บทที่ 954 ยุคใหม่แห่งฟ้าบุพกาล

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 954 ยุคใหม่แห่งฟ้าบุพกาล

[ตอนนี้ท่านมีโอกาสใช้งานสวรรค์ประทานโชคหนึ่งครั้ง ต้องการเปิดใช้งานหรือไม่]

มหาโชคโดยกำเนิดอย่างนั้นหรือ

หรือว่าจะเป็นตัวตนประเภทเดียวกับเจียงเจวี๋ยซื่อ

ดวงตาหานเจวี๋ยเปล่งประกาย

นี่เป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมนัก อีกทั้งจะปรากฏขึ้นในหมู่ผู้สืบเชื้อสายของเขาด้วย ไม่มีทางตกไปอยู่ในมือคนนอก

แต่ทายาทที่สืบเชื้อสายก็อาจจะก่อกบฏแปรพักตร์ได้

เรื่องนี้ต้องระวังเอาไว้

ตอนนี้พยายามอย่านำออกมาใช้จะดีกว่า สะสมเอาไว้ก่อน

เจตจำนงฟ้าบุพกาลอาจพุ่งเป้ามาที่หานเจวี๋ยได้ทุกเมื่อ ทายาทที่ได้รับสวรรค์ประทานโชคไปในตอนนี้จะต้องกลายเป็นศัตรูของเขาแน่นอน

‘เก็บไว้ก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังมีทายาทไม่มาก’

คิดได้ดังนั้นหานเจวี๋ยก็ยิ้มออกมา

จะว่าไปเขานั้นมีทายาทน้อยมาก

หานฮวงและหานชิงเอ๋อร์ล้วนยังไม่มีครอบครัว หานทั่วก็ฝักใฝ่ในเส้นทางบำเพ็ญ ผ่านมาเก้าล้านกว่าปีแล้วยังไม่มีภรรยาใหม่เลย

ความหวังเพียงหนึ่งเดียวก็คือหานอวี้ แม้หานอวี้จะครองตัวเป็นโสดโดดเดี่ยว แต่กับสตรีที่อยู่ข้างกายในสถานะกึ่งศิษย์คนนั้นก็มีความสัมพันธ์ไม่เลวเลย จนใจที่สตรีมีใจทว่าบุรุษไร้จิตปฏิพัทธ์

‘หรือว่าการขยับขยายตระกูลหานยังต้องขึ้นอยู่กับข้าเท่านั้น’

แค่คิดหานเจวี๋ยก็พูดไม่ออกเสียแล้ว

อย่าเพิ่งคิดเลยจะดีกว่า ฝึกบำเพ็ญไปก่อน

รอให้พ้นภัยเจตจำนงฟ้าบุพกาลไปได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

เขาหลับตาลงและเริ่มฝึกบำเพ็ญต่อ

หลังจากพวกเจียงเจวี๋ยซื่อได้รับความช่วยเหลือก็ออกจากอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม กลับไปยังวังสวรรค์ เริ่มปิดด่านฝึกบำเพ็ญ

ชิงเทียนเสวียนจีเองก็เป็นเช่นนี้

เหล่าบุตรแห่งสวรรค์ที่ถูกเซียนพเนจรกลืนกินเข้าไปต่างกลับไปยังบ้านใครบ้านมัน เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้มรรคาสวรรค์ได้พันธมิตรมาอีกไม่น้อยเลย

หลังจากเหล่าอริยะสอบถามกันดูแล้วก็คาดเดาว่าคงเป็นอริยะสวรรค์ที่ช่วยเหลือบุตรแห่งสวรรค์เหล่านี้ไว้ ดังนั้นจึงวางใจกันถ้วนหน้า ยุ่งกับงานของแต่ละคนต่อไป

….

