บทที่ 914 ไม่มีทางเป็นคู่รักคู่แค้น

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

แน่นอน ในใจรู้ว่านี้คือเรื่องอะไร แต่ว่าบนปาก กลับไม่สามารถตอบคำถามตามคำพูดของเธอได้

ไม่อย่างนั้น เธอก็น่าจะโกรธเขาแล้ว

“โอเค” นัทธีโอบกอดวารุณีไว้และพยักหน้า “ผมสัญญากับคุณ ผมจะไม่เป็นไร กลับมาหาพวกคุณอย่างสมบูรณ์”

“แบบนี้แหละถูกแล้ว” ได้ยินคำสัญญาจากผู้ชาย วารุณีถึงสบายใจ เเล้วยิ้ม

คนใช้ในที่มืดเห็นทั้งสองโอบกอดอยู่ด้วยกัน กลับไปดีกันเหมือนเดิมแล้ว ยิ้มอย่างมีความสุขและพยักหน้า แล้วก็ออกไปอย่างเงียบๆ ให้ที่ตรงนี้กับทั้งสองคน ไม่ไปรบกวน

แม้แต่ผู้มารุต ก็อยู่อย่างเงียบๆ อยู่ในรถไม่กล้าลงมา แล้วก็ไม่กล้าที่จะขับรถออกไป กลัวว่าตัวเองจะทำเสียงดัง ทำลายบรรยากาศระหว่างทั้งสองคน

ดังนั้น มารุตทำได้แค่นั่งอย่างเรียบร้อยในรถ เอามือถือออกมาคุยกับเชอรีน เอาเรื่องสงครามเย็นของทั้งสองคน ยังมีเรื่องที่ดีกัน พูดซุบซิบนินทากับเชอรีน

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเเค่ไหน นานถึงมีลมหนาวพัดมาอีกครั้ง

วารุณีทนไม่ไหวจนตัวสั่น

หลังจากนัทธีรับรู้ความรู้สึกแล้ว ก็ปล่อยเธอออก หลังจากนั้น ขมวดคิ้วเเล้วมองไปที่เธอ “ทำไมใส่เสื้อผ้าน้อยขนาดนี้ก็ออกมาเลย?”

“เพราะว่าอยากเจอคุณไง” วารุณีมองไปที่ผู้ชายแล้วพูด

ทันใดนั้นผู้ชายก็ไม่สามารถทำท่าทีเข้มงวดได้อีก หลังจากถอนหายใจออกมาเบาๆ ถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกแล้วคลุมไปที่ตัวเธอ

ชุดสูทของผู้ชายยังมีความอุ่นจากร่างกายของเขาอยู่ หลังจากวารุณีใส่เข้าไปแล้ว ร่างกายก็อบอุ่นขึ้นมาทันที

นัทธีลากมือของเธอ จับเบาๆ และเดิน “มือยังเย็นอยู่เลย”

“อีกสักพักก็ไม่หนาวแล้ว” วารุณีพูดด้วยรอยยิ้ม

นัทธีกุมมือของเธออย่างแน่น “ไป เข้าไปข้างในก่อน”

“โอเค” วารุณีพยักหน้า

สองสามีภรรยาจับมือกันเดินเข้าไปในวิลล่า

ข้างในวิลล่าถูกกั้นออกจากลมหนาวข้างนอก ทันทีหลังจากที่เดินเข้าไป วารุณีก็ไม่รู้สึกหนาวแล้ว

เธอต้องการถอดเสื้อคลุมบนตัวออก ทว่าหลังจากที่นัทธีรับรู้ถึงท่าทางของเธอแล้ว รีบกดไหล่ของเธอทันที หยุดเธอไว้ “ใส่ไว้ อีกสักพักค่อยถอด ถอดตอนนี้เป็นหวัดได้ง่าย”

ผู้ชายพูดจริงจังเช่นนี้นี้แล้ว วารุณีจะขัดความหวังดีของเขาได้ยังไง ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือเขาเป็นห่วงใยเธอ

ดังนั้น หลังจากวารุณียิ้มเเล้วยิ้มอีก เอามือออก ไม่ถอดเเล้ว

นัทธีเห็นดังนี้ จึงจะคลายไหล่ของเธอลงอย่างพอใจ ลากเธอไปนั่งลงที่โซฟา แล้วเรียกคนใช้มา

“คุณผู้ชาย มีคำสั่งอะไรไหมคะ?” คนรับใช้มายังด้านหน้าของทั้งสองคน มือทั้งสองข้างซ้อนกันที่หน้าท้องข้างหน้า ถามด้วยความเคารพ

นัทธีเปิดริมฝีปากบางๆ ออกคำสั่งเบาๆ “ต้มซุปขิงให้คุณผู้หญิงหน่อย”

