บทที่ 963 อริยะมหามรรคนับล้าน ศึกสะท้านโลกา

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 963 อริยะมหามรรคนับล้าน ศึกสะท้านโลกา

ดวงจิตมหามรรครายหนึ่งเดินเข้าไปหาเทวีตราวินัย ถ่ายทอดเสียงหานางว่า “เทวี ระวังด้วย มีคนทรยศปรากฏตัวขึ้นแล้ว อย่าอัญเชิญมาเพิ่มเลย”

เทวีตราวินัยไม่ตอบ ยังพูดคุยกับเหล่าผู้ทรงพลังจากอนาคตต่อไป เหล่าดวงจิตมหามรรคก็ไม่สะดวกจะเอ่ยปากด้วยเกรงว่าจะกระทบต่อขวัญกำลังใจ

อี๋เทียนเดินเข้ามาหาหานทั่ว เอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “ดูเหมือนอริยะสวรรค์เกรียงไกรจะยังมีอิทธิพลต่อทายาทรุ่นหลังมากยิ่ง นี่หมายความว่าครั้งนี้ก็ยากจะสังหารเขาได้กระมัง”

สีหน้าหานทั่วหมองคล้ำลง

ไม่ทราบเช่นกันว่าหานฮวงคิดอะไรอยู่

เจียงเจวี๋ยซื่อเอ่ยว่า “ก็ไม่แน่ อาจเป็นเพราะดับสูญไปแล้วชนรุ่นหลังอยากฝังกลบเรื่องนี้ ย่อมบรรยายถึงอาจารย์ในแง่ดี”

อี๋เทียนรู้สึกว่ามีเหตุผล

ในเวลานี้เอง ในตาข่ายอำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาลยังคงมีเงาร่างปรากฏตัวขึ้นเรื่อยๆ ระดับอ่อนแอที่สุดคืออริยะมหามรรค

ยิ่งมีอริยะมหามรรคเพิ่มมากขึ้นเท่าไร เหล่าผู้ทรงพลังจากอนาคตก็ยิ่งตระหนักได้แล้วว่าศัตรูในครั้งนี้แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งขนาดที่ผู้ทรงพลังมากมายขนาดนี้ร่วมมือกันก็ยังไม่เพียงพอ

ชั่วขณะนั้น ห้วงอวกาศใต้อำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาลตกอยู่ในความเงียบสงัด

ผู้ทรงพลังจากอนาคตที่เพิ่งมาถึงใหม่รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียด ไม่กล้าเอ่ยถามเช่นกัน ได้แต่ไปถามเอากับตัวเองในอดีต

ในไม่ช้า จำนวนอริยะมหามรรคที่อยู่ที่นี่ก็ทะลุสองหมื่นรายแล้ว แต่ยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สามหมื่น!

สี่หมื่น!

ห้าหมื่น!

เมื่อจำนวนทะลุถึงหลักนี้ อริยะมหามรรคที่อยู่ในฉากนี้ไม่ตื่นเต้นอีกต่อไป ในใจเหลืออยู่เพียงความหวั่นวิตก

ศัตรูที่อริยะมหามรรคห้าหมื่นรายยังสู้ไม่ไหวเช่นนั้นจะแข็งแกร่งระดับใดกัน

ต้องบาดเจ็บล้มตายกันสาหัสแน่นอน!

ไม่มีผู้ใดกล้ารบกวนเทวีตราวินัย พวกเขาเชื่อว่าเทวีตราวินัยคำนวณมาแล้ว

เทวีตราวินัยยังคงอัญเชิญต่อก็แปลว่ายังไม่เพียงพอ

เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ

เจียงเจวี๋ยซื่อจากอนาคตเดินมาหยุดข้างกายเจียงเจวี๋ยซื่อ ทั้งสองถ่ายทอดเสียงพูดคุยกัน สีหน้าเจียงเจวี๋ยซื่อแปรเปลี่ยนเล็กน้อย

