บทที่ 897 รอผมกลับมา

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

แน่นอน ไม่ได้หมายความว่าอยากให้เขาตายระหว่างการต่อสู้ของประธานนัทธีและนิรุตติ์ แต่หมายความว่าหลังจากที่เขาไปจากที่นี่ ก็ไม่ต้องกลับมาอีก

แต่คำพูดแบบนี้ เห็นชัดว่าเธอไม่สามารถพูดได้

ถ้าพูดออกไป ผู้ชายคนนี้ต้องโมโหแน่นอน

แต่สิ่งที่ปาจรีย์ไม่รู้ก็คือ สิ่งที่เธอคิดแสดงออกมาทางสีหน้าหมดแล้ว

พงศกรอ่านความคิดของเธอในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน ว่าเธอกำลังคาดหวังอะไร

แต่สำหรับเรื่องที่ว่าเธอไม่อยากให้เขาตายที่นั่น เรื่องอื่น เขายอมรับได้ทุกอย่าง

เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็รังเกียจเขา การที่เธอเป็นแบบนี้ได้ ถือว่าดีมากพอแล้ว

“จริงด้วยค่ะคุณหมอพงศกร คุณจะไปเมื่อไหร่คะ?” ปาจรีย์หันไปถามพงศกร

พงศกรมองดูแววตาทอประกายของเธอ เงียบครู่หนึ่ง

ดูเหมือนว่า เธออยากจะให้เขารีบไปจากที่นี่มากจริงๆ หลังจากได้ยินเขาบอกว่าจะไปจากที่นี่ระยะหนึ่ง เธออารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของเธอ สดใสขึ้นไม่น้อย

หึ ผู้หญิงหนอ!

“ใกล้แล้วครับ อีกไม่กี่วัน” พงศกรมองเธอด้วยแววตาเยือกเย็น ตอบเสียงเข้ม

ปาจรีย์หดคอ ถอนหายใจ

ไม่ใช่มั้ง เขาคงดูไม่ออกหรอกมั้งว่าเธออยากจะให้เขาไปจากที่นี่มาก?

ไม่สิ เธอเก็บสีหน้าได้ดีขนาดนี้ เขาน่าจะดูไม่ออกต่างหาก

เมื่อคิดได้แบบนี้ ปาจรีย์จึงไม่กระวนกระวายแล้ว เธอพยักหน้าด้วยความนิ่งงัน “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”

พงศกรตอบอื้ม “หลังจากจัดการธุระเสร็จ ผมจะรีบกลับมา”

ตัวของปาจรีย์แข็งทื่อ

รีบกลับมา

อย่านะ เธอไม่อยากให้เขากลับมาแม้แต่น้อย

แต่คำพูดแบบนี้ เธอกล้าคิดทว่าไม่กล้าพูด

ปาจรีย์เกาศีรษะ ภายในใจของเธอเศร้าหมอง ทว่ายังคงทำตัวนิ่งงันแล้วพูดตอบ “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”

พงศกรจะดูไม่ออกได้อย่างไร เธอตอบอย่างฝืนใจมาก ริมฝีปากบางเม้มตรง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

ความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ การที่เธอเป็นแบบนี้ เป็นเรื่องที่ปกติมาก

“หลังจากผมไป ผมจะติดต่อคุณ” พงศกรลุกขึ้น แล้วพูดกะทันหัน

ปาจรีย์เบิกตากว้าง “ติดต่อฉัน?”

ทำไมต้องติดต่อเธอด้วย?

พงศกรพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกต้อง เพื่อป้องกันครอบครัวของคุณแอบหนีไป หลังจากที่ผมไม่อยู่ ดังนั้นเมื่อผมไปถึง ผมจะติดต่อคุณทุกวัน ดูตำแหน่งที่อยู่ของคุณ ถ้าพบว่าไม่สามารถติดต่อคุณได้ ผมจะรีบกลับมาทันที จะไม่ช่วยนัทธี ปล่อยให้นัทธีตายที่นั่น”

“คุณ……” ปาจรีย์ตกตะลึงกับคำพูดของเขา “คุณทำแบบนี้ได้ยังไงคะ?”

