ตอนที่ 924 ล่อให้ติดกับ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 924 ล่อให้ติดกับ

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่เสียใจ แม้พวกนางสองคนจะยังไม่ได้แต่งงานเป็นสามีภรรยากันในตอนนี้ ทว่า พวกนางใจตรงกัน พวกนางกำลังแข่งขันกันเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน ทว่า พวกนางไม่โดดเดี่ยว

“ดูเหมือนว่าหรงตี๋ก็อยากเชื่อมไมตรีกับพวกเราเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ทูตของหรงตี๋เดินทางมาถึงเมืองหลวงก่อนแล้ว พวกเขากล่าวว่าอ๋องหน้ากากผีของพวกเขาจะเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับฝ่าบาทด้วยตัวเองก่อนวันพิธีบรมราชาภิเษกแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” ต่งชิงผิงไม่รู้ว่าแม่ทัพหน้ากากผีแห่งหรงตี๋คืออาอวี๋ น้ำเสียงของเขาจึงราบเรียบเป็นปกติ

ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น นางรู้ดีว่าอาอวี๋ต้องมา…

ครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสให้ท่านแม่ได้พบหน้าอาอวี๋สักครั้งหรือไม่ ทว่า แม้ไม่ได้พบหน้าเป็นการส่วนตัวก็ไม่เป็นไร ขอเพียงให้ท่านแม่ได้เห็นว่าอาอวี๋ปลอดภัยดี ท่านแม่ก็คงรู้สึกดีใจและขอบคุณสวรรค์มากแล้ว

“ยังมีอีกเรื่องที่ฝ่าบาทอาจยังไม่ทรงทราบพ่ะย่ะค่ะ คนของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ส่วนหนึ่งเดินทางมายังเมืองหลวงและเริ่มหาซื้อจวนในเมืองหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาถือว่าตัวเองคือญาติของฝ่าบาทจึงรับจวนที่ขุนนางมอบให้เพราะต้องการประจบประแจงพ่ะย่ะค่ะ”

หลู่จิ้นขมวดคิ้วแน่น เขาจดบันทึกขุนนางที่มอบสินบนให้ตระกูลบรรพบุรุษไป๋และคนจากตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่รับสินบนไว้อย่างละเอียดหมดแล้ว เขาวางรายงานลงบนโต๊ะตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน “นี่เป็นเพียงสินบนชิ้นใหญ่ที่คนจากตระกูลบรรพบุรุษไป๋รับไว้อย่างโจ่งแจ้งเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ส่วนของอื่นๆ…อย่างไรเสียพวกเขาก็คือคนในตระกูลของฝ่าบาท กระหม่อมจึงไม่ได้สืบลึกไปกว่านี้พ่ะย่ะค่ะ”

“เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยแห่งซีเหลียงมาถึงเมืองหลวงค่อนข้างเร็ว เมื่อเขารู้ว่าตระกูลบรรพบุรุษไป๋กำลังคิดสร้างจวนในเมืองหลวงจึงช่วยเหลืออีกแรง อีกทั้งมอบหญิงงามของซีเหลียงให้พวกเขาอีกไม่น้อยพ่ะย่ะค่ะ…”

เสิ่นจิ้งจงแสยะยิ้มเย็นออกมา จากนั้นเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน

“ตระกูลบรรพบุรุษไป๋คือตระกูลของฝ่าบาท ฝ่าบาทสามารถจัดการพวกเขาได้อย่างง่ายดาย! ทว่า เหยียนอ๋องเข้ามายุ่งวุ่นวายเช่นนี้เกรงว่าเรื่องคงยุ่งยากขึ้นกว่าเดิมพ่ะย่ะค่ะ”

“ความคิดของจิ้งจงคร่ำครึเกินไปแล้ว…” หลู่เซียงลูบเครายิ้มๆ “แคว้นต้าโจวเพิ่งสถาปนาขึ้น เชื้อพระวงศ์เก่าของราชวงศ์ต้าจิ้นที่แคว้นอื่นเคยผูกมิตรด้วยล้วนไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ที่เหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยแห่งซีเหลียงเดินทางมายังเมืองหลวงของต้าโจวอย่างเปิดเผยเช่นนี้ไม่ใช่เพราะอยากมาสืบความลับของแคว้นเรา เขาต้องการผูกมิตรกับเชื้อพระวงศ์ใหม่ของต้าโจวเพื่อความสะดวกสบายในวันข้างหน้าต่างหาก!”

