ตอนที่ 930 ปณิธานแรงกล้า

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 930 ปณิธานแรงกล้า

ทว่า เมื่อซีไหวอ๋องขยับท่านั่งก็สะเทือนถูกบาดแผลทันที เขาสูดปากด้วยความเจ็บปวด

ต้องยอมรับว่าเซียวหรงเหยี่ยนมีบารมีสูงส่งบางอย่างที่แม้แต่คนที่เกิดในราชวงศ์ยังไม่มี เขาสุขุมนุ่มลึก บัดนี้บารมีที่ทรงพลังและไอสังหารที่เด็ดเดี่ยวในร่างของเขาปิดไม่มิดอีกต่อไป

ซีไหวอ๋องเคยคิดว่าเซียวหรงเหยี่ยนพ่อค้า หากเขาไม่มีความสามารถและวิธีการที่โหดร้ายก็คงกลายเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่ได้ ทว่า บัดนี้เมื่อเชื่อมอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนและเซียวหรงเหยี่ยนเข้าด้วยกัน เขารู้สึกหวาดหวั่นยิ่งนัก

บัดนี้ซีไหวอ๋องมองเซียวหรงเหยี่ยนอย่างเหม่อลอย เขารู้ว่าตัวเองโง่มากที่ถูกปั่นหัวจนไม่รู้ว่าเซียวหรงเหยี่ยนคือมู่หรงเหยี่ยนเช่นนี้

“ท่านอ๋อง…” เซียวหรงเหยี่ยนรีบเดินเข้าไปประคองร่างของซีไหวอ๋อง จากนั้นมองไปทางหมอที่ยืนอยู่ด้านข้าง “อย่ามัวแต่ยืนนิ่ง รีบมาห้ามเลือดเร็ว!”

ซีไหวอ๋องยังคงสงสัย เขาอยากถามว่าเซียวหรงเหยี่ยนคืออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนใช่หรือไม่ เขาจ้องไปที่แขนของเซียวหรงเหยี่ยน เมื่อเล็งตำแหน่งได้จึงเอื้อมมือบีบแขนชายหนุ่มอย่างแรง “หรงเหยี่ยน…”

ซีไหวอ๋องบีบด้วยแรงทั้งหมดที่มี ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้มีท่าทีเจ็บปวดแม้แต่น้อย ชายหนุ่มเพียงแค่หันมามองเขา สายตาหยุดอยู่ที่มือที่เปื้อนเลือดของเขา

“ท่านอ๋องต้องการพิสูจน์สิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ” เซียวหรงเหยี่ยนเงยดวงตาที่ล้ำลึกของตัวเองมองไปทางซีไหวอ๋อง จากนั้นถลกแขนเสื้อของตัวเองขึ้นสูงจนเผยให้เห็นวงแขนที่กำยำ

“ทรงต้องการตรวจสอบว่าแขนของกระหม่อมมีบาดแผลหรือไม่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

ซีไหวอ๋องจ้องมองวงแขนที่ไร้บาดแผลใดๆ ของเซียวหรงเหยี่ยนนิ่ง จากนั้นเงยหน้ามองไปทางเซียวหรงเหยี่ยน ขอบตาของเขาร้อนผ่าวพลางหัวเราะออกมาเบาๆ เขาเอนกายพิงเสาทางด้านล่างพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นรีบกล่าวขึ้น “เร็ว รีบมาห้ามเลือดให้ข้าเร็วเข้า!”

หมอรีบก้าวไปด้านหน้า วางกล่องยาลง จากนั้นคุกเข่าช่วยห้ามเลือดให้ซีไหวอ๋อง ซีไหวอ๋องมองเซียวหรงเหยี่ยนพลางกล่าวขึ้น “เจ้าอย่าโทษข้าเลยหรงเหยี่ยน มีคนบอกข้าว่าเจ้าคืออ๋องเก้าแห่งแคว้นต้าเยี่ยน ทว่า จะเป็นไปได้อย่างไรกัน! เจ้าฉลาดถึงเพียงนี้ หากเจ้าคืออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนจริงจะตั้งนามตัวเองเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”

ซีไหวอ๋องกล่าวจบก็รู้สึกที่บาดแผลจนต้องสูดปาก เขากล่าวกับเซียวหรงเหยี่ยนต่อ “เจ้ามาช้าเช่นนี้ ข้าจึงนึกว่าเจ้าคืออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนที่กำลังทำแผลอยู่ ไม่ใช่เจ้าก็ดีแล้ว ไม่ใช่เจ้าก็ดี…”

