บทที่ 926 ฆ่าหมู

บทที่ 926 ฆ่าหมู

กู้เสี่ยวหวานขอให้ฉือโถวไปพาพวกหลิวจ้าจ้วงมาที่สวนกู้เป็นการส่วนตัว เมื่อเถาซื่อและอินซื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานขอให้คนมารับลูก ๆ ของตน พลันคิดว่าหากไม่ยอมให้ลูกไปจะเป็นการหักหน้ากู้เสี่ยวหวาน

ดังนั้นเด็กเหล่านี้จึงยังคงไปที่สวนกู้เป็นระยะ ๆ และก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

เถาต๋าและหลิวต้าจ้วงมีความสุขมากที่เห็นว่าเด็ก ๆ มีความสัมพันธ์อันดีกับกู้เสี่ยวหวาน แต่พวกเขาก็ยังสอนให้เคารพเมื่อเจอกู้เสี่ยวหวานอยู่

ครอบครัวของตนและกู้เสี่ยวหวานนั้นแตกต่างกัน ไม่ว่าเขาจะเอ่ยถึงสิ่งเหล่านี้กี่ครั้ง กู้เสี่ยวหวานดื้อรั้นเสียขนาดนั้น เด็ก ๆ จะจำคำสอนของตนได้อย่างไร

พวกเขายกโขยงไปสวนกู้และกลับมาอย่างมีความสุข

เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ผู้ใหญ่หลายคนก็เอือมระอา

หลิวต้าจ้วงไม่ค่อยเจอกู้หนิงอัน แต่คราวนี้เมื่อได้เจอกู้หนิงอัน ลูกคนโตครอบครัวของเขามีอายุไล่เลี่ยกับกู้หนิงอัน แต่คนฉลาดสามารถบอกได้ว่าใครที่มีการศึกษา และใครกำลังเล่นโคลน

กู้หนิงอันสวมเสื้อคลุมสีน้ำกรมท่าและสวมเสื้อแขนสั้นข้างในสีเดียวกัน ใบหน้านิ่งสงบนั้นไม่เหมือนกับเด็กชายอายุสิบขวบ

เมื่อหลิวต้าจ้วงและเถาซื่อเห็นดังนั้น สมาชิกในตระกูลคนนี้ไม่เพียงแต่หน้าตาดีเท่านั้น แต่ยังมีกลิ่นอายที่ทำให้คนรู้สึกอิจฉา

หากลูกของพวกเขามีเสน่ห์ครึ่งหนึ่งของกู้หนิงอันก็คงจะดีไม่น้อย

เมื่อเห็นกู้หนิงอัน หลิวต้าจ้วงจึงทักทายด้วยรอยยิ้ม “หนิงอัน วันนี้ไม่ไปเรียนหรือ”

กู้หนิงอันยกยิ้มมุมปาก เขามองไปที่หลิวต้าจ้วงและเอ่ยอย่างด้วย “ท่านลุงหลิว ตอนนี้ข้าอยู่ในช่วงพักผ่อน ชั้นเรียนจะไม่เริ่มจนกว่าจะถึงวันที่สิบหกของเทศกาลโคมไฟ”

หลิวต้าจ้วงไม่รู้ว่าสำนักศึกษาเป็นแบบนี้ และคิดว่าเขากำลังหลอกตัวเองจึงเช็ดมือด้วยความลำบากใจ “โอ้ โอ้ เป็นอย่างนี้นี่เอง”

กู้หนิงอันคลี่ยิ้ม เมื่อเห็นว่าเด็กชายไม่ได้ตั้งใจจะเยาะเย้ยเขา ตรงกันข้ามกลับปฏิบัติต่อเขาด้วยเคารพและสุภาพเสมอ หลิวต้าจ้วงจึงรู้สึกว่าตนเองกังวลมากเกินไป จึงรีบยิ้มและพูดว่า “ไปกันเถอะ เข้ามาเร็วเข้า”

กู้เสี่ยวหวานอยากรู้เกี่ยวกับการฆ่าหมู ดังนั้นนางจึงตามหลิวต้าจ้วงไปที่สวนหลังบ้าน ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความดีใจ “ว้าว นี่มันสวยมาก สวยมาก!”

