บทที่ 946 ความรู้สึกที่ควบคุมเอาไว้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 946 ความรู้สึกที่ควบคุมเอาไว้

บทที่ 946 ความรู้สึกที่ควบคุมเอาไว้

ทั้งสองใกล้ชิดกันโดยไม่ทันตั้งตัว

บรรยากาศพาอึดอัดมากขึ้น

เสี่ยวเฉ่ารู้สึกว่าเหมือนได้ยินเสียงหัวใจเต้นถี่ระรัวของชายตรงหน้า

คนในบริเวณได้ยินเสียงความโกลาหลจึงหันมามอง ก่อนจะตกใจที่เห็นทั้งสองคนอยู่ในท่วงท่าที่แนบชิดกันมาก

ซูฉางจิ่วรีบตอบสนองแล้ววิ่งเข้าไปหา

ซานกงปล่อยมือออกทันที แล้วถอยกลับไป

“ระวังด้วยเสี่ยวเฉ่า ทางเดินของมหาวิทยาลัยเรามีแต่หินน่ะ คนไม่เคยมาจะสะดุดง่ายมากเลย”

แก้มของเขาแดงมาก แดงจนรู้สึกถึงความร้อน

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวคนหนึ่ง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นน้องสาวแซ่เดียวกันก็ตาม

และกลิ่นหอมหวานบนร่างของเธอทำให้จิตใจเขาสับสนอยู่ครู่หนึ่ง

ซานกงรู้สึกผิดปกติ

แต่รู้ดีว่าต้องซ่อนมันไว้ได้แค่ในใจเท่านั้น

ก่อนจะรีบอธิบายเรื่องน่าอึดอัดให้ทุกคนฟัง

จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่บริเวณเท้าของเสี่ยวเฉ่า

มีหินตกแต่งสูงเกือบชุ่นอยู่ก้อนหนึ่ง

“ทางเดินดี ๆ ทำไมมีหินอยู่ตรงนี้ล่ะเนี่ย เสี่ยวเฉ่า เดินระวัง ๆ หน่อยลูก เดี๋ยวล้มเอา”

ซูฉางจิ่วรีบเรียกลูกให้มายืนตรงกลางถนน

หญิงสาวไม่กล้าเงยหน้าสักนิด แต่เดินดุ่ม ๆ ไปหาอย่างเชื่อฟัง

“เข้าใจแล้วค่ะ ที่นี่ต่างกับที่ที่ฉันเรียนจริง ๆ”

เธอรีบหาเหตุผลอธิบายด้วยความตื่นตระหนก

เรื่องราวที่ควรจะผ่านไปกลับไม่เป็นอย่างที่คิด

สองหนุ่มสาวไม่กล้ามองหน้ากันเลย

“ซานกงดูแลเสี่ยวเฉ่าด้วยนะ ไหน ๆ ก็โตมาด้วยกัน ยังไงก็แสดงน้ำใจในฐานะเจ้าบ้านหน่อย” เสิ่นจื่อเจินยิ้ม “ตอนนี้เสี่ยวเหมยไม่สะดวกดูแล ไม่งั้นหน้าที่นี้ก็ตกเป็นของเธอแล้วละ”

จากนั้นก็เหลือบมองนักเรียนตัวเอง ก่อนจะเห็นแก้มสีแดงของเขา

เสิ่นจื่อเจินสงสัย

เป็นพี่น้องตระกูลเดียวกันไม่ใช่หรือ คงไม่ได้มีใจคิดอย่างอื่นใช่ไหม?

ทำไมบรรยากาศดูนุ่มละมุนแบบนั้นล่ะ?

เขาต้องคิดมากแน่ ๆ พวกเขารู้ขอบเขตดี ไม่มีทางมีความคิดไม่สมควรหรอก

“เข้าใจแล้วครับอาจารย์ ผมจะดูแลเธออย่างดี” ซานกงแสร้งทำเป็นสงบ

มีแค่ตัวเขาเท่านั้นที่รู้ว่าหัวใจเต้นรัวขนาดไหน

ตอนนั้นเองเสี่ยวเฉ่าก็เอ่ยขึ้นมาด้วย “ไม่ต้องหรอกค่ะ อาจารย์เสิ่น ฉันต้องอบรมอยู่ที่นี่อีกสักพักเลย น่าจะยุ่งมาก!”

ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะทนไหวหรือเปล่าหากต้องอยู่กับอีกฝ่ายทุกวัน

ว่ากันว่าหากได้เจอกัน ย่อมยากจะควบคุมอารมณ์ตัวเองน่ะ

ซูเถาฮวาได้ยินพอดี

เธอยิ้มก่อนจะก้าวเข้าไปหา แล้วจับมือหญิงสาวเอาไว้ “เฉ่าเอ๋อร์ หนูมาฝึกที่นี่นานแค่ไหนหรือ? แล้วฝึกที่ไหนล่ะ?”

