บทที่ 935 ผู้ใดอยู่ข้างนอก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 935 ผู้ใดอยู่ข้างนอก

บทที่ 935 ผู้ใดอยู่ข้างนอก

กู้เสี่ยวหวานถือถุงเงินหนักเงินอึ้งไว้ในมือ นางไม่ได้สนใจเฉาซินเหลียนที่นอนหมอบร้องครวญครางอยู่บนพื้น และกล่าวกับกู้ถิงถิงว่า “กู้ถิงถิง เงินสามสิบตำลึงนี่ให้เจ้าพาซุ่นสีเข้าไปหาโรงเตี๊ยมพักผ่อนเสียก่อน พรุ่งนี้ก็ให้ซื้อเสบียงและกลับบ้านของเจ้าไปเสีย”

ถ้อยคำของกู้เสี่ยวหวานล้วนชัดกระจ่าง ดวงตากลมโตของกู้ถิงถิงฉายแววความโกรธเจือเศร้าหมอง ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานให้เงินสามสิบตำลึงกับตนเอง ดวงตาคู่นั้นส่องแสงเปล่งประกาย

เฉาซินเหลียนซึ่งนอนสะอึกสะอื้นอยู่บนพื้นชะงันงัก และเหลือมองไปยังเด็กหญิงทั้งสอง

สามสิบตำลึงเงิน เงินมากจำนวนนั้นเท่ากับการเก็บเกี่ยวพืชผลตลอดหนึ่งปี

เฉาซินเหลียนไม่สามารถพูดได้ว่าหัวใจของนางมีความสุขแค่ไหน

ดวงตาของเด็กทั้งสองเปล่งประกายด้วยความสุขเช่นกัน สองศรีพี่น้องมองหน้ากัน และมองเห็นความโลภภายดวงตาของกันและกัน

กู้เสี่ยวหวานซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกลมองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเด็กทั้งสองคน หากแต่ก็ยังจะมอบเงินสามสิบตำลึงให้กับกู้ถิงถิงโดยไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

เงินสามสิบตำลึงเงินเพียงพอให้เฉาซินเหลียนและลูกสองคนของนางใช้ชีวิตอย่างพอมีพอกินเป็นเวลาหนึ่งปีโดยไม่ต้องทำงาน

จากนั้นกู้เสี่ยวหวานเบือนหน้ามองไปยังเฉาซินเหลียนและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เฉาซื่อ ข้าจะให้เงินสามสิบตำลึงเงินนี้ ซึ่งมันเพียงพอต่อการใช้ชีวิตหนึ่งปี มันมาจากความเมตตาและความชอบธรรมที่ข้าจะให้ท่าน คราวหน้าหากท่านยังมาก่อความวุ่นวายอีกก็อย่าโทษว่าข้าหยาบคายแล้วกัน”

ตอนนี้ดวงตาของเฉาซินเหลียนถูกความละโมบโลภมากบดบัง และมองเห็นเพียงเงินสามสิบตำลึงเท่านั้น ดังนั้นนางจะสนใจสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดได้อย่างไร คิดแต่จะฉวยเงินมาแล้วเรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันทีหลัง

นางคว้าถุงเงินมาจากมือกู้เสี่ยวหวาน และคลี่ยิ้มกว้างจนมองไม่เห็นด้วยตา “ตกลง ตกลง เสี่ยวหวาน ข้าเพียงแค่พูดไปเท่านั้น เจ้าเป็นเด็กดี เจ้าไม่ต้องกังวล ในอนาคตข้าจะไม่มารบกวนเจ้าแน่นอน”

ถ้อยคำนั้นก็เป็นเพียงแค่ลมปาก หากแต่ในใจกลับเต็มไปด้วยเล่ห์กล

นางไม่ได้คาดหวังว่ากู้เสี่ยวหวานจะหลอกง่ายเช่นนี้ เมื่อนางใช้เงินนี้จนหมด และถึงเวลานั้นก็จะพาลูกทั้งสองมาที่นี่อีกครั้ง