เสิ่นจิ้งจงถอนหายใจยาวออกมา เขาเข้าใจความหมายของหลู่เซียง ทว่า เขายังรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ดี

“ครั้งนี้พวกขุนนางกบฏนำโดยหลี่เม่าซึ่งหนีตามเหลียงอ๋องไปยังเมืองลั่วหงถูกจับตัวกลับมายังเมืองหลวงแล้ว ใต้เท้าหลู่จงกุมขังพวกเขาไว้ก่อน หากครอบครัวของพวกเขาอยากจะเข้าไปเยี่ยม ใต้เท้าหลู่ปล่อยให้พวกเขาเข้าไปได้เลย…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

“ฝ่าบาทจะไว้ชีวิตพวกเขาหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลู่จิ้นเอ่ยถาม

“ในเมื่อต้องการจัดการกับอ๋องแห่งเมืองต่างๆ เหล่านั้นอย่างเด็ดขาด ข้าก็ต้องใช้วิธีอ่อนโยนปลอบประโลมใจคนด้วย ต้องรู้จักผ่อนปรน มิเช่นนั้นอาจสูญเสียความน่าเชื่อถือได้” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางหลู่เซียงที่นั่งหลังตรงอยู่ จากนั้นก้มศีรษะให้หลู่เซียงเล็กน้อย “หากไป๋ชิงเหยียนกล่าวหรือทำสิ่งใดไม่เหมาะสม หลู่เซียงได้โปรดชี้แนะด้วย”

หลู่เซียงมองดูไป๋ชิงเหยียนที่พร้อมเรียนรู้จากเขาโดยไม่ถือตัว ตอนแรกเขาตกใจและประหม่าเล็กน้อย ทว่า เมื่อนึกขึ้นได้ว่าจักรพรรดินีแห่งต้าโจวองค์นี้ไม่เหมือนกับจักรพรรดิต้าจิ้น เขาจึงค่อยๆ คลายกังวลลง จากนั้นโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียนด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตาแล้วพยักหน้าให้หญิงสาวเล็กน้อย “ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะ ค่ะ ไม่ว่าปกครองบ้านเมืองหรือทำสิ่งใดก็ตามล้วนทำอย่างมีขอบเขตและรู้จักผ่อนปรน ฝ่าบาททรงพิจารณาได้อย่างถี่ถ้วน กระหม่อมนับถือยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ!”

“ในเมื่อฝ่าบาททรงมีเมตตาเช่นนี้ วันหน้ากระหม่อมจะให้จิ่นเสียนจะจับตาดูขุนนางเหล่านี้ให้ดี ไม่ให้พวกเขาได้รับตำแหน่งสำคัญในราชสำนักอีกพ่ะย่ะค่ะ” หลู่เซียงมองไปทางบุตรชายของตัวเอง

หลู่จิ่นเสียนรีบยืนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาททรงวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมดูแลกรมขุนนาง กระหม่อมจะไม่ให้คนเหล่านั้นแตะต้องตำแหน่งสำคัญในราชสำนักแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

“ลำบากแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้หลู่จิ่นเสียน จากนั้นเอ่ยถามต่อ “เว่ยปู้จิ้งจัดการเรื่องการบรรเทาทุกข์เป็นเช่นไรบ้าง”

“ปัญหาใหญ่ผ่านพ้นไปได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทรงปรีชาชาญในการเลือกคน ทรงแต่งตั้งให้เว่ยปู้จิ้นดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังเพื่อจัดการปัญหาภัยพิบัติ ทรงให้สิทธิ์เขาลงมือก่อนรายงาน คนผู้นี้ตั้งใจทำงานมากพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งมีแม่ทัพหวังสี่ผิงและทหารของเขาตามไปคุ้มครอง เขาจัดการโยกย้ายเสบียงอาหารของแต่ละเมืองไปบรรเทาทุกข์อย่างเป็นระบบและแน่นหนา ไม่ปล่อยให้พื้นที่ใดมีปัญหาอดอยากแม้แต่ที่เดียว ครั้งนี้ไม่มีชาวบ้านเสียชีวิตเพราะความอดอยากเลยพ่ะย่ะค่ะ!”

หลู่เซียงกล่าวจบจึงหัวเราะออกมาเล็กน้อย เขากล่าวอยากต้องการปกป้องเว่ยปู้จิ้ง “ทว่า กระหม่อมได้รับฎีกาจากลูกน้อง ดูเหมือนว่านิสัยของเว่ยปู้จิ้งจะเข้ากับผู้อื่นไม่ค่อยเท่าใด ผู้อื่นคิดว่าเขาทำตัวเหิมเกริมหลังจากได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

หากอยู่ในราชวงศ์ต้าจิ้นคนเช่นนี้ไม่มีทางได้รับตำแหน่งสำคัญและทำงานในราชสำนักต่อแน่นอน ทว่า สิ่งที่ราชสำนักจะขาดไปไม่ได้ก็คือบุคคลเช่นนี้

