ตอนที่ 921 ให้ความสำคัญกับผู้เสียชีวิตเป็นหลัก

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 921 ให้ความสำคัญกับผู้เสียชีวิตเป็นหลัก

เหอตงอ๋องรู้เรื่องนี้ดี บุรุษทั่วใต้หล้าก็รู้ดีเช่นเดียวกัน มิเช่นนั้นเหตุใดบุรุษส่วนใหญ่จึงพยายามกดสตรีให้ด้อยกว่าตน แทบไม่มีตระกูลใดให้ความสำคัญกับสตรีเทียบเท่าบุรุษอย่างเช่นที่ตระกูลไป๋ทำแม้แต่ตระกูลเดียว

บุรุษคนใดจะยินยอมให้ตัวเองมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นกัน

เหอตงอ๋องรอวันที่ไป๋ชิงเหยียนจะปฏิรูปยกย่องฐานะของสตรีให้มีบทบาทในสังคมมากขึ้น เช่นนั้นเหล่าบัณฑิตจะต้องคัดค้าน ไป๋ชิงเหยียนต้องมีเรื่องให้ยุ่งยากใจแน่นอน

วันที่สิบเจ็ด เดือนหก รัชศกหยวนเหอปีที่หนึ่ง จักรพรรดินีแห่งต้าโจวนำศพขององค์หญิงใหญ่กลับมาเมืองหลวง หลู่เซียงนำบรรดาขุนนางออกมาต้อนรับ

พ่อค้าผู้มั่งคั่งเซียวหรงเหยี่ยนที่เดินทางมาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูเมืองหลวงเช่นเดียวกัน

ชาวบ้านถูกทหารกั้นให้ยืนอยู่สองข้างทางของถนน บนถนนอัดแน่นไปด้วยผู้คนจนไม่มีที่ว่าง

หยางอู่เช่อที่ยืนอยู่ในกลุ่มของแม่ทัพเหลือบมองเห็นเซียวหรงเหยี่ยนที่ถูกทหารกันให้ยืนอยู่ท่ามกลางชาวบ้าน

อาจเป็นเพราะรัศมีและใบหน้าของชายหนุ่มโดดเด่นมากเกินไป ไม่เพียงแต่หยางอู่เช่อเท่านั้น ขุนนางที่เคยเห็นหน้าเซียวหรงเหยี่ยนก็สังเกตเห็นเขาเช่นเดียวกัน

ผู้อื่นไม่รู้ ทว่า หยางอู่เช่อรู้ดีว่าเซียวหรงเหยี่ยนคือคู่หมั้นของไป๋ชิงเหยียน เขาแอบไปพบไป๋ชิงเหยียนที่ค่ายทหารในคืนวันสิ้นปีจนถูกเขาและจ้าวเซิ่งจับได้ หยางอู่เช่อเพิ่งรู้ในภายหลังว่าเขาและจ้าวเซิ่งเข้าไปทำลายบรรยากาศระหว่างไป๋ชิงเหยียนและเซียวหรงเหยี่ยน

ไม่ว่าอย่างไรหยางอู่เช่อก็ดูออกว่าไป๋ชิงเหยียนให้ความสำคัญกับเซียวหรงเหยี่ยนมาก มิเช่นนั้นหญิงสาวคงไม่ทายาให้ชายหนุ่มด้วยตัวเองเช่นนั้น

หยางอู่เช่อแววตาเป็นประกาย ไม่แน่เซียวหรงเหยี่ยนผู้นี้อาจกลายเป็นสามีของไป๋ชิงเหยียนในวันข้างหน้า แม้พ่อค้าจะมีฐานะต่ำต้อย ทว่า แค่ใบหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนก็คงเป็นสามีผู้สูงศักดิ์ของไป๋ชิงเหยียนได้แล้ว! สามีผู้สูงศักดิ์…

หยางอู่เช่อรู้สึกว่าคำเรียกนี้ดูแปลกๆ ทว่า เขาไม่รู้จะหาคำใดที่เหมาะสมกว่านี้มาเรียกเซียวหรงเหยี่ยนแล้ว

เขาเดินไปด้านหน้าอย่างไม่คิดสิ่งใดมาก จากนั้นทำความเคารพเซียวหรงเหยี่ยนยิ้มๆ “เซียวเซียนเซิง!”

เซียวหรงเหยี่ยนที่ถูกเยว่สือและองครักษ์คุ้มกันอยู่ตรงกลางจนไม่โดนเบียดแม้แต่น้อยตะลึงไปชั่วครู่ เมื่อนึกได้ว่าคนผู้นี้คือแม่ทัพหยางอู่เช่อแห่งต้าเหลียงที่ยอมจำนนกับไป๋ชิงเหยียน ชายหนุ่มจึงยิ้มตอบ “แม่ทัพหยาง!”