“ทำไมจะทำไม่ได้?” พงศกรขยับเข้าไปใกล้เธอ “นัทธีกับผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ทำไมผมจะปล่อยให้เขาตายที่นั่นไม่ได้”

“เขาเป็นสามีของวารุณีนะคะ” ปาจรีย์พูด

พงศกรโบกมือ “แล้วยังไง วารุณีคือวารุณี นัทธีคือนัทธี วารุณีเป็นเพื่อนของผม แต่นัทธีไม่ได้เป็นเพื่อนของผม”

“ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่ว่า……”

“ไม่มีแต่!” พงศกรหลี่ตาลงมองไปที่เธอ “ปาจรีย์ อย่าคิดจะเสี่ยง ที่พูดไปผมได้ทุกอย่าง”

“คุณ……”

พงศกรวางมือไว้บนศีรษะของเธอ แล้วพูดขัดเธออีกครั้ง “ดังนั้นคุณต้องเป็นเด็กดี หลังจากผมไปก็อยู่ที่โรงพยาบาล เลี้ยงลูกให้ดี อย่าจากไปไหน ไม่อย่างนั้นผมจะกลับมา ถ้าหากสุดท้ายนัทธีบาดเจ็บขึ้นมาจริงๆ ทั้งยังไม่ได้รับการรักษาจากหมอที่ดี คุณจะสบายใจไหม?”

ปาจรีย์กัดริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไร

สบายใจไหม?

แน่นอนว่าไม่

เธอเคยคิดมาก่อน หลังจากพงศกรไป เธอกับพ่อแม่ จะรีบไปจากที่นี่

แต่ตอนนี้พงศกรกลับทำลายทางหนีทีไร่ของเธอ บอกว่าถ้าเธอไปจากที่นี่ เขาจะไม่สนใจนัทธี ปล่อยให้นัทธีตาย

ถ้าถึงเวลานัทธีไม่บาดเจ็บ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แต่ถ้าหากบาดเจ็บขึ้นมา แล้วไม่มีหมอ ถ้าอย่างนั้นนัทธีต้องเดือดร้อนแน่ๆ

ถ้าสุดท้าย นัทธีตายจริงๆ เธอก็จะทำผิดต่อวารุณี ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการโทษตัวเองและรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

และนี้ คือเรื่องที่เธอไม่กล้าเดิมพัน

ดังนั้นเธอ ไปจากที่นี่ไม่ได้จริงๆ ทำได้แค่อยู่ที่นี่เหรอ?

ปาจรีย์เม้มกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกเจ็บใจมาก

แต่ถึงจะเจ็บใจ เธอก็ทำอะไรไม่ได้ เธอไม่สามารถทำร้ายประธานนัทธี ทำร้ายวารุณี

เมื่อคิดได้แบบนี้ ปาจรีย์หลับตาลง พูดด้วยความขมขื่น:”เข้าใจแล้วค่ะ คุณวางใจเถอะ ฉันจะไม่ไปไหน”

พงศกรรู้ดีว่าคำข่มขู่ของตนเมื่อครู่ ทำให้เธอเสียใจ

แต่ว่าทำอะไรได้ล่ะ เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้ มีแค่ทำแบบนี้ เธอถึงจะอยู่ต่ออย่างเชื่อฟัง

“เป็นเด็กดีนะครับ” พงศกรยื่นมือออกไป โอบกอดเธอเอาไว้

ปาจรีย์เบิกตากว้าง ตัวของเธอนิ่งงัน เห็นชัดว่าอยู่เหนือความคาดหมาย เขากอดเธอเนี่ยนะ

และเธอ ไม่ชินกับอ้อมกอดของเขา ดังนั้นเวลานี้เธอจึงไม่กล้าขยับ ทำให้การกอดที่เดิมทีดูอบอุ่น แปรเปลี่ยนเป็นพิลึกเล็กน้อย

พงศกรก็ไม่ได้มีท่าทีจะให้ปาจรีย์ผ่อนคลาย เขารู้ดี เธอไม่ชิน

ดังนั้นต้องค่อยๆ

ต่อไปนี้ เขาจะทำให้เธอชิน

“ปาจรีย์” พงศกรก้มหน้าลง แล้วร้องเรียกหญิงสาวในอ้อมกอดขึ้นมากะทันหัน

ปาจรีย์เงยหน้าขึ้นด้วยความมึนงง มองไปที่เขา “มีอะ……ไรคะ?”

พงศกรจัดผมให้เธอ “ผมรู้ ในอดีตผมทำให้คุณเสียใจ แต่หลังจากนี้ผมจะไม่ทำแล้ว”

ปาจรีย์เบิกตากว้าง “คุณ……คุณหมายความว่าอะไร?”

