ตอนที่ 923 โดดเดี่ยว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 923 โดดเดี่ยว

ตลอดการเดินทางที่ผ่านมาพี่หญิงใหญ่พักผ่อนน้อยมาก พี่หญิงใหญ่สะสางงานด่วนที่หลู่เซียงให้คนขี่ม้าเร็วส่งมาให้เกือบตลอดทาง ไป๋จิ่นซิ่วแทบไม่เห็นพี่หญิงใหญ่พักผ่อนเลยสักครั้ง เวลาทานอาหารก็ทานเพียงอาหารเช่นเดียวกับคนเหล่านั้นอย่างลวกๆ เท่านั้น

บัดนี้เมื่อมาถึงเมืองหลวงแล้ว พี่หญิงใหญ่ยิ่งไม่หยุดพักแม้แต่น้อย เมื่อจัดการเรื่องของท่านย่าเสร็จ พี่หญิงใหญ่รีบเรียกรวมตัวขุนนางที่พี่หญิงใหญ่คิดจะใช้งานในตำแหน่งสำคัญในภายภาคหน้ามาปรึกษาเรื่องสำคัญในราชสำนักทันที

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปไป๋จิ่นซิ่วกลัวว่าร่างกายของพี่หญิงใหญ่จะทนไม่ไหว

ไป๋จิ่นซิ่วยืนขมวดคิ้วแน่นอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ไม่นานก็มีองครักษ์ลับคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เขาทำความเคารพไป๋จิ่นซิ่วพลางกล่าวขึ้น “บรรดาอ๋องพบครอบครัวของอันซีอ๋องและซั่วฟางอ๋องที่นอกเมืองแล้วขอรับ แต่ละคนมีสีหน้าตื่นตระหนก กว่างอันอ๋องที่อาวุโสที่สุดพาไป๋สุ่ยอ๋องจากไปโดยทันทีโดยไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น เหอตงอ๋องทำความเคารพครอบครัวของอันซีอ๋องและซั่วฟางอ๋องด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทันทีที่ได้สติ อันซีอ๋องอาละวาดภรรยาและซื่อจื่อยกใหญ่ ทว่า กลับถูกเหอตงอ๋องห้ามเอาไว้ จากนั้นเขาจึงยอมพาครอบครัวของตัวเองไปพักผ่อนพร้อมกับซั่วฟางอ๋องขอรับ”

เมื่อได้รับรายงานปฏิกิริยาของอ๋องแต่ละคนที่เกิดขึ้นที่นอกเมืองอย่างละเอียด ไป๋จิ่นซิ่วลูบมือที่ประสานอยู่ที่หน้าท้องอย่างใช้ความคิด หากเป็นเช่นนี้…เหอตงอ๋องช่างดูน่าสนใจจริงๆ

ไป๋จิ่นซิ่วหันไปมองทางห้องตำราแวบหนึ่ง หญิงสาวมองเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังสนทนาอยู่กับหลู่เซียงผ่านทางหน้าต่าง ไป๋จิ่นซิ่วหันไปถามองครักษ์ลับต่อ “คนที่พี่หญิงใหญ่ส่งไปสืบสถานการณ์ที่เมืองของอ๋องทั้งห้าอย่างละเอียดก่อนออกเดินทางไปลั่วหงกลับมาแล้วหรือไม่”

“เรียนคุณหนูรอง กลับมาตั้งแต่สามวันก่อนแล้วขอรับ พวกเขาพบกับคุณหนูเจ็ดแล้วขอรับ” องครักษ์ลับเงยหน้ามองไป๋จิ่นซิ่วพลางเอ่ยถาม “ให้ตามเขามารายงานคุณหนูรองด้วยตัวเองอีกครั้งหรือไม่ขอรับ”

ไป๋จิ่นซิ่วส่ายหน้า “เดี๋ยวข้าไปถามเสี่ยวชีเอง เจ้าไปเถิด จับตาดูความเคลื่อนไหวของอ๋องทั้งห้าให้ดี หากมีสิ่งใดผิดปกติจงรีบมารายงานทันที”

“ขอรับ” องครักษ์ลับรับคำแล้วจากไป

ไป๋จิ่นซิ่วมองดูผ้าไหมและโคมไฟสีขาวบริสุทธิ์ที่ถูกลมพัดจนสะบัดไปมา หญิงสาวเหมือนจะได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังมาจากหอทำพิธีด้านหน้า เทียบกับความเยือกเย็นของตระกูลไป๋ในตอนที่ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านลุง ท่านอาและน้องชายของนางจากไป เสียงร้องไห้นี้ยิ่งดังมากเท่าใดไป๋จิ่นซิ่วก็ยิ่งรู้สึกว่าใจคนยิ่งโหดร้ายมากเท่านั้น

