บทที่ 945 หัวใจที่สั่นรัว
CW: Dead Dove (มีเนื้อหาที่ผิดศีลธรรม), Pseudo Incest (ความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับคนในครอบครัวที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน)
บทที่ 945 หัวใจที่สั่นรัว
เธอรีบกุมอกไว้ พยายามระงับอาการสั่นไหวในใจ
ตอนมาก็ไม่รู้หรอกว่าจะไปมหาวิทยาลัยไหน
คิดแค่ว่าอยากมาเจอเสี่ยวเถียนเท่านั้นเอง
ระหว่างทางยังคิดอยู่เลยว่าถ้าได้เจอกันจะคุยอะไรด้วยดี
จากนั้นก็รู้ว่าพวกเขามาที่มหาวิทยาลัยเกษตรกรรม
เธอพยายามคิดหาเหตุผลที่จะกลับไป
แต่ในเมื่อเดินทางกันมาแล้ว ไม่ว่าเหตุผลไหนก็ไม่เหมาะทั้งนั้น
ด้วยความกังวล เธอเดินทางมาที่นี่จนกระทั่งได้พบกับเสิ่นจื่อเจิน
เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อพบว่าซานกงไม่ได้อยู่แถวนี้ด้วย
คิดว่าเจ้าตัวไม่ได้เรียนที่นี่ ถ้าแบบนั้นก็หลบหน้าได้ มีเวลาให้พักหายใจด้วย
เพราะความคิดถึงที่พยายามกดเอาไว้มานานต้องใช้เวลาในการบรรเทา
แต่ใครจะรู้เล่าว่าจู่ ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้น
คนตรงหน้ายังเป็นชายผู้หล่อเหล่าและโดดเด่นในความทรงจำเสมอ
ถึงจะทำงานด้านการเกษตร แต่เขาไม่ได้ดูเชยเลยสักนิด
กลับกันแล้วยังมีบรรยากาศอันสงบที่น่าหลงใหล เรียบง่ายอย่างกับสายธารและขุนเขา
เธอรู้แล้วว่าชายที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปีโดดเด่นขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ไม่ว่าจะดีแค่ไหน ก็ไม่ใช่คนที่จะปรารถนาถึงได้
เขาเป็นพี่ชายในโคตรเดียวกัน*[1] เราต่างเป็นคนแซ่ซู คนแซ่เดียวกัน จึงแต่งงานกันไม่ได้
ถ้าคนอื่นรับรู้เรื่องนี้ เขาคงต้องโดนว่าร้ายแน่ ๆ
เสี่ยวเฉ่าพยายามซ่อนตัวเองให้มิดที่สุด ไม่กล้าเงยหน้ามองซานกงสักนิด
กลัวว่าถ้าเผลอมองเข้า ความรู้สึกที่พยายามปิดเอาไว้จะเปิดเผยออกมาจนไม่สามารถควบคุมไว้ได้
ใช่แล้ว เสี่ยวเฉ่าตกหลุมรักซานกง เธอชอบเขามาก ๆ แม้จะรู้ว่าไม่ควรเลยก็ตาม
ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไร รู้แค่ว่าชอบเข้าแล้ว
เพราะแบบนั้นตั้งแต่เข้าวิทยาลัย ตนจึงตีตัวออกหากจากคนที่เคยสนิทกันมาเรื่อย ๆ
หลายปีมานี้เธอต้องดิ้นรนกับความทุกข์ทรมานไม่หยุด
เธอรู้สึกว่าตัวเองมีความผิด
เป็นบาปที่ไม่สามารถให้อภัยได้
เพื่อที่จะลืมซานกง เธอไม่ได้ปฏิเสธที่จะติดต่อกับเขาเท่านั้น แต่ยังไม่ติดต่อกับคนบ้านซู รวมถึงเสี่ยวเถียนด้วย
และในปีที่โส่วเวินแต่งงาน เธอจึงได้ติดต่อกับพวกเขามากขึ้น
และครั้งนั้นทำให้เธอไม่สามารถปล่อยเขาไปได้ ส่วนความรู้สึกก็ควบคุมไว้ไม่ได้เหมือนกัน
หลายปีมานี้เธอคิดจะหาคู่ครอง แล้วก็พยายามลืมเขาด้วย
แต่เขาก็คือเขา ไม่มีใครสามารถแทนที่ได้เลย
สุดท้ายก็ล้มเลิกที่จะหาคนมาใช้ชีวิตด้วยกันในที่สุด
เธอมีคนในใจ และไม่เต็มใจจะแต่งงานสร้างครอบครัวกับใครด้วย
เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบอกใครได้ และจำต้องฝังไว้ให้มิดเท่านั้น
คนอื่นไม่ได้สังเกตเห็นเสี่ยวเฉ่าเลย ตอนนี้พวกเขาสนใจแต่สุขภาพของเสิ่นจื่อเจินเท่านั้น
“ฉันไม่ได้ดูแลเขาไม่ดีหรอกนะคะ” ซูเถาฮวาเดินไปหาซูฉางจิ่ว “เขาเอาแต่ทำงาน ต้องออกเดินทางตลอด ไปแต่ละครั้งกินเวลาเดือนสองเดือน ร่างกายก็เลยดีขึ้นช้าน่ะ”
จริง ๆ ตนเคยคิดจะขายโรงงานเพื่อหันมาดูแลสามีอย่างเต็มตัว
แต่ครอบครัวเรายังเหลือลูกชายอีกสองคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน
เธอไม่ได้ทำหน้าที่ภรรยา แต่ยังทำหน้าที่เป็นแม่ที่คำนึงถึงอนาคตของลูกด้วย
ตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง ชีวิตของเราถูกกำหนดให้ต่างไปจากตอนอยู่ชนบทแล้ว
เธอหวังว่าลูกชายจะสุขสบายมากขึ้นในภายภาคหน้า จึงทำงานให้หนักเท่าที่จะทำได้
“ฉันไม่โทษเธอหรอก หลังจากนี้ถ้าต้องออกเดินทางไปไหนฉันจะตั้งใจกินข้าวให้ดีนะ” เสิ่นจื่อเจินรีบออกตัว
เขาไม่สามารถเห็นแก่ตัวจนให้ภรรยายอมแพ้กับความฝันแล้วหันมาดูแลเขาหรอกนะ
ซานกงมองอาจารย์แล้วส่ายหัว
เห็นพูดแบบนี้ทุกรอบ แต่สุดท้ายพองานยุ่งก็ลืมอยู่ดี
เพราะเสี่ยวเถียนเคยบอกไว้ว่า จากสภาพร่างกายของเขา การกินอาหารที่ทำเป็นยาจะได้ผลดีที่สุด
แต่สิ่งนี้ทำยาก และการปล่อยให้เย็นชืดก่อนกิน ก็ไม่เกิดผลอีก
หลาย ๆ ครั้งที่กว่าจะกินก็เย็นหมด พออุ่นอีกรอบผลที่ได้ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เขาเคยบอกกับเสี่ยวเถียนนะ
และบอกให้เธอช่วยหาวิธีอื่นแทน
สุดท้ายเธอก็ให้เสิ่นจื่อเจินกินยารักษาแทน
ไม่ว่าอาหารจะเป็นยาชั้นดีขนาดไหน แต่มันก็ไร้ประโยชน์ถ้าไม่กินมัน
“เสี่ยวเถียนบอกอาจารย์อยู่ว่าเธอปรับใบจ่ายยาแล้ว และก็กำลังจะทำให้ใหม่ ให้อาจารย์กินเป็นยาเลยจะสะดวกกว่าน่ะ”
เด็กสาวจัดการเรื่องนี้อยู่นาน
เพราะหนึ่งในส่วนผสมที่ใช้ในการจ่ายยานั้นหายากมาก ค้นหาอยู่สามเดือนกว่าจะได้
อีกประมาณสองสัปดาห์ ยาถึงจะพร้อม
“ยาของเสี่ยวเถียนมีประสิทธิภาพมากนะ ซานกง ปู่ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วย ไว้ได้ยาจากน้องพร้อมเมื่อไร คอยดูแลอาจารย์เขาด้วยนะ ให้กินวันละสามครั้งเลย”
ฉือเก๋อมอบหน้าที่อันยิ่งใหญ่ให้ซานกงอย่างเคร่งขรึม
ชายหนุ่มให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลอย่างดี
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้วละ ผมคิดว่าร่างกายผมยังไหวนะ คงอยู่ได้ไปอีกยี่สิบสามสิบปีเลย” เสิ่นจื่อเจินเอ่ยอย่างร่าเริง
จากนั้นก็ชวนทุกคนไปที่ห้องทำงาน
“อาจารย์เสิ่นเป็นบุคคลสำคัญของเกษตรกรเรานะครับ คุณต้องดูแลสุขภาพด้วยนะ เพื่อที่เราและประชาชนทุกคนจะได้สบายใจ” ซูฉางจิ่วอดไม่ได้ที่จะให้คำแนะนำอีกเล็กน้อย
เสิ่นจื่อเจินประทับใจมาก
เป็นความกังวลที่เกษตรกรมีให้นักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ไม่มีสิ่งอื่นเจือปนเลย!
