช่นกัน

หนังสือแห่งความโชคร้ายยกระดับขึ้นเป็นสมบัติเลิศมรรคาแล้ว อยู่เหนือพลังแห่งยอดมหามรรค ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงน่าหวาดกลัวยิ่ง

พึงทราบด้วยว่านับตั้งแต่กฎเกณฑ์สูงสุดถือกำเนิดขึ้น นี่นับเป็นครั้งแรกที่ขาดสะบั้นลง!

สมบัติเลิศมรรคาทั่วไปย่อมทำอันตรายกฎเกณฑ์สูงสุดไม่ได้ แต่ครั้งนี้ผสานพลังปฐมยุคของหานเจวี๋ยรวมถึงอายุขัยต้นกำเนิดแสนล้านล้านล้านปีเข้าไปด้วย เมื่อผนวกรวมกันแล้วทรงพลังพอจะสังหารยอดมหามรรคคนใดก็ได้!

“ทำอย่างไรดี”

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเอ่ยถาม ฉากที่ปรากฏขึ้นทำให้เขาหวั่นวิตกอย่างยิ่ง

คงมิใช่ว่าจะมีมหาเคราะห์มาเยือนฟ้าบุพกาลอีกกระมัง

ผู้ทรงพลังรายอื่นๆ เริ่มพูดคุยเสนอความเห็น พวกเขาพากันใช้พลังเวทของแต่ละคนซ่อมแซมฟื้นฟูกฎเกณฑ์สูงสุด ผลคือเผชิญกับแรงสะท้อนกลับ

“พลังคำสาปแช่ง!”

เทพมหาทัณฑ์หน้าถอดสี เอ่ยด้วยด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

คำสาปแช่งสองคำนี้ทำให้ทุกคนนึกถึงนามหนึ่งขึ้นมา

สีหน้าของผู้ทรงพลังรายหนึ่งพลันมืดมนลง กัดฟันเอ่ย “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ! คนผู้นี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

“ตอนที่ดวงจิตบรรพกาลปรากฏตัว เจ้าแดนต้องห้ามอันธการประกาศว่าจะจัดการดวงจิตบรรพกาล ที่แท้ก็มิใช่คำลวง”

“แต่ดวงจิตบรรพกาลดับสูญไปแล้ว เหตุใดเขาถึงลงมือกับกฎเกณฑ์สูงสุดเล่า”

“ทุกท่านเคยได้ยินประโยคนี้หรือไม่ เมื่ออนธการมาเยือน คือช่วงเวลาที่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะปรากฏกาย มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคิดจะทำลายกฎเกณฑ์สูงสุดก่อน ทำให้ฟ้าบุพกาลสูญเสียกฎระเบียบไป เปรียบเสมือนอนธการเข้าครอบงำ’

“สหายเต๋ากล่าวมีเหตุผล”

“หากเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจริง แล้วพวกเราสมควรทำอย่างไรดี”

ตัวตนเหนือชั้นที่อยู่เหนือสรรพสิ่งฟ้าบุพกาลต่างตกอยู่ในความตื่นตระหนก

อีกด้านหนึ่ง หานเจวี๋ยยังคงสาปแช่งอยู่!

ไม่นานนัก อายุขัยของเขาลดลงไปห้าแสนล้านล้านล้านปีเต็มแล้ว!

ทันใดนั้นพลันมีเสียงกรีดร้องโหยหวนแว่วดังออกมาจากกฎเกณฑ์สูงสุดที่ขาดสะบั้นลงสายนั้น

“ไม่…”

เสียงของเซียนพเนจร!

ในหมู่ผู้ทรงพลังที่อยู่ด้านล่างกฎเกณฑ์สูงสุดส่วนใหญ่ล้วนรู้จักเซียนพเนจรดี จำได้ทันทีว่าเป็นเสียงเขา

“เป็นเซียนพเนจรจริงๆ ด้วย! เจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งเซียนพเนจรอยู่หรือ” ผู้ทรงพลังรายหนึ่งขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม

เทวีตราวินัยกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ เซียนพเนจรไร้บ่วงกรรม คำสาปใดๆ ล้วนทำอันตรายเขาไม่ได้ ถึงขั้นที่ทำนายถึงเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะสาปแช่งได้อย่างไร”

เทพมหาทัณฑ์หรี่ตาพลางเอ่ยว่า “หรือว่าเซียนพเนจรก็คือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ สองคนนี้ไม่อาจทำนายถึงบ่วงกรรมได้เช่นเดียวกัน ต้องทราบก่อนว่าแม้แต่อริยะสวรรค์เกรียงไกรก็ยังมีร่องรอยของบ่วงกรรม แต่ทั่วทั้งฟ้าบุพกาลมีเพียงสองคนนี้ที่ไร้ซึ่งร่องรอยของบ่วงกรรม”

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนขมวดคิ้วเอ่ยไปว่า “มีความเป็นไปได้สูงจริงๆ”

เสียงร้องโหยหวนของเซียนพเนจรดังอยู่ไม่นานนัก จู่ๆ ก็ขาดห้วงไป

จากนั้นพลังคำสาปแช่งของหานเจวี๋ยก็ว่างเปล่าไร้ผล

ใช้อายุขัยไปทั้งหมดหกแสนล้านล้านล้านปี!

ยังไม่บรรลุตามเป้าที่ตั้งไว้เลย!

แค่นี้เองหรือ

ทันทีที่สิ้นเสียงคำสาปแช่งของหานเจวี๋ย กฎเกณฑ์สูงสุดที่ขาดสะบั้นก็เริ่มสมานตัวเข้าหากันด้วยตัวเอง

เมื่อเหล่าผู้ทรงพลังเห็นเช่นนี้ก็ล้วนโล่งใจ

เทวีตราวินัยเอ่ยว่า “ดูเหมือนน่าจะเป็นผลมาจากตัวของเซียนพเนจรเอง เขาอยากเร่งฟื้นคืนชีพจึงดูดซับพลังกฎเกณฑ์สูงสุด แต่เผชิญผลสะท้อนกลับ หากว่าเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เขาไม่จำเป็นต้องจัดการเซียนพเนจรเลย เว้นแต่บุตรแห่งสวรรค์ที่เซียนพเนจรจับตัวไปจะมีคนของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการด้วย”

ผู้ทรงพลังรายหนึ่งถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “เป็นไปได้หรือไม่ว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรจะเป็น…”

เขายังเอ่ยไม่ทันจบประโยค

เทวีตราวินัยก็ส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “น่าจะไม่ใช่ ทุกท่านไม่ได้เห็นฉากต่อสู้ระหว่างอริยะสวรรค์เกรียงไกรและเซียนพเนจร เซียนพเนจรไม่สามารถคุกคามอริยะสวรรค์เกรียงไกรได้เลย หากว่าเขาคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจริง ไยต้องเปิดโปงตัวเองเช่นนี้ด้วย เปิดโปงฐานะที่ตนปิดบังซ่อนเร้นมาเนิ่นนานเพียงเพื่อจัดการมดปลวกที่ตนสามารถขยี้ให้ตายได้ง่ายๆ ดูโง่เง่าเกินไปแล้ว อีกอย่างท่านเทพก็กล่าวไปแล้ว บ่วงกรรมของอริยะสวรรค์เกรียงไกรนั้นสามารถทำนายถึงได้”

………………………………………………………………