บทที่ 938 กดดันให้แต่งงาน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 938 กดดันให้แต่งงาน

บทที่ 938 กดดันให้แต่งงาน

ซูฉางจิ่วดีใจมากที่เห็นอีกฝ่าย

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไปหรอกนะ แต่ด้วยฐานะทางบ้าน การจะเดินทางไปย่อมมีค่าใช้จ่ายเยอะมาก

และถ้าเขาไป งานที่บ้านก็จะช้ากว่าคนอื่นน่ะสิ

ตอนนี้เราแยกครอบครัวกับลูกแล้ว งานในทุ่งจะฝากภรรยาทำคนเดียวไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?

เลยเดาได้ว่าหลี่จู้จื่อจะไปแน่นอน

ไม่อย่างนั้นก็ให้ชาวบ้านเอาของขวัญแสดงความขอบคุณและแสดงความยินดีฝากจู้จื่อไปให้แทนดีไหมล่ะ?

“จู้จื่อ มาแล้วหรือ?”

“ผมว่าจะไปเมืองหลวงน่ะครับ เลยมาถามลุงว่าไปด้วยกันไหม?”

จู้จื่อยิ้มก่อนหยิบซองบุหรี่ยี่ห้อต้าเฉียนเหมินออกมา แล้วยื่นให้หัวหน้าซูมวนหนึ่ง ก่อนจะแจกจ่ายที่เหลือให้คนหนุ่มคนสูงวัยจนหมด

“จู้จื่อชีวิตดีขึ้นเยอะเลยนะ สูบบุหรี่ต้าเฉียนเหมินด้วย” มีคนหนึ่งหยิบขึ้นมาดมแล้วเอ่ยติดตลก

“ผมก็แค่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ แค่นั้นเองครับ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง

แต่กลับแฝงไปด้วยความภาคภูมิใจ

หลี่จู้จื่อไม่ใช่ไอ้ขี้เรื้อนเหมือนเมื่อหลายปีก่อนแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นผู้มีความสามารถชื่อเสียงขจรไกล

หลังจากได้สร้างมิตรกับคนตระกูลซู ชีวิตของหลี่จู้จื่อก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ

ตอนนี้ภรรยาและลูกมีชีวิตมั่นคงในอำเภอด้วยทรัพย์สินของเขาเอง

เมื่อก่อนไม่กล้าจินตนาการถึงเลยนะ

“เมื่อไรจะพาพวกเราไปเปิดโลกในอำเภอบ้างล่ะ?”

“จะมีโอกาสนั้นหรือครับ ถึงในอำเภอคนจะเยอะกว่าหมู่บ้าน แต่เวลาเจอหน้าก็ไม่ได้ทักทายกันหรอกนะ ถ้าไม่จำเป็นต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ ผมก็ไม่อยากใช้ชีวิตในเมืองหรอก”

มันมีเรื่องดี ๆ ก็จริง แต่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องแย่นะ

หลี่จู้จื่อไม่ได้พูดจาแอบแฝงอะไร แต่คนอื่นที่ได้ฟังกลับรู้สึกต่างออกไป

หัวหน้าซูจุดบุหรี่สูบ กลิ่นดีกว่ายาสูบที่เขาเคยสูบอีก แต่มันขาดรสชาติเล็กน้อย

ดูเหมือนชีวิตเขาจะมีแต่ยาสูบจริง ๆ!

หลังจากคุยกันสักพัก หัวหน้าซูจึงกลับเข้าประเด็นอีกรอบ

“จู้จื่อจะไปเมื่อไรหรือ?”

“ผมว่าจะไปวันมะรืนครับ แต่ต้องเข้ามณฑลด้วย เพราะไปกับบ้านพี่รองน่ะ ถ้าลุงไป เดี๋ยวเราเข้าเมืองพรุ่งนี้เช้าเลย”

“เราเพิ่งจะคุยเรื่องนี้กันอยู่เลย ถ้าให้คนในหมู่บ้านไปคงลำบากเลยว่าจะให้หัวหน้าเป็นตัวแทนไปแสดงความขอบคุณน่ะ” ชายชราแซ่ซูคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

แบบนี้ดีแล้ว ต่อให้ซูฉางจิ่วปฏิเสธก็คงพูดไม่ทันหรอก

“ผมต้องกลับไปปรึกษาคนที่บ้านก่อนนะ งานเยอะมาก เวลาผมไม่อยู่เลยค่อนข้างเป็นห่วงน่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะลุง เดี๋ยวตอนเย็นผมไปหาที่บ้าน ยังไงก็บอกกันนะ”

หลี่จู้จื่อไม่ได้พูดอะไรเยอะ หลังทักทายทุกคนเสร็จก็หมุนตัวจากไป

ทุกคนรู้ว่าชายคนนี้งานเยอะ เลยไม่ได้ว่าอะไรที่ไม่ได้นั่งคุยด้วยกันก่อน

จากนั้นชาวบ้านก็กลับมาคุยกันอีกครั้ง

บ้างก็ว่าต้องกลับบ้านไปเตรียมของจากบนเขาให้จู้จื่อ

บ้างก็ว่าคนตระกูลซูใช้ชีวิตอยู่ในเมือง คงไม่ได้กินอาหารจากท้องถิ่นเรา

บ้างก็ว่าถ้าหาเงินได้แบบจู้จื่อคงดี

ซูฉางจิ่วกลับบ้านมาปรึกษาภรรยา

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปเถอะ คุณเป็นหัวหน้าต้องไปเป็นตัวแทนเขานะ”

“แต่สถานการณ์บ้านเราในตอนนี้…”

เขาถอนหายใจ หลังจากลูกสะใภ้ขาดทุนไป เจ้าตัวยังคงสร้างปัญหาต่อจนกระทั่งทรัพย์สินสุดท้ายของพวกเขาโดนพรากไป

ตอนนี้เรามีเงินอยู่แค่หนึ่งร้อยสิบหยวนเท่านั้น ถ้าต้องไปเมืองหลวงคงไม่เหลือแล้วละ

“ถ้าไม่มีเงินก็ค่อยสู้กันใหม่นะ แต่จะให้คนบ้านซูผิดหวังกับพวกเราไม่ได้หรอก”

ฝ่ายภรรยาเป็นคนมีเหตุผลมาก

ถึงไม่ได้มีแค่บ้านพวกเรา แต่ใครใช้ให้สามีเธอเป็นหัวหน้าหมู่บ้านล่ะ?