“หัวหน้าครับ โอ๊ะ ไม่สิ ต้องเรียกว่าผู้ใหญ่บ้านสินะ ตอนนี้ผมสบายดีครับ แค่ว่าสองสามปีที่ผ่านมามีอะไรเยอะแยะเลย ได้พักฟื้นก็ดีขึ้นครับ”
ตอนกลับมาที่นี่ เขาต้องอยู่ตัวคนเดียว จึงเหนื่อยมาก และไม่มีคนรอบข้างที่ให้ความช่วยเหลือได้เลย
เขาทำทุกอย่างหมด จนลืมกินลืมนอน
โชคดีที่ซานกงกับเสี่ยวเหมยรู้งานไว ใช้เวลาไม่กี่เดือนก็สามารถช่วยเหลือเขาได้แล้ว
ตอนนั้นเองที่ซานกงเหลือบไปเห็นเสี่ยวเฉ่าซ่อนตัวอยู่ข้างหลังทุกคน
พอเห็นคนคุ้นเคย เขารีบยิ้มดีใจออกมา
ก่อนจะก้าวขายาว ๆ เข้าไปหากระทั่งหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ
เสี่ยวเฉ่าตื่นตระหนกยิ่งกว่าเก่าตอนเห็นอีกฝ่ายมาหา
เพราะแบบนั้นเธอจึงก้าวถอยหลังจนเผลอสะดุดหินเข้า
เสี่ยวเฉ่าร่างกายโซเซกำลังจะล้มเสียแล้ว
ซานกงรีบคว้าเอาไว้
“เสี่ยวเฉ่า เธอตื่นเต้นที่ได้เจอฉันหรือ?” เขาเอ่ยติดตลก
แขนของเสี่ยวเฉ่ายังอยู่ภายใต้ฝ่ามือหนาหยาบกร้านของเขา แม้จะมีเสื้อผ้าบาง ๆ ขวางกั้น แต่ก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมา
เธออยากสะบัดมันออก เพราะสัมผัสนี้ทำให้หายใจหายคอไม่ออกและทำให้ตื่นเต้น เลยรีบก้าวถอยไปอีก
อย่างที่คิดไว้เลย เธอเสียหลักล้มอีกรอบ
แต่มือที่กำลังจะปล่อยออกนั่นรีบกระชากเข้าอย่างแรง
จนกระทั่งเธอชนเข้ากับร่างอีกฝ่ายโดยตรง
[1] มาจากรากศัพท์ 族兄 ในที่นี้คือ ญาติลำดับที่สี่ ซึ่งตามกฎหมายสมัยก่อน ญาติที่มีแซ่เดียวกันไม่สามารถแต่งงานกันได้ แต่ในยุคใหม่ความเคร่งเรื่องแซ่ในการแต่งงานลดน้อยลง เหลือเพียงที่มีสายเลือดเดียวกันในเครือญาติเท่านั้นที่ห้ามแต่งงานกัน เช่น กรณีญาติลำดับที่ 4 ของชาวจีนห้ามแต่งงานกัน, ไต้หวันญาติลำดับที่ 6 ห้ามแต่งงาน, เกาหลีญาติลำดับที่ 8 ห้ามแต่งงาน