หยางอู่เช่อตบบ่าของทหารผู้หนึ่งสื่อให้เขาปล่อยเซียวหรงเหยี่ยนเข้ามา

“ไม่รบกวนแม่ทัพหยางดีกว่าขอรับ ข้ายืนอยู่ตรงนี้ก็เหมือนกัน” เซียวหรงเหยี่ยนส่งยิ้มอ่อนโยนให้ราวกับคุณชายผู้สุขุม

สิ้นเสียงของเซียวหรงเหยี่ยน องครักษ์คนหนึ่งเดินเข้าไปกระซิบข้างหูของชายหนุ่ม สีหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นกำหมัดคารวะหยางอู่เช่อ “แม่ทัพหยาง ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการ ขอตัวก่อนนะขอรับ…”

“เซียวเซียนเซิงไม่รอพบฝ่าบาทหรือขอรับ” หยางอู่เช่อประหลาดใจ เรื่องใดจะสำคัญไปกว่าการพบหน้าไป๋ชิงเหยียนอีก

“วันหลังข้าจะไปขอขมาฝ่าบาทเองขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวจบก็จากไปพร้อมกับองครักษ์

หยางอู่เช่อยกมือขึ้นเกาศีรษะ จากนั้นเดินกลับไปยังกลุ่มแม่ทัพของตัวเองเพื่อรอต้อนรับไป๋ชิงเหยียน

ดวงตะวันโผล่ขึ้นทางทิศตะวันออก แสงอรุณค่อยๆ ปรากฏขึ้น ขบวนกองทัพที่ชูธงขบวนยาวราวกับมังกรเด่นชัดขึ้นท่ามกลางแสงแห่งรุ่งอรุณ

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกของชาวบ้านที่อยู่บนตึกสูง บรรดาหลู่เซียงก้าวไปด้านหน้าสองสามก้าว พวกเขามองเห็นไป๋ชิงเหยียนในชุดไว้ทุกข์ ผูกผ้าไว้ทุกข์สีขาวไว้ที่ศีรษะขี่ม้าศึกสีขาวนำอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน

ด้านหลังของหญิงสาวคือโลงศพไม้หนานมู่สีทองที่แกะสลักเป็นลายหงส์ขององค์หญิงใหญ่

เจี่ยงหมัวมัวในชุดไว้ทุกข์สีขาวพร้อมผ้าขาวโพกศีรษะนำบรรดาบ่าวรับใช้เดินไปด้านหน้าเช่นเดียวกัน

ฐานะของเจี่ยงหมัวมัวค่อนข้างพิเศษ นางคือหมัวมัวข้างกายขององค์หญิงใหญ่ซึ่งเป็นย่าของไป๋ชิงเหยียน อีกทั้งดูแลไป๋ชิงเหยียนมาตั้งแต่เล็ก เมื่อเจี่ยงหมัวมัวเดินมาถึง หลู่เซียงจึงสั่งให้คนพาเจี่ยงหมัวมัวและบ่าวรับใช้ไปอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน

พวกเขามาต้อนรับจักรพรรดินีแห่งต้าโจวก็จริง ทว่า บัดนี้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวนำศพของท่านย่านางกลับมาด้วย พวกเขาควรให้ความสำคัญกับผู้เสียชีวิตเป็นหลัก

หลู่เซียงมองดูเจี่ยงหมัวมัวที่เดินตามหลังไป๋จิ่นเซ่อไปพลางถอนหายใจออกมา เขายังติดค้างบุณคุณองค์หญิงใหญ่อยู่เรื่องหนึ่ง

ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเขาขอร้องให้เจี่ยงหมัวมัวไปขอร้ององค์หญิงใหญ่ หลู่จิ่นเสียนบุตรชายคนโตของหลู่เซียงคงไม่ได้ลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัยเช่นนี้ ฮูหยินของเขาเคยมอบปิ่นปักผมให้องค์หญิงใหญ่ต่อหน้าเขา กล่าวว่าหากวันหน้าองค์หญิงใหญ่มีเรื่องเดือดร้อน ตระกูลหลู่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่

องค์หญิงใหญ่รับปิ่นปักผมของฮูหยินเขาไป นางถามเขาว่ายินดีจะตอบแทนบุญคุณของนางหรือไม่ เขาตอบว่ายินดี ต่อมาหนทางในการเป็นขุนนางของหลู่เซียงประสบความสำเร็จและราบรื่นมาก หลู่เซียงรู้ดีว่าองค์หญิงใหญ่คอยช่วยเหลือเขาอยู่ไม่น้อย

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาองค์หญิงใหญ่ไม่เคยนำปิ่นปักผมเล่มนั้นมาขอความช่วยเหลือจากเขาเลยสักครั้ง แม้แต่ตอนที่ตระกูลไป๋เผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดในตอนนั้น