ตอนที่ตระกูลไป๋เผชิญกับปัญหาในตอนนั้น โลงศพยี่สิบสามโลงตั้งอยู่กลางลานหญ้า คนตระกูลสูงศักดิ์แทบทุกตระกูลล้วนกล่าวว่าตระกูลไป๋คงไม่มีที่ยืนในเมืองหลวงอีกต่อไป พวกเขาไม่กล้ามาเคารพศพที่จวนไป๋เพราะรู้ว่าราชวงศ์ไม่พอใจตระกูลไป๋ มีเพียงชาวบ้านที่ยืนซับน้ำตาอยู่เงียบๆ ที่นอกจวนไป๋เท่านั้นที่เสียใจกับการจากไปของคนตระกูลไป๋จริงๆ

บัดนี้ท่านย่าของนางจากไป บรรดาตระกูลสูงศักดิ์ต่างมาเคารพศพของท่านย่าเพราะพี่หญิงใหญ่กำลังจะขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจว เสียงร้องไห้ของสตรีตระกูลสูงศักดิ์แต่ละคนดังมากขึ้นทุกที พวกเขาร้องไห้ราวกับต้องการให้ทั่วทั้งเมืองหลวงรับรู้ ทว่า จะมีชาวบ้านด้านนอกสักกี่คนกันที่ร้องไห้ด้วยความจริงใจจริงๆ

ไป๋จิ่นซิ่วคิดว่าไม่ควรปล่อยให้ไป๋จิ่นเซ่ออยู่เฝ้าวิญญาณของท่านย่าที่หอทำพิธีเพียงคนเดียว หญิงสาวกำลังจะเดินไปยังหอทำพิธีก็มีหญิงชราคนหนึ่งเดินมารายงานว่าฮูหยินสองพาวั่งเกอและฉินหล่างกลับมาแล้ว

ไป๋จิ่นซิ่วให้ชุ่ยปี้พาวั่งเกอและหลิวซื่อตามเสิ่นไป่จ้งไปพบฉินหล่างตั้งแต่วันที่เหลียงอ๋องก่อกบฏในเดือนสาม หญิงสาวไม่ได้พบวั่งเกอเป็นเวลาสามเดือนแล้ว

ในฐานะมารดานางจะไม่คิดถึงวั่งเกอได้อย่างไรกัน ขอบตาของไป๋จิ่นซิ่วร้อนผ่าวขึ้นมาทันที หญิงสาวรีบเดินไปด้านนอกอย่างรีบร้อน

ภายในห้องตำรา หงหลู่ซื่อชิงต่งชิงผิงกำลังรายงานเรื่องการเตรียมการต้อนรับคณะทูตของแต่ละแคว้นที่เดินทางมาร่วมพิธีบรมราชาภิเษกให้ไป๋ชิงเหยียนฟังอย่างละเอียด

เสื้อผ้าของไป๋ชิงเหยียนเปื้อนไปด้วยฝุ่น ขอบตาของหญิงสาวดำคล้ำ ทว่า หญิงสาวยังคงนั่งหลังตรงด้วยท่วงท่าสง่างามอยู่บนเก้าอี้

เมื่อต่งชิงผิงกล่าวจบ หลู่เซียงจึงกล่าวขึ้น “ได้ยินว่าจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนยกราชบัลลังก์ให้องค์ชายมู่หรงลี่ พระองค์จะเสด็จขึ้นครองบัลลังก์ในวันที่สิบเก้า เดือนเจ็ดพ่ะย่ะค่ะ จักรพรรดิที่อายุน้อยขึ้นครองบัลลังก์ หลายแคว้นจึงเกิดความไม่มั่นใจ ดังนั้นกระหม่อมคิดว่านอกจากอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนแห่งต้าเยี่ยนที่ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนจะเดินทางมาร่วมพิธีบรมราชาภิเษกในครั้งนี้แล้ว เขาอาจมาทำสัญญาพันธมิตรด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เพียงแค่ต้าเยี่ยนเท่านั้น ซีเหลียงก็คงคิดเช่นนี้เหมือนกัน ขุนนางของซีเหลียงที่เดินทางมาต้าโจวในครั้งนี้คือเหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยและหลานชายคนโตของอวิ๋นพั่วสิงพ่ะย่ะค่ะ หลี่จือเจี๋ยกล่าวว่าหลานชายคนโตของอวิ๋นพั่วสิงเดินทางมารับโทษพ่ะย่ะค่ะ” ต่งชิงผิงกล่าวรายงานเรื่องของหลี่จือเจี๋ยอย่างไม่คิดปิดบัง “เมื่อเหยียนอ๋องมาถึงเมืองหลวง เขาให้คนส่งของขวัญไปให้จวนขุนนางสูงศักดิ์เกือบทุกจวน เขาส่งของขวัญมาให้จวนต่งมากมายพ่ะย่ะค่ะ”

หลู่จิ่นเสียนพยักหน้า “เหยียนอ๋องส่งของล้ำค่าไปที่จวนหลู่เช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมรับของของเหยียนอ๋องไว้ตามคำสั่งของท่านพ่อ เดี๋ยวจะส่งของไปที่พระคลังสมบัติพ่ะย่ะค่ะ…”