“หัวรั้น นิสัยแข็งกร้าว ทว่า มีความสามารถ ราชสำนักขาดคนเช่นนี้นี่แหล่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า เมื่อได้ยินว่าไม่มีชาวบ้านเสียชีวิตเพราะความอดอยาก นางจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองหลู่จิ่นเสียน “ช่วงนี้ทางเมืองหานเป็นเช่นไรบ้าง”

“ทูลฝ่าบาท การผลักดันการปกครองระบอบใหม่เริ่มต้นได้ดีพ่ะย่ะค่ะ ทว่า ลำบากใต้เท้าเสิ่นและขุนนางกรมราชทัณฑ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ…” หลู่จิ่นเสียนมองไปทางเสิ่นจิ้งจง “ฝ่าบาททรงนำแผนปฏิรูปการปกครองระบอบใหม่ที่มีรากฐานเดิมของกฎหมายต้าจิ้นอยู่ไปใช้กับเมืองหานก่อน ทางเมืองหลวงจึงค่อยๆ ปล่อยข่าวนี้ออกไปเพื่อหยั่งเชิง จากนั้นจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการหลังจากฝ่าบาททรงเสด็จขึ้นครองราชย์ กรมราชทัณฑ์จึงต้องเหนื่อยกันมากหน่อย ทว่า โชคดีที่ครั้งนี้หลี่หมิงรุ่ยทำได้ดีมาก เมื่อกฎหมายใหม่ถูกส่งไปยังเมืองหานเมื่อห้าวันก่อน เฉินเจาลู่และหลู่หยวนชิ่งคงผลักดันการปกครองระบอบใหม่ที่นำไปสำเร็จเกือบหมดแล้ว ส่วนใหม่ที่ส่งไปคงนำไปใช้งานต่อได้พอดีพ่ะย่ะค่ะ”

“จากฎีกาที่เฉินเจาลู่และหลู่หยวนชิ่งส่งกลับมารายงานที่เมืองหลวง การใช้ระบอบการปกครองใหม่ที่ต้าเหลียงดูไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าใด ทุกคนในต้าเหลียงล้วนรู้ว่าต้าเหลียงดับสูญแล้ว ดังนั้นการผลักดันระบอบการปกครองใหม่ที่นั่นจึงง่ายดายกว่าที่ต้าโจวมากพ่ะย่ะค่ะ” หลู่จิ่นเสียนขมวดคิ้วแน่น “ส่วนต้าโจว…”

เขาเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน แม้ไป๋ชิงเหยียนจะไม่ได้ถามว่าการผลัดกันระบอบการปกครองใหม่ในต้าโจวเป็นเช่นไรบ้าง ทว่า หลู่จิ่นเสียนได้รับมอบหมายจากไป๋ชิงเหยียนให้ดูแลเรื่องนี้ เขาจำเป็นต้องรายงานให้ไป๋ชิงเหยียนทราบ

หลู่จิ่นเสียนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นลุกขึ้นยืนโค้งกายคำนับไป๋ชิงเหยียน กล่าวด้วยเสียงจริงใจ

“กระหม่อมขอบังอาจทูลสักนิด การใช้การปกครองระบอบใหม่เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้าน ทว่า เป็นการทำลายผลประโยชน์ของเชื้อพระวงศ์เก่าและตระกูลสูงศักดิ์ ความจริงเมื่อต้าจิ้นเปลี่ยนเป็นแคว้นต้าโจว หากท่านย่าของฝ่าบาทไม่ใช่องค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์หลิน หากฝ่าบาททรงจัดการกับเชื้อพระวงศ์ในเมืองหลวงก่อนที่จะเสด็จไปยังเมืองลั่วหง การผลักดันระบอบการปกครองใหม่อาจง่ายกว่านี้พ่ะย่ะค่ะ”

ไม่รอให้ไป๋ชิงเหยียนกล่าวสิ่งใด หลู่จิ้นชิงกล่าวกับหลู่จิ่นเสียนก่อน “ที่ฝ่าบาทยังไม่ทรงจัดการกับเชื้อพระวงศ์เก่าของราชวงศ์ต้าจิ้นตั้งแต่ที่ยึดเมืองหลวงได้ก็เพราะไม่อยากให้อ๋องอีกห้าเมืองหวาดระแวง ก่อนจากไปฝ่าบาททรงสั่งให้รวบรวมหลักฐานความผิดของเชื้อพระวงศ์เก่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไว้แล้ว เมื่อจัดการกับอ๋องทั้งห้าเสร็จ ฝ่าบาทจะทรงจัดการกับคนเหล่านี้ทีเดียว ใต้เท้าหลู่ไม่ต้องร้อนใจไป”