กู้เสี่ยวหวานมองย้อนกลับไป และเห็นว่ากู้เสี่ยวอี้นำผ้าเช็ดหน้าและตุ๊กตาที่ปักด้วยตัวเองให้กับเด็กเหล่านี้

เด็กตัวน้อยในชนบทเห็นผ้าเช็ดหน้ากับตุ๊กตาก็ดีใจจนกระโดดโลดเต้น

เมื่อเห็นว่าพวกเขาตื่นเต้นมากแค่ไหน กู้เสี่ยวหวานก็คลี่ยิ้มกว้าง และเดินเข้าไปข้างใน

เมื่อไปถึงสวนหลังบ้านก็เห็นผู้เฒ่าหลี่ ซึ่งถอดเสื้อแขนยาวบุนวมออก และกำลังยืนลับมีดอยู่ตรงนั้น

ผู้เฒ่าหลี่เคยล่าสัตว์บนภูเขาเมื่อครั้งยังเด็ก แต่เมื่อเขาอายุมากขึ้น การจะขึ้นไปบนภูเขานั้นไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไรนัก เพราะความแข็งแกร่งของเขาลดลงแล้ว

ดังนั้นจึงเรียนรู้วิธีการฆ่าหมู

อย่างไรก็ตาม การเชือดหมูสำหรับคนที่แข็งแรงก็ไม่แตกต่างจากการเชือดแกะต่อหน้าผู้คน

ผู้เฒ่าหลี่อายุห้าสิบปีเศษมีเคราสีขาวโพลนและใบหน้ามีดูมีวามสุข เขาจึงดูอ่อนวัยกว่าอายุจริง

ดังนั้นครอบครัวไหนก็ตามที่ต้องการฆ่าหมูในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า พวกเขาจะเรียกหาผู้เฒ่าหลี่

ผู้เฒ่าหลี่ซึ่งอยู่บ้านอย่างเหนื่อยหน่าย การฆ่าหมูปีใหม่ยังถือเป็นการเฉลิมฉลอง และเขายังสามารถกินเนื้ออย่างดีได้อีก อย่างน้อยที่สุดคนรวยอาจจะให้เนื้ออย่างดีกับเขาสองสามชิ้น และเหล้าองุ่นชั้นดี ซึ่งก็เพียงพอที่จะอยู่ไปได้อีกหลายวัน

เมื่อได้ยินว่าครอบครัวของหลิวต้าจ้วงกำลังจะฆ่าหมูสำหรับส่งท้ายปีเก่าสองตัว หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่บ้านแล้ว ผู้เฒ่าหลี่ก็รับมุ่งหน้ามาที่บ้านหลิวทันทีก็ได้พบกับกู้เสี่ยวหวาน

ผู้เฒ่าหลี่รู้เรื่องกู้เสี่ยวหวาน กู้เสี่ยวหวานให้ชาวบ้านเช่าที่ดินเพาะปลูกมันเทศปีนี้ และมีการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ ชาวบ้านผู้เช่าที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันยกนิ้วให้และยกย่องกู้เสี่ยวหวานว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่กลับชาติมาเกิด และมาที่นี่เพื่อมาให้เขามีวันที่ดีแบบนี้

แม้ว่าผู้เฒ่าหลี่จะไม่ได้เช่าที่ดินของกู้เสี่ยวหวาน แต่ญาติของเขาก็ปลูกเทศ และได้ยินมาว่ากู้เสี่ยวหวานไม่เพียงแต่เก็บค่าเช่าน้อยลงหนึ่งส่วน และยังสอนให้พวกเขาปลูกพืชที่ให้ผลผลิตสูง อาหารในครอบครัวจึงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในอนาคตสมาชิกในครอบครัวจะไม่อดอยาก

แค่พูดถึงครอบครัวของหลิวต้าจ้วง พวกเขาไม่เคยเห็นครอบครัวของหลิวต้าจ้วงฆ่าหมูเลยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา และครั้งนี้พวกเขาฆ่าหมูถึงสองตัวด้วยกัน

การที่สามารถฆ่าหมูได้หมายความว่าอะไร?