เจียงเจวี๋ยซื่อหันไปมองตัวเขาจากอนาคต พบว่าตัวเขาจากอนาคตค่อนข้างแตกต่างออกไป

แต่ถ้าถามว่าแตกต่างที่ตรงไหนเขาก็บอกไม่ถูกเช่นกัน

หานฮวงจ้องมองเจียงเจวี๋ยซื่อจากอนาคต สายตาเย็นชาอย่างยิ่ง

เจียงเจวี๋ยซื่อจากอนาคตส่งยิ้มให้หานฮวงเล็กน้อย

จู่ๆ อี๋เทียนก็ถามขึ้นว่า “เหตุใดอนาคตของเจ้าจึงมีเพียงคนเดียว”

อนาคตของหานฮวงมีสามคน อนาคตของหานทั่วยิ่งมีถึงสิบกว่าคน

เจียงเจวี๋ยซื่อผงะไป ไม่ทราบว่าควรจะตอบอย่างไร

เจียงเจวี๋ยซื่อจากอนาคตเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อนาคตของเขามีมากมายนัก แต่ล้วนถูกข้าปิดกั้นออกไป”

ปิดกั้นหรือ

หานทั่ว หานฮวง อี๋เทียนรวมถึงเทวทัณฑ์คนอื่นที่ยื่นอยู่ใกล้ๆ ล้วนตะลึงงัน

มีวิธีเช่นนี้ด้วยหรือ

เจียงเจวี๋ยซื่อจากอนาคตแย้มยิ้มเอ่ยไปว่า “เอาล่ะ รอดูสถานการณ์ต่อไปเถอะ อีกเดี๋ยวจะมีละครดีๆ ให้ได้ชม”

อี๋เทียนจ้องมองเขา กระซิบถาม “คงมิใช่ว่าเจ้าก็ทรยศด้วยกระมัง”

เจียงเจวี๋ยซื่อจากอนาคตส่ายหน้าหลุดหัวเราะออกมา

เจียงเจวี๋ยซื่อตัวจริงขมวดคิ้วแน่น ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

….

ภายในอาณาเขตปฐมภพ ร่างแยกหานเจวี๋ยยังคงรออยู่

“เทวีตราวินัยช่างมีความอดทนมากจริงๆ”

หานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง จำนวนอริยะมหามรรคทะลุหนึ่งแสนรายแล้ว ยอดมหามรรคที่รวมอยู่ในนั้นก็ทะลุไปหลายพันรายแล้ว เทวีตราวินัยยังคงอัญเชิญอยู่

เฮ้อ!

เนื้อเรื่องไม่ถูกต้องแล้ว

หากเป็นไปตามนิยายที่หานเจวี๋ยเคยอ่านในชาติก่อน เพราะศัตรูล้วนประเมินตัวเองต่ำไปถึงต้องพบกับความตาย หากพิจารณาจากศัตรูในอดีตของหานเจวี๋ย ทุกคนล้วนมีไพ่ตายเก็บไว้ทั้งสิ้น ไม่เคยประเมินเขาต่ำเกินไปเลย แต่ก็ยังประเมินไว้ไม่สูงพอ

เหตุผลที่ประเมินไม่สูงพอก็เป็นเพราะหานเจวี๋ยเก็บตัวเกินไป

หานเจวี๋ยจึงไม่ร้อนรนเลย

ถึงอย่างไรเขาก็เคยวิวัฒนาการถึงจุดจบของศึกนี้ไปแล้ว จึงมั่นใจอย่างยิ่ง

ภายในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม

หานเจวี๋ยเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ เป้าหมายที่ท้าสู้คือดวงจิตบรรพกาล ก่อนหน้านี้ตอนที่ต่อสู้กับดวงจิตบรรพกาล เขาแอบคัดลอกข้อมูลไว้

หลายวันต่อมา

หานเจวี๋ยมีความมั่นใจเต็มที่

เทวีตราวินัย เจ้าอัญเชิญต่อไปได้เลย!