พงศกรไม่ได้ตอบซึ่งหน้า “หลังจากนี้คุณก็จะรู้ ทุกอย่างรอผมกลับมาค่อยว่ากัน หลังจากผมกลับมา ผมจะคุยกับคุณดีๆ ผมจะบอกคุณ ถึงมุมมองของผมที่มีต่อคุณ มีต่อตระกูลจิรดำรงค์ในตอนนี้ อื้ม ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณนอนก่อนเถอะ ผมไม่รบกวนคุณแล้ว”

พูดจบ เขาปล่อยเธอ แล้วเดินเป๋ไปที่ประตู

ปาจรีย์มองแผ่นหลังของเขา หัวใจของเธอเต้นเร็วราวกับจะกระดอนออกมาจากลำคอ

เขา……หมายความว่าอะไรกันแน่?

อะไรคือการที่บอกว่าในอดีตทำให้เธอเสียใจ หลังจากนี้จะไม่ทำแล้ว?

อะไรคือการบอกว่าจะคุยกับเธอถึงมุมมองของเขาในตอนนี้ที่มีต่อเธอและตระกูลจิตดำรงค์?

เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?

ปาจรีย์กำหมัดแน่น รู้สึกไม่ยุติธรรมอย่างมาก

บางทีเธออาจจะเดาได้แล้วว่าเขาคิดจะทำอะไร แต่ว่าใจของเธอไม่อยากยอมรับ ดังนั้นครั้งนี้ จึงไม่เข้าใจ

สองสามวันต่อจากนั้น ปาจรีย์ก็เจอพงศกรน้อยมาก

น่าจะบอกว่า เธอจงใจไม่เจอพงศกร จงใจหลบหน้าพงศกร

เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล สามารถใช้ข้ออ้างนี้ในการไม่ไปหาพงศกรได้

พงศกรก็ดูเหมือนจะรู้ว่าเธอคิดอะไร แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้มาหาเธอ ทั้งยังไม่ได้ถามเธอด้วยว่าทำไมต้องหลบหน้าเขา

สองครั้งที่ทั้งคู่เจอกัน คือตอนเดินเล่นในสวน

แต่ถึงแม้จะเจอหน้ากัน แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ปาจรีย์ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้อย่างไร ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับผู้ชายคนนี้

เพราะหลังจากที่เธอรู้จากผู้ชายคนนี้และวารุณี ว่าผู้ชายคนนี้อาจจะคิดแบบนั้นกับเธอ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร

การหลบหนี จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

แต่การที่พงศกรไม่มาเจอปาจรีย์และไม่พูดคุยกับเธอ ไม่ใช่เพราะหลบหน้า แต่อยากให้เวลาปาจรีย์หน่อย

เขารู้ คำพูดในห้องผู้ป่วยวันนั้น ข้อความชัดเจนมาก

ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดให้ละเอียดว่าสิ่งที่เขาพูดหมายความว่าอะไร แต่เขาเชื่อว่า หลังจากปาจรีย์ได้ยินเขากับนิรุตติ์คุยกัน ก็พอจะเดาอะไรบางอย่างได้บ้างแล้ว

ดังนั้นเขาเข้าใจ ตอนนี้จิตใจของเธอต้องว้าวุ่นมาก ไม่สงบอย่างมาก

ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เขาก็จะไม่โผล่ไปให้เธอเห็นแล้วตกใจ ทำให้จิตใจของเธอว้าวุ่นยิ่งกว่าเดิม

เขาเคยบอกแล้วว่า หลังจากกลับมาที่นี่ใหม่อีกครั้ง เขาจะพูดกับเธอ พูดทุกอย่าง

ในเมื่อเป็นแบบนี้ เวลาเหล่านี้ ให้เธอทำใจเป็นครั้งสุดท้าย

“ปาจรีย์” วันนี้ ปาจรีย์กำลังดูโทรทัศน์อยู่ในห้องผู้ป่วย กำลังดูการ์ตูน

ตอนที่เห็นแมวจับหนูไม่ได้ แล้วยังถูกหนูแสดงละครตบตา เธอหัวเราะอย่างมีความสุข

คุณแม่ปารวีเปิดประตูห้องผู้ป่วยแล้วเห็นลูกยิ้มแบบนั้น จึงยิ้มตามลูกสาว “กำลังดูอะไรอยู่จ๊ะ?”