บทที่ 927 รวมตัวพูดคุย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 927 รวมตัวพูดคุย

บทที่ 927 รวมตัวพูดคุย

ถึงแม้จะมีเงินสำรอง แต่ก็สามารถเข้าไปในเมือซื้อเนื้อครึ่งจินเพื่อสนองความหิวโหยได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น

แต่ตอนนี้ยังสามารถเห็นการฆ่าหมู และยังเป็นการฆ่าหมูในบ้านของตัวเองอีก

ความรู้สึกนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ซึ่งหมายความว่าฐานะของครอบครัวดีขึ้น และสามารถกินเนื้อหมูได้บ่อยในอนาคต

เด็ก ๆ ต่างตื่นเต้นกันมาก พวกเขาปรบมือและหัวเราะ เสียงหมูร้องราวกับเป็นการดิ้นรนครั้งสุดท้าย

กู้เสี่ยวหวานก็ตื่นเต้นเช่นกัน ประสานมือไว้ด้านหน้าร่างกาย เฝ้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เถาซื่อและอินซื่อกลัวว่าเลือดหมูจะทำให้ชุดและรองเท้าของกู้เสี่ยวหวานสกปรก ดังนั้นพวกนางจึงรีบพานางไปยืนดูด้านข้าง

เสี่ยวหวานยังกลัวว่าหมูที่มีแรงมากเกินไปและดิ้นหนีจนหลุด นางจึงไม่กล้ายืนใกล้เกินไปและดึงกู้เสี่ยวอี้มายืนอยู่ด้านข้าง

แต่ยังสามารถดูบรรยากาศโดยรอบได้

ตอนนี้ผู้เฒ่าหลี่เป็นผู้เชี่ยวชาญ เขาถือมือเล่มคมไว้มั่น จับคอหมูอ้วนแล้วแทงเข้าไปรวดเร็ว

เจ้าหมูส่งเสียงกรีดร้องคร่ำครวญอย่างน่าเวถนา ซึ่งดังก้องไปทั่วสารทิศและแก้วหูกำลังจะแตก

เลือดในคอไหลออกมาไหลลงในอ่างที่เตรียมไว้บนพื้น เมื่อใกล้จะเต็ม อินซื่อรีบก็เดินไปเปลี่ยนอ่างทันที เมื่อเลือดทั้งสองอ่างใกล้จะเต็ม เสียงกรีดร้องของหมูก็อ่อนลง อ่อนลง และเรี่ยวแรงเริ่มอ่อนลง ในที่สุดเสียงของมันก็เงียบ และไม่มีการต่อสู้ดิ้นรนอีกต่ไป

ผู้เฒ่าหลี่ชำเลืองมองและพูดว่า “เอาล่ะ ได้แล้ว”

ในครัวมีหม้อต้มน้ำขนาดใหญ่สองหม้อ เถาต๋าและอินซื่อเติมน้ำลงในอ่างไม้ขนาดใหญ่ เมื่อเห็นว่าหมูหมดลมหายใจจริง ๆ หลิวต้าจ้วง และเถาต๋าจึงเข้าไปในครัวทันทีเพื่อนำน้ำเดือดที่เตรียมไว้ออกมา และช่วยกันนำหมูใส่ลงไปในน้ำ

จากนั้นถอนขนและเก็บขนไว้ จากนั้นก็จัดการหมูตัวที่สอง

หลังจากฆ่าหมูสองตัวแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คืองานใหญ่

กู้เสี่ยวหวานดูอยู่พักหนึ่งและเริ่มเบื่อหน่าย จึงเข้าไปในห้องเพื่อนั่งคุยกับป้าจางและคนอื่น ๆ โนเวล-พีดีเอฟ

เถาซื่อและอินซื่อจัดการเรื่องนี้ได้ เมื่อคืนเตรียมอาหารที่จะกินวันนี้ไว้เกือบทั้งหมดแล้ว เมื่อใกล้ถึงเวลา พวกนางจะได้พร้อมปรุงอาหารที่เตรียมไว้ได้เลย

นับเป็นเรื่องยากที่กู้เสี่ยวหวานจะมาที่นั่งที่บ้านของพวกเขา นับประสาอะไรกับการกินอาหาร หลิวต้าจ้วงและเถาต๋าก็เตรียมตัวมาอย่างดีเช่นกัน เนื่องจากนางเป็นผู้หญิง พวกเขาจึงขอให้เถาซื่อและอินซื่อไม่ต้องทำงานตลอดเวลา แต่ให้เข้าไปในบ้านเพื่อคุยกับกู้เสี่ยวหวานแทน

เถาซื่อและอินซื่อห้อมล้อมรอบกู้เสี่ยวหวาน และพานางเดินเข้าไปในห้องโถง ภายในห้องโถงมีกู้ฟางสี่และป้าจางกำลังหัวเราะพูดคุยกันอยู่

“ท่านอา ท่านป้า การฆ่าหมูเมื่อครู่น่าสนใจมาก ทำไมไม่ไปดูมันล่ะ” กู้หนิงผิงพูดด้วยความเสียใจ เมื่อเห็นว่าป้าจางและกู้ฟางสี่ยังคงอยู่ในห้องและไม่ได้ออกไป

กู้ฟางสี่มีความสุข “ข้าไม่ชอบดูเรื่องนองเลือด และมีเพียงเด็กอย่างพวกเจ้าเท่านั้นที่ชอบดู”

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ นางก็คลี่ยิ้มบาง ๆ

พูดตามตรง ถ้านางเคยดูการฆ่าหมูมาก่อน นางก็คงจะไม่ชอบดูมัน

แต่เป็นเพราะไม่เคยดูมาก่อน แต่หลังจากได้ดูมันแล้ว สาบานว่าคราวหน้านางจะไม่ดูมันอีก

