บทที่ 964 เข้ามาพร้อมกันให้หมด!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 964 เข้ามาพร้อมกันให้หมด!

ร่างจำลองเทพมารสามพันร่างพุ่งออกในทิศทางต่างๆ เลิศล้ำอหังการ กวาดพัดอริยะมหามรรคนับไม่ถ้วน พลังแห่งมหามรรคสามพันวิถีสำแดงออกมาอย่างพร้อมเพรียง คำรามก้องสนามรบ

ฟ้าร้องดังสนั่น แม่น้ำมรรคาทอดผ่าน พฤกษาสูงใหญ่ไพศาลปรากฏขึ้นกลางนภา กิ่งก้านแผ่ออกไปทั่วสนามรบ ดวงดาววิวัฒนาการกลายเป็นอุกกาบาตพุ่งโจมตีอริยะมหามรรคทั่วทุกมุมในสนามรบ มหามรรคยิ่งแปรผัน บังเกิดฉากตระการตา ส่องสะท้อนอดีตและปัจจุบัน

หานเจวี๋ยเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ตราปฐมยุคประทับนภาพุ่งกระแทกอริยะมหามรรครายแล้วรายเล่า

ล้วนถูกสังหารในเสี้ยววินาที!

หานเจวี๋ยไม่ออมมือเลย ลงมือเต็มที่!

ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้!

ศึกเพิ่งเริ่มไม่ถึงสามลมหายใจ มีอริยะมหามรรคดับสูญไปแล้วกว่าห้าร้อยราย ร่างสิ้นวิญญาณสลาย

หากว่าพวกเขาเตรียมแผนสำรองไว้ ย่อมฟื้นคืนชีพได้เอง แต่หากว่าไม่ได้เตรียมไว้ เช่นนั้นก็จะสูญสลายดั่งหมอกควัน พลังมรรคกลายเป็นความว่างเปล่า

แรงโจมตีอันยิ่งใหญ่ทรงพลังของอริยะสวรรค์เกรียงไกรสั่นคลอนขวัญกำลังใจของทั้งฟ้าบุพกาล!

นี่เพิ่งเปิดศึกเท่านั้น!

ร่างจำลองเทพมารทั้งสามพันพัวพันผู้ทรงพลังฟ้าบุพกาลได้กว่าครึ่ง ส่วนตัวหานเจวี๋ยก็บุกตะลุยดุเดือด เหล่าอริยะมหามรรคที่อยู่รอบนอกตื่นตระหนกแล้ว

“เป็นไปได้อย่างไร! เหตุใดเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้”

“อริยะมหามรรคเป็นอมตะมิวางวายไม่ใช่หรือ”

“ในฟ้าบุพกาลนับว่าเป็นอมตะจริงๆ แต่อริยะสวรรค์เกรียงไกรผู้นั้นก้าวข้ามฟ้าบุพกาลไปแล้ว!”

“ไม่แปลกเลยที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้ทรงพลังยุคอนาคตมากมายขนาดนี้”

“ไปเถอะ ทุ่มความสามารถทั้งหมดออกมา หากศึกนี้ย่อยยับ พวกเราก็ไม่เหลืออนาคตแล้ว!”

….

หานเจวี๋ยไม่สนใจความคิดของอริยะมหามรรคเหล่านั้น เมื่อเขาเกิดจิตสังหารแล้วย่อมควบคุมไม่ได้แน่นอน!

เขาสำแดงพลังห้วงมิติอย่างต่อเนื่อง เคลื่อนย้ายไปทั่ว ตราปฐมยุคประทับนภากระแทกใส่ร่างศัตรู ศัตรูทุกคนที่ถูกตราปฐมยุคประทับนภากระแทกใส่ล้วนสลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิวไป ทรงพลังน่าหวาดหวั่นนัก

หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาชะงักไปเล็กน้อย

เนื่องจากศัตรูคือจอมเทพข่งเซวี่ย!

‘คนผู้นี้…’

แววตาหานเจวี๋ยวูบไหว ตราปฐมยุคประทับนภาโถมลงไป ทำลายกายเนื้อของจอมเทพข่งเซวี่ย จงใจเปิดโอกาสเล็กน้อยให้วิญญาณของจอมเทพข่งเซวี่ยเล็ดรอดไป

จอมเทพข่งเซวี่ยก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

“อริยะสวรรค์เกรียงไกร เจ้าคอยข้าก่อนเถอะ!”