และในฐานะที่อยู่ในตำแหน่งนี้ ถ้าคิดจะฉวยโอกาสก็ต้องรับผลที่ตามมาด้วย

ไม่มีใครเอาเปรียบผู้อื่นแล้วจะอยู่ไปตลอดรอดฝั่งหรอก

“เข้าใจแล้ว งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ให้คำตอบจู้จื่อแล้วกัน แล้วงานในทุ่ง…”

“งานในทุ่งฉันจัดการเองได้” ฝ่ายภรรยาเอ่ยอย่างมีน้ำโห “เราไม่ได้ฉวยโอกาสผู้อื่นเพื่อไม่ไปแสดงคำขอบคุณหรอกนะ”

ตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงประตูดังขึ้น ทีแรกนึกว่าเป็นคนในหมู่บ้าน แต่กลายเป็นว่าลูกสาวมาหาต่างหาก

“เสี่ยวเฉ่า มาได้ยังไงเนี่ย?” คนเป็นแม่ประหลาดใจมาก

ตั้งแต่ลูกเรียนจบก็ได้ทำงานเป็นครูอยู่ในตัวเมืองมณฑล โดยปกติแล้วเธอจะกลับมาแค่ช่วงวันหยุดยาวเท่านั้น

แน่นอนว่าสาเหตุที่ไม่กลับเพราะพี่สะใภ้น่ะ

แล้วถ้าพี่สะใภ้เอาความกว่านี้ เสี่ยวเฉ่าคงไม่ต้องกลับบ้านปีละสองครั้งหรอก

ส่วนคนเป็นแม่ก็เอาแต่บอกลูกสาวว่าให้รีบหาคู่ได้แล้ว แต่งงานไปก็จะได้ไม่เหงาแบบตอนนี้ด้วย

“แม่ หนูต้องเข้าร่วมอบรบที่เมืองหลวงน่ะ เดือนเก้าถึงจะกลับนะ”

“เดี๋ยวนะ? เมืองหลวงหรือ?”

หัวหน้าซูยิ้ม “บังเอิญจัง? เมื่อกี้พ่อเพิ่งคุยกับแม่เขาอยู่ว่าจะไปเมืองหลวงกับพี่จู้จื่อพรุ่งนี้น่ะ”

“พ่อจะไปหรือคะ?” เสี่ยวเฉ่าประหลาดใจ

ไม่ว่าพ่อจะมีนิสัยแบบไหน ท่านไม่มีทางไปโดยไร้เหตุผลแน่นอน

“ได้ข่าวว่าโส่วเวินเป็นพ่อคนแล้วน่ะ พ่อเลยเป็นตัวแทนหมู่บ้านไปเยี่ยม ถึงคนบ้านซูจะออกจากหมู่บ้านเราแล้ว แต่เขายังนึกถึงเราเสมอ”

“เรื่องดีเลยนี่คะ!” หญิงสาวเอ่ยอย่างมีความสุข “หนูยังคิดอยู่เลยว่า ไว้ไปเมืองหลวงเมื่อไรจะไปหาครอบครัวพี่โส่วเวินเสียหน่อย”

“ลูกอายุน้อยกว่าโส่วเวินไม่กี่ปีเอง ตอนนี้พี่เขาเป็นพ่อคนแล้วนะ เมื่อไรลูกจะมีกับเขาบ้าง?” คนเป็นแม่บ่น

ลูกชายแต่งงานกันหมดแล้ว เหลือก็แต่ลูกสาวเท่านั้น ตอนนี้มีงานทำแล้วด้วยจะหาสามีก็ไม่ได้ยาก

ถ้าเสี่ยวเฉ่าไหลตามน้ำคงได้โดนแม่บ่นจนหูชาแน่ ๆ

“แล้วมีอะไรต้องเตรียมไหมคะ? เราจะไปมือเปล่าไม่ได้ใช่ไหม?”

แน่นอนว่าคนเป็นแม่โดนลูกสาวเบี่ยงประเด็นได้สำเร็จ จึงลืมสั่งสอนลูกไปเลย

“ถ้าลูกไม่เตือนแม่ก็ลืมไปแล้วเนี่ย บ้านเรามีของป่าเยอะเลย เดี๋ยวไปล้างทำความสะอาดก่อน ถึงจะไม่ได้มีค่าอะไร แต่พวกนี้ก็คือความจริงใจจากเรานะ!”

จากนั้นท่านก็ไปหางานทำทันที

เสี่ยวเฉ่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ซูฉางจิ่วหัวเราะ

“แม่เขาพูดถูกนะ ด้วยอายุลูก ควรหาใครสักคนเหมาะ ๆ มาแต่งงานได้แล้วละ”

คงจะดีถ้าลูกชายกับสะใภ้พึ่งพาได้บ้าง เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับลูกสาวหรอกนะ!