ตอนที่ 931 แก้แค้น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 931 แก้แค้น

เซียวหรงเหยี่ยนกำหมัดแน่น จักรพรรดิองค์น้อยของแคว้นเว่ยหนีรอดไปได้ ต้าเยี่ยนออกตามหาไปทั่ว ทว่า ไม่รู้ว่าเขาไปซ่อนตัวอยู่ที่ใดกันแน่

สำหรับต้าเยี่ยนแล้วการที่จักรพรรดิน้อยของแคว้นเว่ยยังมีชีวิตอยู่ถือเป็นภัยสำหรับพวกเขา

“ฝ่าบาททรงปลอดภัยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เซียวหรงเหยี่ยนซ่อนความรู้สึกในแววตา เอ่ยถามเสียงเบา

“เจ้าอยากกอบกู้แคว้นคืนเหมือนกันอย่างนั้นหรือ” ซีไหวอ๋องกล่าวยิ้มๆ “ช่างเถิดหรงเหยี่ยน ก่อนหน้านี้หลานชายของข้าตั้งใจให้ข้ามาพบเจ้าจริงๆ ทว่า ข้าไม่ได้รับปากเขา ถึงแม้เจ้าจะเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งในใต้หล้า ทว่า เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียสละสมบัติทั้งหมดของเจ้าเพียงเพราะเจ้าคือคนแคว้นเว่ย”

ซีไหวอ๋องคลี่ยิ้มที่ดูแย่กว่าร้องไห้ออกมา เขาคือคนของราชวงศ์เว่ย เขาจะไม่อยากเห็นแคว้นเว่ยถูกกอบกู้ได้อย่างไรกัน ทว่า เขารู้ดีว่าคงไม่มีหวังแล้ว เขาไม่อยากทำให้สหายคนนี้เดือดร้อนอีก

“ต้าเยี่ยนแข็งแกร่ง แคว้นเว่ยถูกกำหนดแล้วว่าต้องดับสูญ การที่หลานชายของข้าดึงดันจะกอบกู้แคว้นคืนในตอนนี้ล้วนเป็นเพราะเขายังเด็กอยู่เท่านั้น เขาทำสิ่งใดไม่ได้หรอก เหตุใดยังต้องลำบากเจ้าอีกคนกัน”

เซียวหรงเหยี่ยนกำหมัดแน่น

“แม้ข้าจะเป็นเพียงอ๋องเจ้าสำราญ ทว่า แคว้นดับสูญแล้ว ข้าไร้บ้านแล้ว ข้ามองสิ่งเหล่านี้ออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ปณิธานของต้าเยี่ยนคือการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง พวกเขามีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ละก้าวที่พวกเขาเดินไปจะยิ่งมั่นคงมากยิ่งขึ้น! ต้าโจวเองก็เช่นเดียวกัน! การรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายของแคว้นที่แข็งแกร่งทุกแคว้นไปแล้ว แคว้นเว่ยคงฟื้นคืนได้ยากลำบาก ถึงแม้แคว้นจะถูกกอบกู้คืนมา พวกเราก็จะกลายเป็นเพียงอาวุธที่ถูกแคว้นอื่นใช้ประโยชน์เท่านั้น!”

ความเกลียดชังในดวงตาของซีไหวอ๋องไม่ได้เด่นชัดมาก เขากล่าวเพียง “ข้าได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งจักรพรรดินีแห่งต้าโจวจะทำลายต้าเยี่ยนได้ เช่นนี้ก็ถือเป็นการแก้แค้นให้แคว้นเว่ยแล้ว”

ไม่ได้เจอกันนาน คนเราช่างเปลี่ยนไปมากจริงๆ

เซียวหรงเหยี่ยนไม่เชื่อว่าซีไหวอ๋องจะกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมาด้วยตัวเองเช่นนี้ “ท่านอ๋องทรงคิดถ้อยคำเหล่านี้เองหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ซีไหวอ๋องหัวเราะออกมาราวกับกำลังบอกว่าเจ้าช่างรู้จักนิสัยข้าดีเสียจริง “อาจารย์หลิ่ววั่นหยวนของหลานชายข้าเป็นคนกล่าว ก่อนข้าจากมาท่านอาจารย์หลิ่ววั่นหยวนบอกกับข้าว่าไม่ต้องจริงจังเรื่องการลอบสังหารในครั้งนี้มากนัก การรักษาชีวิตของตัวเองสำคัญที่สุด ถือเสียว่าทำเพื่อหลานชายของข้า!”

“ใต้เท้าหลิ่วเป็นคนฉลาด” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวอย่างจริงใจ

“ใช่แล้ว!” ซีไหวอ๋องถอนหายใจยาวออกมา น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขมขื่นเล็กน้อย “จะว่าไปแล้วแม้หลานชายของข้าจะอายุยังน้อย ทว่า เขากลับมีปณิธานที่แรงกล้า เขา…แข็งแกร่งกว่าข้ามากนัก!”

เซียวหรงเหยี่ยนมองดูซีไหวอ๋องที่เชื่อใจและไม่หวาดระแวงเขาแม้แต่น้อยนิ่ง จากนั้นเอ่ยเสียงเบา “ท่านอ๋องพักรักษาตัวให้สบายเถิดพ่ะย่ะค่ะ ช่วงนี้กระหม่อมจะให้เยว่สือดูแลท่านด้วยตัวเอง หากกระหม่อมขอร้องท่านอ๋องเก้าให้ไว้ชีวิตท่านได้แล้ว กระหม่อมจะให้คนพาท่านจากไปพ่ะย่ะค่ะ”

ซีไหวอ๋องพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง “ถึงแม้เจ้าจะขอร้องไม่สำเร็จ ทว่า การมีสหายอย่างเจ้าถือว่าเป็นโชคดีของข้าแล้ว”

ต่งซื่อปรึกษากับฮูหยินสองหลิวซื่อ ฮูหยินสามหลี่ซื่อ ฮูหยินสี่หวังซื่อและฮูหยินห้าฉีซื่อแล้วว่าจะเคลื่อนขบวนศพขององค์หญิงใหญ่ไปทำพิธีฝังในวันที่สิบเก้าซึ่งเป็นวันก่อนหน้าพิธีราชาภิเษกของไป๋ชิงเหยียนหนึ่งวัน นางต้องการทำให้องค์หญิงใหญ่สมปรารถนาและถือเป็นการสิ้นสุดราชวงศ์ต้าจิ้นอย่างแท้จริง

เจี่ยงหมัวมัวสั่งให้คนทำความสะอาดเรือนของฮูหยินทุกคนล่วงหน้าก่อนที่พวกนางจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว

เมื่อเวลาเริ่มดึกลงไป๋ชิงเหยียนจึงให้ไป๋จิ่นซิ่วพาวั่งเกอไปพักผ่อนก่อน ไม่ได้เจอกันนานหลายเดือน วั่งเกอติดไป๋จิ่นซิ่วงอมแงม

ไป๋จิ่นเจา ไป๋จิ่นหวาและไป๋จิ่นเซ่ออยู่ในวัยกำลังโต ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้พวกนางไปพักผ่อนก่อน ครึ่งคืนหลังค่อยมาเปลี่ยนเวรนางกับไป๋ชิงเจวี๋ย

ไป๋จิ่นเซ่อไม่ยอมกลับไปนอน นางเพิ่งได้พบหน้าไป๋ชิงเจวี๋ยจึงอยากอยู่เฝ้าวิญญาณท่านย่าที่หอทำพิธีด้วย ทว่า สาวน้อยไม่ได้ซักถามไป๋ชิงเจวี๋ยว่าหลายปีที่ผ่านมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด นางรู้ดีว่าไป๋ชิงเจวี๋ยมีเหตุผลที่ยังไม่กลับมา ขอเพียงพี่ชายเจ็ดของนางกลับมาอย่างปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว

วันนี้จักรพรรดินีแห่งต้าโจวนำศพขององค์หญิงใหญ่กลับมาเมืองหลวง บรรดาฮูหยินตระกูลไป๋กลับมาถึงเมืองหลวงแล้วเช่นกัน เมืองหลวงในวันนี้จึงดูวุ่นวายกว่าปกติ

ตะวันลับฟ้า ความมืดเข้าแทนที่ ในที่สุดเมืองหลวงก็สงบลงท่ามกลางค่ำคืนที่มีแต่เสียงร้องของแมลง

ไม่นานเม็ดฝนปรอยลงมาจากท้องฟ้า สายฝนไม่ได้หนักมาก ทว่า เมื่อตกนานเข้าสิ่งก่อสร้างและหลังคากระเบื้องของเมืองหลวงจึงเปียกชุ่มไปหมด

กองกำลังรักษาพระองค์ยืนคุ้มกันอยู่นอกจวนไป๋อย่างแน่นหนา ชาวบ้านทั่วไปไม่กล้าเข้าใกล้จวนไป๋แม้แต่น้อย

ประตูหอทำพิธีเปิดกว้าง ลมที่มีความชื้นของไอฝนพัดผ้าไหมสีขาวจนสะบัดขึ้น แสงไฟในหอทำพิธีดับลงชั่วขณะ เสียงกระดิ่งทองแดงที่แขวนอยู่ตามระเบียงทางเดินดังขึ้นเล็กน้อย แสงไฟในหอทำพิธีกลับมาสว่างจ้าอีกครั้ง

ไป๋จิ่นเซ่อเอนกายพิงไป๋ชิงเหยียนผล็อยหลับไปอย่างทนไม่ไหว

ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้ชุนเถาไปนำผ้าห่มมาให้ไป๋จิ่นเซ่อ ชุนเถาจึงเดินไปนำน้ำแกงที่ถงหมัวมัวทำด้วยตัวเองที่โรงครัวเล็กของเรือนชิงฮุยมาให้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋ชิงเจวี๋ยดื่มเพื่อผ่อนคลายด้วย

เมื่อเห็นว่าคุณหนูใหญ่และคุณชายเจ็ดกำลังสนทนากันอยู่ ชุนเถาจึงรีบห่มผ้าให้คุณหนูเจ็ด ตักน้ำแกงให้คุณหนูใหญ่และคุณชายเจ็ด จากนั้นถอยไปยืนอยู่ด้านหลังไป๋ชิงเหยียนนิ่งๆ

ไป๋ชิงเจวี๋ยยกถ้วยน้ำแกงขึ้นดื่ม จากนั้นวางลงข้างกาย เขากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงจริงจัง “ท่านประมุขตระกูลไป๋ติดตามข้ามาเมืองหลวงด้วย ทว่า ไป๋ชิงผิงอยู่ดูแลเมืองซั่วหยางต่อเพื่อความไม่ประมาทขอรับ ข้าจึงให้แม่ทัพเสิ่นคุนหยางอยู่ที่ซั่วหยางต่ออีกสักพัก จากนั้นค่อยนำทัพใหญ่มาถึงเมืองหลวงในวันพิธีราชาภิเษกของพี่หญิงใหญ่ จะได้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดกล้าก่อความวุ่นวายในวันงานพิธีขอรับ”

แมลงกลางคืนบินมาหลบฝนอยู่ที่มุมมืดของระเบียงทางเดินพลางส่งเสียงร้องเบาๆ ผีเสื้อกลางคืนบินชนผ้าม่านกันแมลงที่ถูกฝนสาดจนเปียกไปกว่าครึ่ง จวนไป๋ยิ่งดูเงียบสงัดขึ้นกว่าเดิม คำกล่าวของไป๋ชิงเจวี๋ยยิ่งฟังกังวานขึ้นกว่าเดิม

แววตาของชายหนุ่มหนักแน่น เขาจะปกป้องให้พี่หญิงใหญ่ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น จะไม่ยอมให้ผู้ใดก่อความวุ่นวายขึ้นทั้งสิ้น

“เจ้าได้ข่าวอันใดมา” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถามไป๋ชิงเจวี๋ยเสียงอ่อนโยน

“ตอนอยู่ที่หนานเจียงแม่ทัพเสิ่นคุนหยางได้รับจดหมายจากน้องหญิงสาม ซีเหลียงลอบส่งเหยียนอ๋องหลี่จือเจี๋ยเดินทางมายังต้าจิ้นอย่างลับๆ ในวันที่ยี่สิบสาม เดือนสี่ ทว่า น้องหญิงสามยังไม่ได้สนิทสนมกับราชวงศ์ซีเหลียงมากนัก นางจึงสืบไม่รู้ว่าเหตุใดหลี่จือเจี๋ยจึงลอบเดินทางมายังต้าจิ้น ตอนที่ข้าอยู่ที่ซั่วหยางข้าบังเอิญได้รับจดหมายจากฉินหล่าง เขากล่าวว่าตอนที่เมืองหลวงเกิดความวุ่นวาย เขาพาท่านป้าสะใภ้สองไปขอพรที่วัดในวันที่สิบหก เดือนห้า เขาบังเอิญเห็นไป๋สุ่ยอ๋องและเหยียนอ๋องนัดพบกันอย่างลับๆ ขอรับ”

สิ้นเสียงของไป๋ชิงเจวี๋ย เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากระเบียงทางเดิน เขารีบชะงักคำกล่าวในทันที จากนั้นมองไปทางนั้นด้วยสายตาหวาดระแวง

ไป๋จิ่นซิ่วและฉินหล่างเดินเข้ามาพอดี…

ฉินหล่างมองไปทางไป๋ชิงเจวี๋ยที่คุกเข่าอยู่บนพื้นและไป๋ชิงเหยียนที่สีหน้าอ่อนล้า ทว่า พยายามฝืนตัวเองให้เข้มแข็งแวบหนึ่ง จากนั้นทำความเคารพคนทั้งสอง “คุณหนูใหญ่ คุณชายเจ็ด!”

ไป๋ชิงเจวี๋ยรีบลุกขึ้นยืนทำความเคารพ “พี่หญิงรอง พี่เขยรอง!”

ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า จากนั้นเอ่ยขึ้น “ไม่คิดว่าอาเจวี๋ยจะเล่าเรื่องนี้ให้พี่หญิงใหญ่ฟังแล้ว ข้าเพิ่งได้ยินฉินหล่างเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเช่นกัน ข้าจึงรีบมาหาพี่หญิงใหญ่ที่นี่เพื่อให้ฉินหล่างเล่ารายละเอียดให้พี่หญิงใหญ่ฟังด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”

“ชุนเถา” ไป๋ชิงเหยียนหันไปสั่งชุนเถาที่คุกเข่าอยู่ทางด้านหลังตน “ไปเฝ้าระเบียงทางเดินไว้ หากมีคนมาจงรีบรายงานข้าทันที”