“ห้ะ?ซุปขิงเหรอ?คนใช้ยังไม่ทันตอบกลับ วารุณีก็ได้พูดตัดบทคนใช้แล้ว

ใบหน้างดงามเล็กๆ ของเธอทำหน้าย่นขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่อยากดื่มซุปขิงอะไรนั่นมากๆ

ทว่านัทธีกลับมองไปทางเธอด้วยสีหน้าเข้มงวด “ต้องดื่ม เมื่อกี้คุณอยู่ข้างนอกหนาวอยู่สักพัก ดื่มซุปขิงสักนิดจะทำให้ร่างกายของคุณอบอุ่น ดีสำหรับคุณ”

“แต่ว่า……”

วารุณียังไม่ทันได้พูดจบ มุ่งมั่นที่จะล้มเลิกความคิดของผู้ชายที่จะให้เธอดื่มซุปขิง

อย่างไรก็ตามผู้ชายไม่ได้ให้โอกาสครั้งนี้กับเธอ ดีดหน้าผากของเธอเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่อนุญาตให้อ้อน จำเป็นต้องดื่ม ไม่มีการต่อรอง”

พูดจบ เขาจ้องเขม่งไปที่คนใช้หยักคางให้สัญญาณว่า “ไปทำเถอะ”

“รับทราบค่ะ คุณผู้ชาย” หลังจากคนใช้เหลือบมองวารุณีด้วยนัยน์ตาที่อบอุ่น เเววตาที่ส่องประกายเเละรอยยิ้มนิดหน่อย หันกลับไปที่ห้องครัว

วารุณีจับได้ถึงรอยยิ้มในนัยน์ตาของคนใช้ จ้องมองไปที่ผู้ชายแล้วทำปากมุ่ย “ทั้งหมดเป็นเพราะคุณ เมื่อกี้เธอหัวเราะเยาะฉันเลย”

นัทธียิ้มโค้งที่ริมฝีปาก “ใครให้คุณยังเหมือนกับเด็ก อยากจะทำตัวน่าอ้อนเเละงอแงไม่ดื่มซุปขิงล่ะ?”

“ใครทำตัวงอแง?ใครทำตัวอ้อน?ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย” วารุณีทำตาเบิกกว้างโต้กลับ

นัทธีมองไปที่เธอ “คุณเปล่า เพราะว่าคุณยังไม่ทันทำ เอาเถอะ เดี๋ยวดื่มซุปขิงดีๆ นะ มันดีต่อคุณ ใครให้คุณใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นออกไปข้างล่ะ?”

“ฉันพูดไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ เพราะฉันรีบร้อนมาเจอคุณ ดังนั้นเลยไม่ได้คิดอะไรมาก” วารุณีเอียงศีรษะพิงลงบนไหล่ของเขา เปลือกตาคล้อยลงเล็กน้อย “ขอโทษนะนัทธี”

ท่าทางที่ดื่มชาของนัทธีได้หยุดชะงัก หลังจากนั้นไม่นานก็หันศีรษะไปมองที่เธอ “ขอโทษทำไม?”

ปากแดงๆ ของวารุณีขยับ “เพราะว่าช่วงนี้ฉันเอาเเต่ใจ”

นัทธีเข้าใจความหมายของเธอ เอาแก้วชาในมือวางลง “คุณไม่ต้องขอโทษหรอก เรื่องนี้ พวกเราต่างก็ไม่ผิดทั้งหมดก็เพราะเพื่อซึ่งกันและกัน เพียงแค่วิธีคิดและจุดเริ่มต้นไม่เหมือนกัน คุณไม่ได้ผิดเลย”

“ไม่ ฉันยังมีความผิด” วารุณีเงยหน้าขึ้นมองไปที่ผู้ชาย “ฉันเเค่แค่อยากอยู่ข้างๆ คุณ เผชิญหน้ากับนิรุตติ์พร้อมคุณ แต่ฉันคิดง่ายเกินไป และไม่ได้คิดมาก่อนว่า หากฉันอยู่ต่อ จะเป็นตัวถ่วงของคุณหรือเปล่า ถ้าสมมุติสุดท้ายเเล้ว ฉันเป็นตัวถ่วงของคุณจริงๆ ทำให้เกิดเรื่องอันตรายกับคุณ นั่นคือความผิดของฉัน ก็ไม่มีวิธีที่จะพูดให้ชัดเจนแล้ว ดังนั้นฉันจึงพูดว่า ฉันมีส่วนผิด ฉัน

อยากพูดขอโทษกับคุณ”

นัทธียกมือขึ้นมาลูบผมของเธอ “งั้นผมก็มีความผิด ไม่ได้พูดเรื่องพวกนี้กับคุณให้ชัดเจนตั้งแต่แรก แค่คิดว่าให้ตัวคุณคิดเรื่องนี้ให้เข้าใจด้วยตนเอง แต่ผมไม่ได้คิดมาก่อนเลย คุณต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเข้าใจ บวกกับช่วงนี้ต้องจัดการทุกอย่าง ผมไม่ได้คิดไปถึงว่าการที่ไม่สนใจคุณ ทำให้คุณยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ เป็นผมเองที่ไม่ถูก ขอโทษนะ”