หากเชิญมาได้ไม่ถึงหลักล้าน ข้าจะดูแคลนเจ้านัก!

….

สิบปีต่อมา

ในที่สุดตาข่ายอำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาลก็ปิดตัวลง เทวีตราวินัยหันไปมองเงาร่างของผู้ทรงพลังนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบข้าง เมื่อกลิ่นอายอยู่รวมกันแล้วยิ่งใหญ่เหลือคณา

เทวีตราวินัยเอ่ยว่า “ทุกท่าน ตอนนี้พวกเรากำลังจะเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาแข็งแกร่งเหลือเกิน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนับว่าเป็นรายแรก แต่ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าจะรวมถึงในอนาคตด้วยหรือไม่ ข้าไม่ต้องการให้ทุกท่านเผชิญเหตุไม่คาดฝันก่อนกำหนด ดังนั้นจึงอัญเชิญกองกำลังมาให้มากพอสำหรับโจมตีสะกดข่มเขา!

“ไม่สิ ต้องบอกว่าเพียงพอสำหรับโจมตีศัตรูตัวฉกาจทั้งหมดได้!”

นางพูดเบายิ่ง แต่ความฮึกเหิมพลันโหมกระพือขึ้นมาในทรวงอกของอริยะมหามรรคที่มีจำนวนเกินล้านไปแล้ว

ทอดสายตามองไปทั่วหล้า ฉากอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่มีทางปรากฏขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง!

“ดวงจิตมหามรรคจะคอยนำทางให้ มุ่งหน้าไปยังอาณาเขตปฐมภพ สังหารปราบปรามอริยะสวรรค์เกรียงไกร ขจัดภัยเพื่ออนาคตของมรรคาสวรรค์!”

เทวีตราวินัยโบกมือพลางเอ่ยวาจา พอสิ้นเสียง เหล่าอริยะมหามรรคนับล้านก็ระเบิดกลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นออกมา เหาะมุ่งไปยังอาณาเขตปฐมภพโดยมีดวงจิตมหามรรคของยุคนี้คอยนำทางให้

“อริยะสวรรค์เกรียงไกร ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้เผชิญหน้ากับตัวตนในตำนานคนนี้”

“ในยุคที่ข้าอยู่ก็มีตำนานของอริยะสวรรค์เกรียงไกรเช่นกัน ไร้พ่ายโดยแท้”

“ไม่เป็นไร มีผู้ทรงพลังร่วมมือกันมากขนาดนี้ อย่าว่าแต่อริยะสวรรค์เกรียงไกรคนเดียวเลย ต่อให้มีร้อยคนก็ต้องตาย!”

“ฮ่าๆๆ ศึกนี้ต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์แน่”

“บางทีนี่อาจกลายเป็นประวัติศาสตร์แล้ว เพียงแต่พวกเราไม่เคยทราบก็เท่านั้น”

….

กลิ่นอายของอริยะมหามรรคนับล้านน่ากลัวถึงเพียงใดกันเล่า ทำให้ทั่วทั้งฟ้าบุพกาลแตกตื่นได้

มีผู้บำเพ็ญมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตปฐมภพเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีตบะอย่างต่ำก็ขั้นอริยะเสรี ผู้ที่มีตบะต่ำกว่านั้นไม่กล้าไป ต่อให้ชิงชังอริยะสวรรค์เกรียงไกรเพียงใดก็ไม่โง่พอจะไปรนหาที่ตาย

ความเร็วของพวกเขารวดเร็วยิ่ง ด้วยความช่วยเหลือจากเหล่ายอดมหามรรคมากมาย ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูปก็มาถึงหน้าอาณาเขตปฐมภพแล้ว เข้าปิดล้อมอาณาเขตปฐมภพไว้

หานเจวี๋ยค่อยๆ ลุกขึ้นมา ร่างจำลองเทพมารร่างแล้วร่างเล่าผุดขึ้นเหนือหัว แต่ละร่างสูงใหญ่ไพศาล พอรวมตัวกันเข้าอาณาเขตปฐมภพก็บรรจุพวกเขาไม่พอแล้ว