บัดนี้องค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว หลู่เซียงจะจดจำบุญคุณนี้ไว้ในใจ วันหน้าเขาจะตอบแทนบุญคุณให้ฝ่าบาทแทน

ไป๋จิ่นซิ่วขี่ม้าอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน เมื่อได้ยินรายงานขององครักษ์ลับที่อยู่ในเมืองหลวง หญิงสาวจึงควบม้าเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ อ๋องของเมืองต่างๆ ออกมาต้อนรับพี่หญิงใหญ่เช่นกันเจ้าค่ะ ช่วงที่พี่หญิงใหญ่ไม่อยู่ในเมืองหลวง อ๋องเหล่านั้นเห็นว่าพี่หญิงใหญ่ไม่ได้จัดการกับเชื้อพระวงศ์ที่อยู่ในเมืองหลวง พวกเขาจึงคิดจะอาศัยบารมีของท่านย่าเพื่อเข้าหาพี่หญิงใหญ่ พวกเขานำของขวัญไปมอบให้เจี่ยงหมัวมัวบ่อยครั้ง ของล้ำค่าราวกับภูเขาถูกส่งไปที่จวนไป๋ไม่หยุดหย่อน พวกเขากล่าวว่าต้องการไปคารวะท่านย่า ทว่า ท่านย่ายังไม่กลับมา เจี่ยงหมัวมัวจึงรับของเหล่านั้นไว้แทน บัดนี้เจี่ยงหมัวมัวสั่งให้คนนำของเหล่านั้นไปเก็บไว้ในคลังสมบัติของจวนทั้งหมดแล้วเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางเบื้องหน้า จากนั้นกล่าวต่อ “ผู้ใดจะคิดว่าท่านย่าจะด่วนจากไปเช่นนี้ บรรดาอ๋องเหล่านั้นเริ่มร้อนใจ เมื่อรับรู้ข่าวนี้อ๋องเหล่านั้นอยากไปจากเมืองหลวง ทว่า ไม่มีข้ออ้างที่ดีพอ เมื่อคืนพวกเขาไปรวมตัวกันที่จวนแห่งหนึ่งทางตะวันตกของเมือง คงกำลังปรึกษากันว่าจะรับมือกับพี่หญิงใหญ่เช่นไรเจ้าค่ะ”

ที่ตอนแรกไป๋ชิงเหยียนไม่จัดการกับเชื้อพระวงศ์เก่าของราชวงศ์ต้าจิ้นให้สิ้นซากไม่ใช่เพราะไป๋ชิงเหยียนเห็นแก่ที่พวกเขาตระกูลหลินเหมือนท่านย่าของนางจึงเห็นแก่ความสัมพันธ์นั้น

อีกทั้งไม่ใช่เพราะหญิงสาวต้องการควบคุมสถานการณ์ในราชสำนักให้มั่นคงอย่างที่บรรดาหลู่เซียงเข้าใจ

ที่หญิงสาวยังไม่ยอมลงมือกับเชื้อพระวงศ์เหล่านั้นเสียทีเป็นเพราะอ๋องทั้งห้าคนนี้ หญิงสาวกลัวว่าหากนางลงมืออย่างบุ่มบ่าม เมื่ออ๋องทั้งห้าเห็นเหตุการณ์จะเอาแต่หดหัวอยู่แต่ในเมืองของตัวเองไม่ยอมออกมา

แม้การโจมตีเมืองๆ หนึ่งจะไม่ใช่เรื่องยาก ทว่า ผู้ที่ได้รับความเสียหายล้วนเป็นชาวบ้าน ไป๋ชิงเหยียนอยากให้ต้าโจวสงบสุขโดยที่เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด

เป็นดังที่ไป๋ชิงเหยียนคิดจริงๆ เมื่อนางไม่ได้แตะต้องเชื้อพระวงศ์เก่าที่เตรียมมอบทรัพย์สมบัติของตัวเองทั้งหมดให้ไป๋ชิงเหยียนเพื่อแลกกับการมีชีวิตอยู่ต่อไป เมื่ออ๋องทั้งห้าเมืองทราบข่าวว่านางเดินทางไปช่วยเหลือองค์หญิงใหญ่ที่เมืองลั่วหง พวกเขาจึงเลิกวิตกกังวลและเตรียมตัวเดินทางมายังเมืองหลวง

ผู้ใดจะคิดว่ามาได้ไม่นานพวกเขาจะได้รับรายงานว่าองค์หญิงใหญ่เสียชีวิตแล้ว พวกเขาอยากจากไป ทว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นนั้น

เมื่ออ๋องไม่ได้อยู่ในเมืองของตัวเอง หญิงสาวจึงสั่งให้ทหารบุกไปล้อมเมืองของพวกเขาและโจมตีพวกเขาโดยไม่ทันตั้งตัว นี่คือสิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนต้องการ