จากนั้นเฉาซินเหลียนก็ลากเด็กทั้งสองวิ่งเตลิดไปทันที

ครั้นเห็นพวกเขาจากไป กู้เสี่ยวหวานก็หมุนกายเดินกลับเข้าไปในบ้าน

ป้าจางซึ่งไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกู้เสี่ยวหวาน จึงเอ่ยด้วยความเป็นห่วงว่า “เสี่ยวหวาน ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้ว่าคุณธรรมในใจของเฉาซินเหลียนเป็นอย่างไร เจ้าให้เงินนางในครั้งนี้ ครั้งหน้านางต้องกลับมาอีกแน่ ๆ”

“นางจะกล้าหรือ?…” กู้หนิงผิงเลิกคิ้วและพูดอย่างดุดันว่า “ถ้านางกล้ามาอีก ข้าจะหักขานาง”

พวกเขาไม่ชอบเฉาซินเหลียน เมื่อเห็นว่าพี่สาวให้เงินจำนวนมากกับอีกฝ่าย ในใจก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด โนเวล-พีดีเอฟ

ยามพวกเขาตกระกำลำบาก เฉาซินเหลียนไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

“ไม่… ข้าไม่คิดว่านางจะกลับมาอีก” ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานมองไปค่ำคืนอันมืดมิด และครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

นางวางความอัดอั้นตันใจในตอนนี้ลง แล้วกลับไปร่วมโต๊ะกับทุกคน เสียงพูดคุยหัวเราะร่าเริงดังขึ้นตลอดการรับประทานอาหาร

ช่วงนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องมีความสุขเข้าไว้

หลังจากรับประทานอาหาร กู้เสี่ยวหวานสาวเท้าเดินไปสวนหลังบ้าน ป้าจางและกู้ฟางสี่ยังคงยุ่งอยู่ในครัว ทั้งสองคนกำลังพูดคุยและหัวเราะกันไม่หยุด

เมื่อฟังเสียงหัวเราะที่มีความสุขของพวกนาง หัวใจของกู้เสี่ยวหวานก็มีความสุขเช่นกัน แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีบางส่วนที่ขาดหายไป

กระเทียมหัวใหญ่ถูกปลูกไว้ที่สวนหลังบ้าน ตอนนี้มันขึ้นต้นสูง ใบเขียวชอุ่ม และแข็งแรงมาก

แม้ว่ากระเทียมนี้จะมีรสเผ็ดร้อน แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อยก็ชื่นชอบรสชาติของมัน แม้แต่กู้เสี่ยวอี้ซึ่งเป็นเด็ก นางก็ชอบกินอาหารรสชาติจัดจ้านแบบนี้เหมือนกัน

ภายในคืนเดียว เด็กหญิงเจริญอาหารขึ้นเพียงเพราะเนื้อหมูตากแห้งผัดกระเทียม และเนื่องจากกินมากไป ตอนนี้จึงต้องอยู่ช่วงกู้ฟางสี่ภายในครัว

กู้หนิงอันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง ขณะที่กู้หนิงผิงและอาโม่กำลังฝึกทักษะการต่อสู้อยู่ที่ลานหน้าบ้าน

ดูเหมือนว่าทุกคนมีเรื่องของตนเองที่ต้องจัดการ และกู้เสี่ยวหวานเป็นเพียงคนเดียวที่ว่างงาน ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้า นางก็ยิ่งทนไม่ไหว

เมื่อกู้เสี่ยวหวานมองไปยังค่ำคืนที่มืดมิด นางรู้สึกอยู่เสมอว่าตัวเองกำลังคาดหวังอะไรบางอย่าง

เมื่อวันปีใหม่คืบคลานเข้ามา ความหวังภายในใจเหมือนจะเพิ่มขึ้นสูงเรื่อย ๆ

ยามนึกถึงปีที่แล้ว ตนเองเฝ้ารอการมาถึงจนกระทั่งสิ้นสุดช่วงส่งท้ายปีเก่า

หลังจากคิดอยู่นานก็ไม่มีผล

กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจยาว และหลับไปใต้ผ้าห่มอันอบอุ่น

เด็กหญิงหลับไปจนกระทั่งเวลาล่วงไปถึงเที่ยงคืนจึงตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกระหายน้ำ แต่โชคดีที่ปกตินางจะมีกาน้ำอุ่นตั้งไว้ในห้อง กู้เสี่ยวหวานจึงลุกขึ้นและสวมรองเท้า โดยอาศัยแสงจากโคมสีแดงด้านนอกที่ลอดผ่านเข้ามาในห้อง

หลังจากดื่มน้ำเสร็จแล้ว ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียงเกือกม้าดังมาจากข้างนอก

กลางดึกเช่นนี้จะมีม้าอยู่บนภูเขาได้อย่างไร

กู้เสี่ยวหวานหัวเราะและคิดว่าตนเองนอนไม่พอเลยหูแว่วไปเอง จากนั้นก็หันหลังกลับไปที่เตียง เพียงแค่ล้มตัวลงนอนก็มีเสียงเคาะหน้าต่างดังขึ้นเบา ๆ

กู้เสี่ยวหวานคิดว่าเป็นเพียงสายลมพัดกระทบหน้าต่าง นางจึงเพิกเฉยต่อเสียงนั้น

แต่ว่าเสียงเคาะหน้าต่างนั้นก็ยังดังขึ้นไม่หยุด และดูเหมือนว่าเสียงของมันจะดังขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนั้นเองที่กู้เสี่ยวหวานตระหนักว่ามีคนเคาะหน้าต่างจริง ๆ

ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ ถ้าไม่เคาะประตู แต่ไปเคาะหน้าต่างแทน ต้องไม่ใช่คนภายในบ้านแน่นอน

ในขณะนี้ ทุกคนกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องของตนเอง หากพวกเขาต้องการมาหานาง พวกเขาจะต้องมาเคาะประตูอย่างแน่นอน ใครจะไปที่ลานหลังบ้านแล้วเคาะหน้าต่างกัน?

สัญชาตญาณการป้องกันตัวของกู้เสี่ยวหวานถูกกระตุ้น นางคว้าท่อนเหล็กที่หาได้ภายในห้อง จากนั้นเดินย่องเบาไปยังหน้าต่างแล้วเอ่ยถามเสียงแผ่ว “นั่นใครน่ะ?”

มือของนางยังคงกำท่อนเหล็กไว้มั่นเพื่อใช้สำหรับป้องกันตนเอง

แม้จะรู้ว่าคนข้างนอกไม่สามารถเข้ามาได้ แต่นางก็ต้องระวังตัวไว้ให้ดี

หน้าต่างในบ้านของกู้เสี่ยวหวานทำขึ้นในลักษณะที่สามารถเปิดได้จากภายในเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น หน้าต่างทุกบานตอกด้วยไม้ และบนไม้ก็มีกระดาษติดอยู่ชั้นหนึ่ง

ในขณะนี้ กู้เสี่ยวหวานเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น นางระแวดระวังต่อคนภายนอก หากเป็นเสียงที่ไม่คุ้นเคย นางจะส่งเสียงร้องทันที

บางทีคนข้างนอกอาจได้ยินเสียงการป้องกันของกู้เสี่ยวหวาน จึงเอ่ยขึ้นด้วยความเร่งรีบหากแต่น้ำเสียงยังอ่อนโยน

“หวานเอ๋อร์”

ครั้นกู้เสี่ยวหวานได้ยินเสียงนั้น มือไม้ของนางแทบไร้เรี่ยวแรงจนเกือบทำท่อนเหล็กในมือร่วงหล่นลงพื้น

โชคดีที่นางจับเอาด้วยความมั่นคง หากทำมันตกลงสู่พื้นแล้วส่งเสียงดัง ทุกคนในบ้านอาจตื่นกันหมด

——————————————-