เซียวหรงเหยี่ยนเม้มปากแน่นพลางจ้องไปที่ใบหน้าซีดเผือดของซีไหวอ๋อง “วันนี้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวเสด็จกลับเมืองหลวงกระหม่อมจึงออกไปรอต้อนรับที่นอกเมือง ยังไม่ทันได้พบนางก็ได้ยินคนรายงานท่านลอบสังหารอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนจนถูกจับตัวได้”

ซีไหวอ๋องอ๋องพยักหน้า “เจ้าอย่าหาว่าข้าขี้หวาดระแวงเลย เชื้อพระวงศ์เก่าของแคว้นเว่ยบอกเจ้าคืออ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน ครั้งนี้เจ้าดันบังเอิญเดินทางมายังเมืองหลวงพร้อมอ๋องเก้าอีก ข้าจึงอดสงสัยไม่ได้ ข้าเห็นเจ้าเป็นสหายดังนั้นจึงอยากมาดูให้แน่ใจว่าเจ้าใช่อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนจริงหรือไม่! ทว่า ร่างของพวกเจ้าคล้ายคลึงกันมาก ตอนข้าเห็นอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนครั้งแรกข้ายังตกใจเลย ต่อมาเมื่อเห็นว่าเยว่สือไปอยู่ ข้าก็รู้ทันทีว่าต้องไม่ใช่เจ้า เยว่สือไม่เคยห่างกายเจ้าไปที่ใด”

เยว่สือได้ยินคำกล่าวของซีไหวอ๋อง เมื่อเห็นซีไหวอ๋องมองมาที่เขาจึงรีบก้มหน้าต่ำ

ซีไหวอ๋องถอนหายใจยาวออกมา “ไม่รู้ว่าเหตุใดอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนผู้นั้นต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาด้วย เพราะน่าตาอัปลักษณ์มากอย่างนั้นหรือ เจ้าเคยเห็นหน้าเขาหรือไม่”

เซียวหรงเหยี่ยนส่ายหน้า “ท่านอ๋องเก้าไม่เคยให้ผู้ใดเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินว่าตอนเด็กๆ ทรงได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าจึงมีรอยแผลเป็น ทว่า ล้วนเป็นข่าวลือทั้งสิ้น ที่กระหม่อมเดินทางมาพร้อมท่านอ๋องเก้า…”

ซีไหวอ๋องกลัวว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะรู้สึกผิดจึงรีบกล่าวขึ้น “เจ้าไม่ต้องอธิบายหรอก ข้าเข้าใจดีว่าเจ้าคือพ่อค้า เจ้าต้องเลี้ยงดูคนในตระกูลเซียวอีกมากมาย ข้าไม่อาจขอให้เจ้าโกรธแค้นต้าเยี่ยนหรือสังหารอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเหมือนข้าได้ ข้าเข้าใจดีว่าเจ้าต้องอาศัยอำนาจของอ๋องเก้าและต้าเยี่ยนจึงจะสามารถทำการค้าต่อไปได้อย่างสะดวก ข้าไม่โทษเจ้าจริงๆ! เจ้าคือผู้มีพระคุณของตระกูลไป๋ อีกทั้งเป็นคู่หมั้นของจักรพรรดินีแห่งต้าโจว หากข้าเป็นอ๋องแห่งต้าเยี่ยนข้าก็คงพาเจ้ามาด้วยเช่นเดียวกัน”

เซียวหรงเหยี่ยนเม้มปากไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น

“ไม่รู้ว่าอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนจะลงโทษข้าเช่นไร…” ซีไหวอ๋องไม่กล้ามองดูบาดแผลของตัวเอง เขาเอ่ยถามเซียวหรงเหยี่ยนด้วยลำคอที่ร้อนผ่าว “หรงเหยี่ยนสนิทกับอ๋องเก้ามากหรือไม่”

“กระหม่อมจะทูลขอร้องท่านอ๋องเก้าแทนท่านอ๋องเองพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วง สิ่งสำคัญตอนนี้คือห้ามเลือดให้ได้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าว

“เจ้าคือสหายที่ดีของข้าจริงๆ!” ซีไหวอ๋องยิ้มให้เซียวหรงเหยี่ยน แววตาส่อแววขมขื่นเล็กน้อย

“ข้าตกอับเช่นนี้ ผู้อื่นมีแต่จะหลีกหนีข้า เจ้ากลับจะช่วยขอร้องแทนข้า ข้าทำให้เจ้าเดือดร้อนจริงๆ!”