“กระหม่อมก็ได้รับเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ ใต้เท้าเสิ่นจิ้งจงก็ได้รับเช่นเดียวกัน จริงสิ! จวนเฉินก็ได้รับพ่ะย่ะค่ะ แม้เฉินเจาลู่จะเดินทางไปจัดการเรื่องการปกครองระบอบใหม่ที่เมืองหานตามที่ได้รับคำสั่ง ทว่า เหยียนอ๋องเตรียมของขวัญมาให้เขาเช่นเดียวกัน ได้ยินว่าของสิ่งนั้นคือภาพออกตามหาดอกเหมยท่ามกลางหิมะที่เฉินเจาลู่อยากได้มานานพ่ะย่ะค่ะ!” หลู่จิ้นกล่าวอย่างไม่รีบร้อน ทว่า มีนัยแฝง “เหยียนอ๋องยังส่งของขวัญไปให้หลี่หมิงรุ่ยที่บิดาก่อกบฏอีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนเข้าใจความหมายที่หลู่จิ้นต้องการสื่อ ขอเพียงเป็นขุนนางที่ไป๋ชิงเหยียนให้ความสำคัญ หลี่จือเจี๋ยล้วนส่งของขวัญไปให้ทั้งหมด ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ดูเหมือนว่าเหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยผู้นี้จะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงดียิ่งนัก”

“ต้าเว่ยถูกต้าเยี่ยนยึดครอง บัดนี้กลายเป็นแผ่นดินของต้าเยี่ยนไปแล้ว พ่อค้าที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งแห่งต้าเว่ยเซียวหรงเหยี่ยนก็กลายเป็นคนแคว้นต้าเยี่ยนไปแล้ว ครั้งนี้เขาติดตามอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนมายังต้าโจวด้วย เหยียนอ๋องยังลดตัวไปพบเซียวเซียนเซิงด้วยตัวเองด้วยพ่ะย่ะค่ะ เขาคงรู้ว่าเซียวเซียนเซิงคือผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋จึงอยากตีสนิทไว้พ่ะย่ะค่ะ…” ต่งชิงผิงเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนราวกับต้องการค้นหาว่าไป๋ชิงเหยียนมีใจให้เซียวหรงเหยี่ยนบ้างหรือไม่

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าใช้ความคิดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ต่งชิงผิงจึงเอ่ยต่อ “ที่อ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนแห่งต้าเยี่ยนพาเซียวเซียนเซิงผู้นี้มาด้วยคงเป็นเพราะรู้ว่าเซียวเซียนเซิงเคยมีบุญคุณต่อตระกูลไป๋พ่ะย่ะค่ะ จะว่าไปแล้วอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนและเซียวเซียนเซิงมีนามคล้ายคลึงกันมาก บัดนี้ต้าเว่ยตกเป็นของต้าเยี่ยนแล้ว ทว่า อ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนกลับไม่ได้สั่งให้เซียวเซียนเซิงเปลี่ยนนามอื่น หากไม่ใช่เพราะทั้งสองสนิทสนมกันมากก็คงเป็นเพราะอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนต้องการใช้ประโยชน์จากเซียวเซียนเซิงพ่ะย่ะค่ะ”

หลู่เซียงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ตอนที่เขาได้ยินว่าเซียวหรงเหยี่ยนเดินทางมาพร้อมอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนก็มีปฏิกิริยาเช่นนี้เหมือนกัน ต่อมาจึงรู้ว่ากิจการของเซียวหรงเหยี่ยนที่ต้าเยี่ยนเคยได้รับการดูแลจากอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยน พวกเขาคงพอสนิทสนมกันอยู่บ้างและคงอยากใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของเซียวหรงเหยี่ยนและตระกูลไป๋อยู่บ้าง

พี่ชายของเซียวหรงเหยี่ยนเพิ่งจากไปได้ไม่นาน บัดนี้ท่านย่าของนางก็จากไปแล้วเช่นเดียวกัน

พวกนางล้วนรับรู้ความรู้สึกสูญเสียคนที่รักไปของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี

สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนหม่นหมองลง หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

พวกนางเคยให้สัญญากันไว้ว่าเมื่อต้าเยี่ยนทำลายต้าเว่ยได้ เซียวหรงเหยี่ยนจะมาสู่ขอนาง

ทว่า บัดนี้ไม่ว่านางหรือเซียวหรงเหยี่ยนล้วนไม่มีใจคิดถึงเรื่องแต่งงานอีกแล้ว

ต้าโจวมีเรื่องต้องจัดการอีกมากมาย จักรพรรดิอายุน้อยแห่งต้าเยี่ยนขึ้นครองบัลลังก์ ทั้งสองแคว้นยังไม่มั่นคง

นางกำลังจะขึ้นครองราชย์ เซียวหรงเหยี่ยนไม่อาจทิ้งต้าเยี่ยนไปตอนนี้ได้