เวลาผ่านไปเร็วยิ่ง

ผ่านไปอีกหนึ่งแสนปีแล้ว

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ยิ้มออกมา

ตบะก้าวหน้าขึ้นอีกเล็กน้อย ความรู้สึกนี้ยอดเยี่ยมนัก

กลัวก็แต่ตบะจะไม่ก้าวหน้าเท่านั้น

ตอนนี้หานเจวี๋ยยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าระดับผู้สร้างมรรคาเป็นเช่นไรกันแน่ นี่แปลว่าเขายังอยู่ห่างไกลจากระดับผู้สร้างมรรคา

ยามนี้เขาฝากความหวังไว้กับโลกอนธการและกายเทพมารปฐมยุคเท่านั้น

เขาสอดส่องโลกอนธการก่อน

ปัจจุบันนี้โลกอนธการมีเทพมารฟ้าบุพกาลที่ถือกำเนิดจากปราณเทพมารกว่าสองร้อยตนแล้ว ทว่าตบะยังคงตื้นเขินอยู่ แต่ละตนยังคงเร้นกายอยู่ในมุมหนึ่ง มีเทพมารฟ้าบุพกาลเพียงสองตนเท่านั้นที่พบกันแล้ว สู้กันไปยกหนึ่งจากนั้นก็กลายเป็นพี่น้องกัน

หานเจวี๋ยพบว่าแม้เหล่าเทพมารฟ้าบุพกาลจะชอบต่อสู้ แต่ก็ไม่มีสถานการณ์ที่พอเห็นหน้ากันก็ต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายเกิดขึ้นเลย

จุดนี้ทำให้เขารู้สึกสบายใจ ขอเพียงเทพมารฟ้าบุพกาลเหล่านี้ไม่กระหายการฆ่าฟัน ก็ช่วยดูแลโลกอนธการให้เขาได้

โลกอนธการยังคงขยายตัวออกไปอย่างต่อเนื่อง ปราณอนธการที่ปกคลุมก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

จะว่าไปแล้วก็แปลก

หานเจวี๋ยกลายเป็นเทพมารปฐมยุคแล้ว โลกอนธการก็น่าจะกลายเป็นโลกปฐมยุคด้วยถึงจะถูก เหตุใดปราณอนธการยังไม่เปลี่ยนไปอีกเล่า

หรือว่าจะยังไม่บรรลุถึงเงื่อนไขในการเปลี่ยนแปลง

ก็ถูกแล้ว

สายเลือดของเขาเปลี่ยนผ่านได้ทันที แต่โลกกลับแตกต่างออกไป มีกฎเกณฑ์มีขั้นตอนวิวัฒนาการอยู่ มีเงื่อนไขซับซ้อนก็สมเหตุสมผลดี

หลังจากหานเจวี๋ยสอดส่องโลกอนธการเสร็จก็เรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู

[ชิงเทียนเสวียนจีสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลสหายของท่าน พลังมรรคเพิ่มมหาศาลฉับพลัน]

[หานฮวงบุตรชายของท่านสรรค์สร้างพลังวิเศษมหามรรค พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[โจวฝานศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากวิญญาณร้าย] x907922

[อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสหายของท่านบุกเบิกแม่น้ำมรรคกระบี่ ดวงชะตาเพิ่มมหาศาลฉับพลัน]

[เทพมหาทัณฑ์สหายของท่านสนทนาธรรมกับผู้ทรงพลังลึกลับ ตระหนักรู้ในความจริงแห่งฟ้าบุพกาล]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านอาศัยอำนาจศักดิ์สิทธิ์ดวงชะตาฟ้าบุพกาลหลอมสร้างยอดสมบัติมหามรรคขึ้น ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเข้าสู่ก้นบึ้งฟ้าบุพกาล]

[หานฮวงบุตรชายของท่านเข้าสู่แม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาล]

….