เขาจูบลงที่หน้าผากของเธอ น้ำเสียงมีความรู้สึกผิด

วารุณีก็เข้าใจความหมายของผู้ชาย ส่ายหัวไปมา “เป็นเพราะฉันเอาแต่ใจเกินไปแล้ว จริงๆ แล้วฉันคิดว่า พวกเราสองคน คุณจะเป็นคนที่ยอมถอยก่อน จะให้ฉันอยู่ต่อ ดังนั้นฉันจึงไม่ได้อธิบายกับคุณมาโดยตลอด แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าครั้งนี้ คุณไม่ได้ยอมถอยก่อนอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ แถมยังยืนหยัดทำสงครามเย็นกับฉันมาตลอด พอคุณทำสงครามเย็น ฉันก็ยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก ยิ่ง

ไม่อยากจะคิดเรื่องอื่น ดังนั้นฉันจึงอยากจะเอาจริงกับคุณเพิ่มขึ้นไปอีก ตอนนี้คิดดูแล้ว ฉันปัญญาอ่อนเกินไปแล้ว”

“สงครามเย็นนี้ พวกเราผิดทั้งคู่ ผมไม่ได้คิดที่จะพูดกับคุณให้ชัดเจน ผมควรจะพูดกับเธอให้ชัดเจนตั้งเเต่เเรก แต่ไม่ใช่ให้คุณคิดเข้าใจด้วยตัวเอง” นัทธีถอนหายใจเบาๆ และรู้สึกผิดหวังในใจมาก

วารุณีกอดเขาอย่างแน่น “ไม่เกี่ยวกับคุณ ช่วงนี้คุณยุ่งขนาดนี้ ยังมีอารมณ์มาคิดเรื่องแบบนี้อีก สรุปแล้ว เหตุผลหลักๆ ยังคงเป็นฉันดื้อดึงเกินไป จริงจังเกินไป ต้องการที่จะเปรียบเทียบว่าจะชนะหรือแพ้ หลังจากนี้จะไม่แล้ว ผ่านเรื่องนี้มา ฉันก็เข้าใจ บางครั้งคิดเรื่องบางเรื่อง ต้องคิดให้ลึกกว่านี้ ห้ามคิดอย่างดื้อดึง ห้ามรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั้นถูกต้อง สรุปแล้วครั้งนี้ ก็เป็นบทเรียนหนึ่ง

ให้กับตัวเอง”

“ผมเองก็เช่นกัน” นัทธีมองไปที่เธอ นัยน์ตาจริงจัง “ฉันก็แค่กำลังคิดว่า คุณจะเข้าใจความตั้งใจของผมอย่างรวดเร็ว แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เป็นเพราะความเย็นชาของผม ทำให้คุณยิ่งดื้อดึง และยิ่งไม่เข้าใจในเรื่องนี้”

ที่สำคัญก็คือ เขาที่เป็นผู้ชาย คิดไม่ถึงว่าจะทำสงครามเย็นกับเธอได้ขนาดนี้

แทนที่จะหาวิธีที่ดี พูดกับเธอให้ชัดเจน ให้เขาเข้าใจ

ตรงจุดนี้ คือสิ่งที่ทำได้ไม่ดีในฐานะผู้ชาย

วารุณีและนัทธีมองหน้ากัน หลังจากมองกันไม่กี่วินาที จู่ๆ ก็ยิ้มออกมา “สรุปแล้ว พวกเราสองคนต่างก็มีผิดสงครามเย็นในครั้งนี้ ต่างคนก็รู้เเล้วว่าตัวเองทำผิดอะไร งั้นหลังจากนี้ พวกเราไม่เป็นเเบบนี้แล้วโอเคไหม?ฉันไม่อยากทำสงครามเย็นกับคุณแล้ว ความรู้สึกนี้มันไม่ดีจริงๆ มันทำให้ฉันกลัวจริงๆ ฉันถึงขั้นกังวลว่าพวกเราจะอยู่ทำสงครามเย็นตลอดต่อไป สุดท้ายก็จะไม่เหลือ

ความรู้สึก กลายเป็นคู่รักคู่แค้นกัน”

ได้ยินประโยคนี้ ม่านตาของนัทธีหดลง กุมมือเธอไว้แน่นขึ้น น้ำเสียงเข้มขรึมจริงจัง “ไม่มีทาง พวกเราไม่มีทางไปถึงจุดนั้นได้หรอก ไม่มีทางแน่นอน”

ไม่มีความรู้สึกเหรอ?

กลายเป็นคู่รักคู่แค้น?

เรื่องพวกนี้ เขาจะยอมรับได้ยังไง!