เด็ก ๆ เหล่านั้นพากันออกไปวิ่งเล็กข้างนอก

กู้หนิงผิงก็ตามไปด้วยเพราะต้องไปดูแลกู้เสี่ยวอี้

กู้หนิงอันไม่ชอบเสียงดังเกินไป เขาจึงตามอยู่ข้างกายกู้เสี่ยวหวานเสมอ

ชั่วพริบตาเดียว ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยผู้คน

เถาซื่อและอินซื่อรีบไปเทน้ำให้กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ดื่ม หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ พวกเขาก็นั่งลงและพูดด้วยความลำบากใจ “เจ้าของที่ดิน ที่นี่เรียบง่ายและไม่ดีเท่าบ้านของเจ้า ต้องขออภัยด้วย”

เมื่อเห็นท่าทีระมัดระวังของพวกเขา กู้เสี่ยวหวานก็ยิ้มและพูดว่า “ท่านป้าทั้งสองอย่าพูดอย่างนั้น บ้านที่ข้าเคยอาศัยอยู่แย่กว่าบ้านของพวกท่านมาก บ้านของท่านเช่นนี้เป็นบ้านที่เมื่อก่อนข้าใฝ่ฝันว่าอยากจะอยู่”

ว่าอย่างไรนะ

เมื่อฟังคำพูดของกู้เสี่ยวหวานแล้ว เถาซื่อและอินซื่อก็มองหน้ากัน

ผู้เป็นเจ้าของที่ดินเคยอาศัยอยู่ในบ้านที่แย่กว่านี้หรือ?

เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงและความไม่เชื่อของทั้งสอง กู้เสี่ยวหวานจึงพูดต่อว่า “บ้านเดิมของข้ามีเพียงห้องเดียว เป็นบ้านดินหลังคามุงจาก และมีเพียงห้องครัวเล็ก ๆ ด้านนอกที่ผู้ใหญ่สามคนยืนไม่สามารถหันตัวได้ และในบ้านนอกจากเตียงแล้ว โต๊ะแบบนี้ก็ไม่มี อีกทั้งยังขาหายไปหนึ่งข้าง และตู้ก็ไม่มีประตู”

กู้เสี่ยวหวานเล่าราวกับเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ นางยิ้มและเล่าให้เถาซื่อและคนอื่น ๆ ฟังเกี่ยวกับอดีตของครอบครัวโดยไม่ปิดบังอะไร

ไม่อายเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเถาซื่อและอินซื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานพูดอย่างจริงใจ ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้โกหก เมื่อมองไปที่ป้าจาง ใบหน้าป้าจางฉายแววเศร้าสร้อยครู่หนึ่ง ดังนั้นจึงเชื่อโดยไปไม่มีข้อสงสัยอีก

“เจ้าของที่ดิน” อินซื่อกำลังจะเอ่ยปาก

กู้เสี่ยวหวานโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านป้าอิน อย่าเรียกข้าว่าเจ้าของที่ดิน ข้าก็เหมือนกับหวงซื่อเหริน ท่านทั้งสองก็เหมือนท่านอาและท่านป้าของข้า เรียกข้าว่าเสี่ยวหวานก็พอ”

แม้จะอยากรู้ว่าหวงซื่อเหรินคือใคร แต่เรื่องนี้ไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้

เมื่อเถาซื่อได้ยินสิ่งนี้ นางก็โบกมืออย่างรวดเร็วและพูดว่า “ทำไม่ได้ ทำไม่ได้”

เมื่อก่อนพวกเขาเคยเช่าที่ดินจากเจ้าของที่ดินมาก่อน และเจ้าของที่ดินมักจะตระหนี่ถี่เหนียว และมักจะกดขี่พวกเขาเป็นครั้งคราว และถ้าพวกเขาพูดอะไรไม่ดี ค่าเช่าก็จะเพิ่มขึ้น

พวกเขาทั้งหมดจึงหวาดกลัว

เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของพวกเขา กู้เสี่ยวหวานก็รู้ว่ามันเป็นผลสืบเนื่องที่หลงเหลือมาจากอดีต ดังนั้นนางจึงแสร้งทำเป็นไม่มีความสุขและพูดว่า “ท่านป้าหลิว ถ้าท่านยังเรียกข้าว่าเจ้าของที่ดินอีกครั้ง ข้าจะโกรธและจะขึ้นค่าเช่าจริง ๆ นะ”

เมื่อพวกเขาได้ยินว่าค่าเช่าจะเพิ่มขึ้น เถาซื่อและอินซื่อก็ตื่นตระหนก

เมื่อเห็นป้าจางและกู้ฟางสี่ยิ้ม และส่งสายตาให้ทั้งสองคน ในที่สุดพวกนางก็เข้าใจ ก่อนจะชำเลืองมองหน้ากันแล้วพูดว่า “เสี่ยวหวาน”

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินพวกนางเรียกชื่อตัวเอง นางจึงแสร้งทำเป็นมีความสุขและพูดว่า “นี่สิถูกต้อง ข้าจะไม่เพิ่มค่าเช่าของพวกท่าน”

ท่าทางน่ารักนั่นราวกับเด็กน้อยเลย

เถาซื่อและอินซื่อก็หัวเราะเช่นกัน

อยู่ด้วยกันในบ้าน และสนทนากัน

ฉือโถวมองหากู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ตลอดเวลา และเนื่องจากไม่เห็นพวกเขามาเป็นเวลานาน เขาจึงกังวลเล็กน้อยและรีบออกไปตามหาพวกเขา

——————————————-