ซีไหวอ๋องกล่าวด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เขาขยับท่านั่ง น้ำเสียงแหบพร่า “หรงเหยี่ยน เจ้าทำเท่าที่ทำได้ก็พอ อย่าล่วงเกินอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเพราะข้าเด็ดขาด หากเขายอมไว้ชีวิตข้าก็ดีไป หากไม่…เจ้าแค่ขอร้องให้ข้าตายอย่างครบสามสิบสองก็พอ ข้าไม่อยากผูกคอตาย การถูกรัดคอจนตายทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่คงทรมานมาก ขอเป็นยาพิษแทนก็แล้วกัน เอาแบบที่ออกฤทธิ์ทันที! ข้ารู้ว่าเจ้าน่าจะทำได้!”

เซียวหรงเหยี่ยนเม้มปากแน่น ครู่ใหญ่จึงกล่าวกับซีไหวอ๋อง “ท่านอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนทรงทราบว่าท่านอ๋องเป็นเพียงอ๋องเจ้าสำราญ ชื่อเสียงเสเพลของท่านโด่งดังไปทั่วทุกแคว้นนานแล้ว ต่อให้ปล่อยท่านไปท่านก็คงก่อเรื่องอันใดไม่ได้ ท่านอ๋องเก้าคงไม่สนพระทัยเรื่องนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ”

ซีไหวอ๋องหลุดขำกับคำกล่าวของเซียวหรงเหยี่ยน “ความเจ้าสำราญรักษาชีวิตได้ด้วยหรือ!”

เซียวหรงเหยี่ยนมองไปทางซีไหวอ๋อง ใบหน้าค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มขึ้น เขากล่าวกับซีไหวอ๋อง

“กระหม่อมจะให้คนไปส่งท่านอ๋อง ให้พวกเขาหาที่ที่สงบและมั่งคั่งให้ท่านอ๋องใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายชีวิตพ่ะย่ะค่ะ นี่คือสิ่งสุดท้ายที่กระหม่อมจะทำให้ท่านอ๋องได้ในฐานะสหายพ่ะย่ะค่ะ!”

“ไม่ได้หรอก…” น้ำเสียงของซีไหวอ๋องอ่อนล้ามาก เขามองไปรอบกายเล็กน้อยราวกับไม่สะดวกที่จะกล่าวออกมา เมื่อเห็นหมอทำแผลให้เขาเสร็จแล้ว ซีไหวอ๋องจึงใส่เสื้อผ้าตามเดิม เขาเตรียมเบี่ยงประเด็นเลี่ยงนี้

“พวกเจ้าออกไปก่อน!” เซียวหรงเหยี่ยนหันไปสั่งเยว่สือ “เฝ้าหน้าประตูไว้ให้ดี ห้ามผู้ใดเข้าใกล้ทั้งสิ้น!”

“ขอรับ!” เยว่สือพาหมอและองครักษ์ที่คุ้มกันอยู่ในห้องออกไปจากห้อง

“ท่านอ๋องตรัสมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงไม่สั่งให้กระหม่อมไปสังหารอ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยน ไม่ว่าเรื่องใดกระหม่อมก็จะช่วยเหลือพ่ะย่ะค่ะ” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวออกมาจากใจจริง เขารู้สึกผิดต่อซีไหวอ๋อง เขาอยากทำสิ่งใดเพื่อชดใช้ความผิดให้ชายหนุ่มบ้าง

“เจ้าช่วยข้าไม่ได้หรอก ข้าไม่อยากทำให้เจ้าเดือดร้อนด้วย!” มือที่ผูกเชือกเครื่องแต่งกายของซีไหวอ๋องสั่นเทาเล็กน้อย “ก่อนไทเฮาจะจากไป พระองค์ฝากฝังหลานชายของข้าไว้ให้ข้า ทว่า หลานชายของข้าผู้นั้นปณิธานแรงกล้าเกินไป! ข้าคือญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของเขา หากข้ามีชีวิตรอดกลับไปได้ ข้าต้องกลับไปช่วยเหลือเขา เช่นนี้จะได้ไม่ถือเป็นการผิดต่อความรักและการดูแลอย่างดีที่เสด็จพี่เคยมีให้ข้า”

หากเด็กน้อยผู้นั้นไม่ใช่โอรสของเสด็จพี่ ไม่ได้เรียกเขาว่าเสด็จอา เขาคงหนีเอาตัวรอดไปนานแล้ว ทว่า เด็กคนนั้นคือโอรสของเสด็จพี่ เขาต้องดูแลเด็กคนนั้นเพื่อเสด็จพี่ของเขา…