หมายความว่าในปีนี้ครอบครัวของหลิวต้าจ้วงหาเงินได้มาก

เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้ ผู้เฒ่าหลี่จึงรีบวางมีดในมือทันที เขาเดินไปข้างหน้าและทักทายด้วยรอยยิ้ม “เจ้าของที่ดินมาแล้ว!”

กู้เสี่ยวหวานได้พบกับผู้เฒ่าหลี่ และเรียกอย่างไพเราะ “ท่านลุงหลี่”

ท่าทางเต็มไปด้วยความเคารพนั้นไม่มีท่าทีเหยียดหยามเหมือนเจ้าของที่ดินคนอื่น ๆ เลย

แค่ได้มองก็มีความสุขแล้ว

ผู้เฒ่าหลี่ยิ้ม จากนั้นลงมือลับมีดอีกครั้ง “ต้าจ้วง เจ้าจะฆ่าหมูสองตัวนี้ทั้งหมดหรือไม่”

“ใช่ ฆ่าทั้งหมดเลย หมูหนึ่งตัวเป็นของเจ้านายตัวน้อย และหมูอีกตัวเป็นของข้า” หลิวต้าจ้วงพูดด้วยรอยยิ้ม

กู้เสี่ยวหวานมองเข้าไปในเล้าหมู และเห็นว่ามีหมูอ้วนตัวใหญ่สองตัวเบียดเสียดกันอยู่ในเล้า ราวกับว่าพวกมันไม่ได้สังเกตว่าพวกมันกำลังจะกลายเป็นอาหารบนโต๊ะเลย

ในตอนที่กู้เสี่ยวหวานให้หมูกับหลิวต้าจ้วง นางไม่ได้รับเงินเขา หลิวต้าจ้วงจึงรอให้หมูโตขึ้นและส่งกลับมาให้นาง

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอนี้ อย่างไรก็ตาม นางต้องก็ซื้อเนื้อหมูสำหรับวันส่งท้ายปีใหม่ด้วย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องนี้ที่เหมาะสม

เมื่อลับมีดแล้ว ก็เตรียมเชือดหมูอีกครั้ง

เมื่อเด็ก ๆ ที่ลานหน้าบ้านได้ยินว่าการฆ่าหมูที่สวนหลังบ้านกำลังจะเริ่มขึ้น พวกเขาทั้งหมดจึงวิ่งไปดูที่สวนหลังบ้าน

เมื่อเห็นว่าหมูถูกมัดขาชี้ฟ้าลงบนโต๊ะหินขนาดใหญ่ หลิวต้าจ้วงและเถาต๋าก็กดหมูอ้วนตัวใหญ่อย่างแรง

จนกระทั่งตอนนั้นเองที่หมูอ้วนตัวใหญ่ตระหนักว่าอันตรายกำลังจะมาถึง จึงสะบัดเท้าสั้น ๆ ของมันและกรีดร้องอย่างน่าเวทนา

เสียงหมูกรีดร้องอย่างน่าเวทนา แต่เด็ก ๆ ปรบมือและโห่ร้องอย่างตื่นเต้น เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นหมูถูกเชือดมาก่อน

ครอบครัวของหลิวต้าจ้วงและเถาต๋ายิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขาไม่เคยฆ่าหมูฉลองปีใหม่เลยตั้งแต่แต่งงาน ตั้งแต่จำความได้พวกเขาก็ไม่เคยฆ่าหมูฉลองปีใหม่เลย

ครอบครัวของพวกเขาลำบากยากเข็ญ และไม่มีธัญพืชมากพอที่จะเลี้ยงหมู

——————————————-