ระยะนี้แวดวงสหายของหานเจวี๋ยคึกคักยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการถูกโจมตี พบโชควาสนา การตระหนักรู้หรือเปิดแผนที่เขตใหม่ขึ้นล้วนมีทั้งสิ้น

ฟ้าบุพกาลกว้างใหญ่ไพศาล มีสถานที่มากมายหลายแห่งที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก

หานเจวี๋ยอ่านอย่างได้อรรถรส

ชีวิตดูเหมือนจะกลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง ไม่ทราบเช่นกันว่าเจตจำนงฟ้าบุพกาลจะปรากฏตัวขึ้นตอนไหน

รออีกเจ็ดแสนปี สุดยอดสมบัติหนังสือยอดชะตาก็จะใช้งานได้อีกครั้ง

หวังว่าเจตจำนงฟ้าบุพกาลจะไม่ปล่อยให้เขาต้องคอยนานเกินไป เลี่ยงไม่ให้ต้องเสียเวลารอหนังสือยอดชะตานับวงจรใหม่อีกครั้ง

หลังจากหานเจวี๋ยอ่านจดหมายเสร็จ ก็จมจ่อมอยู่สภาวะฝึกบำเพ็ญอีกครั้ง

ปิดด่านครบอีกรอบก็สามารถสาปแช่งเซียนพเนจรได้แล้ว

เรื่องที่เขาปิดด่านรอบละหนึ่งแสนปีมิใช่ความลับเลย หากสาปแช่งตอนนี้ เกรงว่าจะถูกจับได้ง่ายๆ

รอให้ผ่านไปสองแสนปีแล้วค่อยสาปแช่ง ถึงแม้จะสามารถเชื่อมโยงมาถึงตัวเขาได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัดถึงเพียงนั้น

อีกด้านหนึ่ง

ณ อาณาเขตฟ้าบุพกาลแห่งหนึ่ง ภายในโลกวังสวรรค์

ณ พระราชวังเทียมเมฆา

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถือม้วนหยกเล่มหนึ่งไว้ ใช้จิตศักดิ์สิทธิ์อ่านเนื้อหาที่รายงานด้านใน เขาเอ่ยถามขึ้นมา “แม่ทัพเทพหานยังปิดด่านอยู่หรือ”

เซียนชราคนหนึ่งที่อยู่ในตำหนักพยักหน้ารับพลางกล่าวว่า “หลังจากกลับมาเมื่อแสนกว่าปีก่อนก็ปิดด่านมาตลอดพ่ะย่ะค่ะ เห็นได้ชัดว่าได้รับความกระทบกระเทือนมา ฝ่าบาททรงเสด็จไปเยี่ยมเขาหน่อยดีหรือไม่ เลี่ยงไม่ให้ถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนเข้ารีตมาร”

หานฮวงเข้าร่วมวังสวรรค์มาหลายแสนปี พิสูจน์ตนให้เห็นแต่เนิ่นๆ แล้ว ตอนนี้เขาคือผู้นำกลุ่มแม่ทัพเทพ ตำแหน่งเป็นรองเพียงจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเท่านั้น

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็น เขาเป็นเสรีแต่กำเนิด ไม่มีทางถูกธาตุไฟเข้าแทรกได้ คอยดูต่อไปเถอะ หลังจากเขาออกจากปิดด่านมา เส้นทางแห่งผู้ไร้พ่ายของเขาก็จะเปิดฉากขึ้น พวกเราจะได้เป็นสักขีพยานในการผงาดรุ่งโรจน์ของอริยะสวรรค์เกรียงไกรคนที่สอง ไม่สิ จะแข็งแกร่งกว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรเสียด้วยซ้ำ”

พอเซียนชราได้ยินก็รีบเอ่ยแสดงความยินดีต่อจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายหัวเราะร่า