จอมเทพข่งเซวี่ยตะโกนด้วยน้ำเสียงขุ่นขึ้ง หานเจวี๋ยไม่แยแสเลย

หากมิใช่เพราะในกองทัพศัตรูมีคนของตนอยู่ด้วย เขาคงใช้วิชาผสานร่างจำลองกวาดล้างศัตรูทั้งหมดในห้วงอวกาศไปนานแล้ว

หานเจวี๋ยบุกสังหารต่อไป

ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นมีเงาร่างหนึ่งที่ผิดปกติไป ทางวงนอกของกองทัพมีบุรุษชุดขาวพาดลายมังกรแดงคนหนึ่งกำลังบุกสังหารฝ่าเข้ามา ลงมือโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง สังหารอริยะมหามรรคไปหลายรายแล้ว ก่อให้เกิดการปิดล้อมโจมตี

หานเจวี๋ยต่อสู้ไปพลาง สังเกตการณ์ไปพลาง

เขารับรู้ได้ถึงความเกี่ยวข้องทางสายเลือด

หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นเชื้อสายของเขาที่มาจากอนาคต

มีความเป็นไปได้สูง!

ร่างจริงของหานเจวี๋ยที่อยู่ไกลออกไปในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามเริ่มทำนายแล้ว

เขาพบว่าเด็กคนนี้เป็นทายาทรุ่นหลังของเขากับลี่เหยา แต่ไม่ได้อยู่สามรุ่นแรก

หานเจวี๋ยค่อนข้างชื่นชมนัก ไม่คิดเลยว่าเชื้อสายในอนาคตจะยังมีคนที่ยอมเสี่ยงอันตรายตายเก้ารอดหนึ่งมาช่วยเหลือเขา

“เจ้ามีนามว่าอะไร”

หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงหาหานเหยา

“ขณะนี้ลูกหลานยังไม่อาจเผยนามได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถ่วงรั้งบ่วงกรรม”

หานเหยาตอบกลับมา

หานเจวี๋ยทำนายได้แค่ว่ามีความเกี่ยวพันทางสายเลือด แต่ทำนายถึงนามและประวัติความเป็นมาของเขาไม่ได้

‘น่าสนใจ’

หานเจวี๋ยยิ้มออกมา ไม่ถามต่ออีก

ความทรงพลังของหานเจวี๋ยทำให้อริยะมหามรรคหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่การแปรพักตร์อย่างกะทันหันของหานเหยากลายเป็นช่องทางระบายความกลัวของพวกเขา

มีอริยะมหามรรคมุ่งหน้าเข้าไปหาหานเหยามากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเผชิญการปิดล้อมจากอริยะมหามรรคหลายสิบราย ทว่าหานเหยากลับผ่อนคลายยิ่ง เขาสำแดงฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรออกมาอย่างต่อเนื่อง อาศัยเพียงพลังวิเศษนี้อย่างเดียวก็อยู่ในจุดที่ไร้พ่ายแล้ว

ทว่าเหตุการณ์ดีๆ นั้นหาจีรังไม่!

ฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรสายหนึ่งที่แกร่งกล้ากว่าโจมตีเข้ามา ทำให้หานเหยาตกใจถอยหลบไป

หานเหยาเพ่งมองออกไป เห็นเพียงว่าหานฮวงเหยียบมังกรม่วงที่ควบรวมขึ้นจากปราณอนธการมุ่งหน้าเข้ามา สีหน้าเปี่ยมด้วยไอสังหาร ราวกับจอมมารแห่งฟ้าบุพกาลที่เลิศล้ำเหนือโลกา

“บรรพชนหานฮวง…”

สีหน้าของหานเหยาตึงเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขายกสองแขนขึ้น รัศมีทรงพลังน่าหวาดหวั่นระเบิดออกมา ร่างจำลองสีม่วงร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากร่างเขา มีสามเศียรสิบกร เรือนผมยาวปลิวสะบัด มองเห็นหน้าตาเพียงเลือนราง

หานฮวงกล่าวว่า “ไม่คิดเลยว่าจะได้พบพวกเดียวกัน!”

เจียงเจวี๋ยซื่อและห้าเทวทัณฑ์ที่ตามเขามา พอได้ยินคำพูดของหานฮวงต่างก็ลอบประหลาดใจ

พวกเดียวกันหมายความว่าอย่างไร

หานเหยาส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “ท่านชมเกินไปแล้ว ข้ายังห่างชั้นอีกไกลนัก แต่ข้าก็อยากจะท้าประลองกับท่านมานานแล้ว!”

เขายิ้มออกมาในทันใด เป็นรอยยิ้มที่บ้าคลั่งสุดขีด แตกต่างจากความสุขุมก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

เขาโจมตีใส่หานฮวงอย่างรุนแรง หานฮวงไม่กริ่งเกรงเลย ศึกระหว่างทายาทและบรรพชนอุบัติขึ้น ฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรเปลี่ยนเป็นกระบวนท่าทั่วไป หานเหยาโจมตีอย่างบ้าคลั่งร่างจำลองสีม่วงที่อยู่เหนือร่างเขาเองก็เช่นกัน พลังวิเศษสารพัดถูกงัดออกมาใช้ ในรัศมีร้อยล้านลี้ไม่มีอริยะมหามรรคคนใดกล้าเข้าใกล้เลย ต่างพากันถอยห่าง

สองมือของหานฮวงกุมพลังแห่งอนธการไว้ ดูราวกับทวนยาวสีม่วงสองเล่ม ยามที่ตวัดฟันพลังเวทดูราวกับมังกรที่อาละวาดดุดัน

อีกด้านหนึ่ง หานเจวี๋ยกวาดล้างอริยะมหามรรคไปนับหมื่นแล้ว ยอดผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“โอหัง!”