หานเจวี๋ยทอดสายตามองออกไป เห็นคนคุ้นหน้าไม่น้อยเลย

บุตรชายทั้งสองอยู่กันพร้อมหน้า ยังมีเหล่าศิษย์ด้วย

เรื่องที่ควรค่าให้กล่าวถึงคือไม่เห็นพวกเต้าจื้อจุนทั้งสามเลย เด็กสามคนนี้บรรลุมหามรรคหมดแล้วชัดๆ ซ้ำยังมีความเกลียดชังในตัวเขาเต็มเปี่ยม แต่ไม่เคยมาทวงหนี้แค้นกับเขาเลย

คาดว่าคงจะถูกทุบตีอยู่ที่ไหนสักแห่งกระมัง

สามารถทำให้อริยะมหามรรคถูกกักขังและถูกรุมทุบตีได้ ต้องเป็นดินแดนที่ร้ายกาจมากแน่นอน

หานเจวี๋ยเพียงคิดไปเรื่อยเท่านั้น ความสนใจยังคงจดจ่ออยู่กับเรื่องตรงหน้า

“อริยะสวรรค์เกรียงไกร ยอมแพ้แต่โดยดีเถอะ!”

ดวงจิตมหามรรครายหนึ่งตะโกนด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว อริยะมหามรรคนับล้านระเบิดไอสังหารออกมา พุ่งเป้าไปที่หานเจวี๋ย

ห้วงอวกาศบริเวณนั้นพังทลายลงทันที แตกไปทีละชั้นๆ ราวกับแผ่นกระจก ชั่วพริบตาเดียวก็เหลืออยู่เพียงแต่ห้วงอวกาศดั้งเดิม

อาณาเขตปฐมภพก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เช่นกัน!

ศึกใหญ่สะท้านโลกากำลังจะอุบัติขึ้น!

หานเจวี๋ยมองเหล่าอริยะมหามรรคนับล้าน ก่อนบ่นในใจ ‘อยากให้เจ้าเรียกมาให้ถึงหลักล้าน เจ้าก็เรียกมาได้จริงๆ!’

ต้องกล่าวเลยว่าเทวีตราวินัยยังคงมีฝีมือมากจริงๆ

แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มากพอ!

“พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ เข้ามารับความตายเถิด!”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเผด็จการ ร่างจำลองเทพมารฟ้าบุพกาลสามพันตนรวมตัวเสร็จสิ้น ยืนอยู่ด้านหลังหานเจวี๋ยแบบหันหลังชนกัน คำรามใส่ทุกทิศทาง สั่นสะเทือนห้วงอวกาศดั้งเดิม

“สังหาร!”

ยอดมหามรรคเกราะทองคนหนึ่งออกโรงก่อน ถือง้าวยาวที่มีแสงเทพส่องเจิดจ้าไปนับหมื่นจั้งพุ่งเข้ามาโจมตีหานเจวี๋ย ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว ผู้ทรงพลังหลายหมื่นคนก็โจมตีเข้ามาเช่นกัน

มหามรรคนับล้านคนสำแดงพลังวิเศษออกมาเต็มที่ เริ่มจากผนึกห้วงอากาศว่างเปล่านี้ก่อน เลี่ยงไม่ให้หานเจวี๋ยหลบหนีไปได้

พลังวิเศษมหัศจรรย์ทรงอำนาจสารพัดโจมตีใส่หานเจวี๋ย วินาทีนั้น หานเจวี๋ยมองเห็นภาพมายานับไม่ถ้วน ราวกับหมื่นโลกาหมุนวนเข้ามาในทันใด

ลูกไม้ตื้นๆ!

นัยน์ตาสีแดงฉานของหานเจวี๋ยฉายแสงเจิดจ้าออกมา สลายพลังวิเศษมายานับไม่ถ้วนทิ้งทันที

………………………………………………………………