ในเวลานี้เอง จ้านฝัวพลันเหาะเข้ามา ร่อนลงข้างกายเซียนชรา ค้อมคำนับแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท เกิดความวุ่นวายขึ้นในโลกฟ้าขจีพ่ะย่ะค่ะ ผู้ปกครองโลกคุมสถานการณ์ไม่อยู่จึงขอความช่วยเหลือจากวังสวรรค์ บอกว่าจำเป็นต้องให้อริยะมหามรรคออกโรงพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเบิกตามอง เอ่ยถามไป “จะมีคนในโลกฟ้าขจีพิสูจน์มหามรรคหรือ ระยะนี้ดูเหมือนจะไม่มีอริยะมหามรรคหน้าใหม่ปรากฏขึ้นเลย”

จ้านฝัวตอบว่า “มิใช่อริยะมหามรรคพ่ะย่ะค่ะ แต่ในเหตุจลาจลนั้นมีผู้ไร้พ่ายในระดับเสรีอยู่ จึงจำเป็นต้องให้อริยะมหามรรคลงมือพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยอย่างใช้ความคิด “ถ่ายทอดบัญชาของเราไป ให้เจ้าไปเชิญแม่ทัพเทพเลิศโลกามุ่งหน้าไปปราบจลาจล”

“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”

จ้านฝัวถอยออกไปทันที

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตกอยู่ในภวังค์ความคิด

เซียนชราเอ่ยถาม “ฝ่าบาททรงกังวลเรื่องใดอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกล่าวว่า “ระยะนี้มีผู้ไร้พ่ายระดับมหามรรคและระดับเสรีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราสังหรณ์ใจว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่”

เซียนชราขมวดคิ้ว เริ่มใช้ความคิดเช่นกัน

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายมองท้องนภาครามด้านนอกพระราชวังเทียมเมฆา เอ่ยพึมพำว่า “สรุปแล้วหมายความอย่างไรกันแน่ ยุคใหม่แห่งฟ้าบุพกาลที่ท่านกล่าวถึงมิได้เปิดฉากขึ้นเพราะเขา แล้วจะเป็นเพราะผู้ใดกัน…”

….

หนึ่งแสนปีผ่านไปเร็วยิ่ง

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่ทำคือนำหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา

แสงทมิฬสาดส่อง ส่องกระทบใบหน้าหานเจวี๋ย ทำให้เขาดูน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการปรากฏตัวแล้ว!

หานเจวี๋ยลูบหนังสือแห่งความโชคร้ายอย่างลุ่มหลง พึมพำว่า “ถึงเวลาเจ้าออกโรงอีกครั้งแล้ว รอเสียนานเลยกระมัง”

หนังสือแห่งความโชคร้ายสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับกำลังตอบสนองเขาอยู่

หานเจวี๋ยเริ่มสาปแช่งเซียนพเนจรทันที ไม่มีสุดยอดสมบัติคอยปกป้องแล้ว คำสาปแช่งส่งไปถึงในทันที

“รับรู้ได้แล้ว!”

หานเจวี๋ยตัวสั่นเล็กน้อย เริ่มทุ่มพลังสาปแช่ง

ห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

อายุขับเริ่มลดลง

ดีร้ายอย่างไรเซียนพเนจรก็เป็นถึงยอดมหามรรค รับประกันไม่ได้ว่าจะสาปแช่งเขาให้ตายได้แน่นอน ต้องทุ่มอายุขัยต้นกำเนิดไปถึงจะใช้ได้!

หานเจวี๋ยเรียกหน้าต่างค่าสถานะออกมา จ้องมองจำนวนอายุขัยที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด รู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง

ความรู้สึกตื่นเต้นเช่นนี้ห่างหายไปนานมากจริงๆ

กลับมาแล้ว!

ดวงตาหานเจวี๋ยฉายแววดุดัน เขาไม่มีทางลืมเลือนความตื่นตัวเช่นนี้ ในเมื่อจะสาปแช่งทั้งที เช่นนั้นก็ต้องสาปให้ตาย!

เมื่อเจ้าแดนต้องห้ามอันธการออกโรง หากไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส!

………………………………………………………………