เสียงตวาดกร้าวแว่วเข้ามา หานเจวี๋ยรับรู้ได้ว่ามีพลังที่แกร่งกล้าอย่างยิ่งสายหนึ่งโจมตีเข้ามา ไร้รูปไร้สี หมายโจมตีเข้าที่วิญญาณของเขา

ตราปฐมยุคประทับนภาของหานเจวี๋ยพลันปรากฏขึ้นด้านหลังเขา แสงสีแดงส่องวาบ เงาร่างหนึ่งถูกกักขังไว้ด้านใน เป็นนักพรตเต๋าชราคนหนึ่ง สีหน้าหวาดผวายิ่ง

“เป็นไปได้อย่างไร! พลังวิเศษของข้า…”

นักพรตเต๋าชราตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว พูดยังไม่ทันจบก็ถูกพลังของปฐมยุคประทับนภาบดขยี้แล้ว

พลังวิเศษของเขาคล้ายคลึงกับทักษะอันธการของมหาอริยะสวีหุน เลิศล้ำจริงๆ สามารถสังหารศัตรูในระดับเดียวกันได้ง่ายดายยิ่ง

แต่น่าเสียดาย ศัตรูที่เขาต้องเผชิญคือหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยหันไปกวาดตามองเงาร่างผู้ทรงพลังที่หลั่งไหลเข้ามาจากทั่วสารทิศอย่างไร้ที่สิ้นสุด เขาหัวเราะดังลั่นจากนั้นกล่าวว่า “เข้ามาพร้อมกันให้หมดเถอะ มิเช่นนั้นพวกเจ้าจะไม่มีแม้แต่เสี้ยวโอกาสในการเอาชนะ!”

เขาทะยานสูงขึ้นไปในทันใด ร่างจำลองเทพมารทั้งหมดก็พุ่งเข้ามาจากทิศทางต่างๆ หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว มุดหายเข้าไปในร่างเขา รัศมีของเขาเริ่มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

แรงกดดันอันน่าหวาดกลัวปกคลุมไปทั่วห้วงอวกาศดั้งเดิม แม้แต่หานฮวงและหานเหยาที่กำลังสู้กันอย่างดุเดือดก็ตกใจจนหยุดชะงัก มองไปที่หานเจวี๋ยด้วยสีหน้าราวกับไม่อยากเชื่อ

พวกเขารู้ดีว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่ง แต่รัศมีพลังนี้…

หลังจากผสานรวมกับร่างจำลองเทพมารสามพันร่างแล้ว รัศมีพลังของหานเจวี๋ยพุ่งถึงขีดสุด เขาสำแดงความแข็งแกร่งของตนออกมา สร้างความสั่นสะเทือนให้ทั่วฟ้าบุพกาล

มหามรรคสามพันวิถีสั่นไหวรุนแรง อำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาลแปรเปลี่ยนไป ห้วงมิติ ณ ชายขอบฟ้าบุพกาลสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง ราวกับบุปผาในคันฉ่องจันทราในวารีที่พร้อมจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ

ดินแดนขนาดใหญ่ โลกขนาดเล็ก อาณาเขตลับลวงรวมถึงห้วงมิตินับไม่ถ้วนล้วนรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นของหานเจวี๋ย

รวมถึงสรรพสิ่งมรรคาสวรรค์ด้วย!

สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลต่างรู้สึกเหมือนฟ้ากำลังจะถล่ม!

อริยะมหามรรคกว่าเก้าแสนรายต่างเงยหน้ามองหานเจวี๋ยที่ลอยสูงอยู่ด้านบน ต่างตกตะลึงทั้งสิ้น

กลิ่นอายนี้…

เป็นไปได้อย่างไร!

“เหตุใดถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้…”

ยอดมหามรรครายหนึ่งเอ่ยเสียงสั่น ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดยอดมหามรรคล้วนเป็นระดับสุดยอดทั้งสิ้น แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลังของหานเจวี๋ย เขารู้สึกเหมือนตนเป็นมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น

ความตื่นตระหนกเช่นนี้เป็นพลังโจมตีที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับยอดมหามรรค!

เนื่องจากพวกเขาคิดมาตลอดว่าตนยืนอยู่บนจุดสูงสุดของการบำเพ็ญแล้ว อย่างมากก็มีความแตกต่างกันด้านพลังเวทเท่านั้น!

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ย พวกเขารับรู้ได้ถึงความห่างชั้นที่ไม่ได้สัมผัสมานานแสนนาน นานจนพวกเขาหลงลืมไปแล้วว่าตนก็เป็นสิ่งมีชีวิตสามัญที่ปีนป่ายขึ้นมาถึงจุดสูงสุดเช่นทุกวันนี้!

………………………………………………………………