“ที่โรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดค่ะ ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงช่วงสอบปลายภาคเลยกลับเดือนเก้าค่ะ แล้วก็ไปฝึกต่อที่วิทยาลัยครูช่วงวันหยุด”

“แบบนั้นก็ดีเลยนี่นา อาจำได้ว่าเสี่ยวเถียนก็เรียนที่นี่ด้วยนะ”

หญิงสาวพยักหน้า

ซูฉางจิ่วมองใบหน้าแดงก่ำของลูกสาว พลันคิดว่าดูมีอะไรแปลก ๆ

ในฐานะที่เป็นพ่อคนมาก่อน เขาย่อมสัมผัสได้

แต่มันพูดออกมาไม่ได้เนี่ยสิ

ช่างเถอะ รอลูกกลับบ้านค่อยหาคู่ครองให้ แล้วก็ให้เธอแต่งงานโดยเร็ว

ถ้าเกิดเด็กสองคนนี้สร้างปัญหาขึ้นมา จะไม่โดนว่าร้ายเอาหรือ?

ซานกงเหลือบมองหญิงสาว ก่อนจะรีบก้มหัวหลบ

เหตุการณ์นี้เป็นเพียงคลื่นเล็ก ๆ และเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หลังเดินทางออกจากมหาวิทยาลัยเกษตรกรรม พวกเขาก็มุ่งหน้าต่อไปยังมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิง

ในฐานะที่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ สถานะของมันจึงไม่มีที่ไหนเทียบเทียมได้

นอกจากคนที่สอบเข้าได้แล้ว ก็ไม่มีใครมาไม่อยากมาเที่ยวชมที่นี่หรอกนะ

พอมาถึงก็ได้พบกับพวกซื่อเลี่ยงเสียที

สองพี่น้องซื่อเลี่ยงเสี่ยวเถียนเดินทางไปพร้อมกับทุก ๆ คนทั่วมหาวิทยาลัย

เราเดินดูทิวทัศน์ทุกหนแห่ง

ซูฉางจิ่วทอดถอนใจ “เป็นสถานที่ที่ดีจริง ๆ ก่อนหน้านี้คิดว่ามันก็แค่มหาวิทยาลัยเอง จะไปมีอะไรวิเศษวิโส ไม่คิดเลยว่าพอได้มาเห็น จะต่างจากที่คิดเอาไว้”

ซื่อเลี่ยงหยอก “ลุงฉางจิ่วว่ามันสู้โรงเรียนประถมในหมู่บ้านเราได้ไหมครับ?”

ซูฉางจิ่วหัวเราะลั่น

“ลุงไม่เคยเปรียบเทียบหรอก แล้วก็ไม่เคยเห็นโรงเรียนที่ดีขนาดนี้เลยด้วย ถึงจะเคยเดินทางเข้าอำเภอก็เห็นแค่โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งแค่นั้นเอง”

ตอนลูกสาวสอบเข้าวิทยาลัยครูได้ เขาก็ไม่เคยไปเที่ยวชมที่นั่นเลย จึงไม่รู้ว่ามันต่างกันขนาดไหน

ไว้กลับไปดูบ้างดีกว่า

ทุกคนขบขันกับคำตอบของเขา

“ลุงฉางจิ่วมารอบนี้มีเรื่องกลับไปอวดที่หมู่บ้านแล้วว่า ครั้งหนึ่งผู้ใหญ่บ้านคนนี้เคยมาเยือนมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิงแล้ว”

“ก็จริงนะ ลุงรู้สึกเหมือนคนรู้หนังสือเลย”

“ถูกต้องค่ะ คนที่ได้เข้ามาที่นี่จะแตกต่างไปจากคนอื่นเลยนะคะ” เสี่ยวเถียนยิ้ม

“เจ้าเด็กคนนี้ แกล้งลุงอีกแล้วนะ! น่าตีจริง ๆ!” แม้ปากจะว่าอย่างนั้น แต่แววตาของเขาอ่อนโยนมาก

เด็กคนนี้มีแววที่สุดในหมู่บ้านนะ ไม่ใช่ธรรมดา จะไปดีได้ยังไงล่ะ?

“ถ้ารู้เร็วกว่านี้ลุงคงกระเตื้องให้เสี่ยวเฉ่าตั้งใจเรียน และมาสอบเข้าที่นี่แล้วละ” น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ

จริง ๆ ก็อยากพูดว่าถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้หลานชายตั้งใจเรียนแล้วมาสอบเข้าที่นี่ดู สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา

ทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ต่างก็สอนลูกไม่เก่งเลย ทั้งยังไม่เห็นประโยชน์ของการเรียนหนีงสืออีก

เมื่อก่อนเคยคิดด้วยซ้ำว่า ให้เด็กผู้หญิงแบบเสี่ยวเฉ่ามาเรียนหนังสือจะไปมีประโยชน์อะไร

ตอนที่เราสองผัวเมียดูแลครอบครัวอยู่ เสี่ยวเฉ่าเรียนหนังสือแล้วนะ แต่ไม่ได้ใช้เงินที่บ้านเลย แถมวันหยุดก็ยังเอาอาหารและของกลับมาให้อีกด้วย

ลูกและลูกสะใภ้ทั้งสองจึงอดทนให้ที่บ้านเรามีเสี่ยวเฉ่าเรียนหนังสือได้

ส่วนลูกของพวกเขา เขาไม่มีสิทธิ์ไปจุ้นจ้านหรอก

ถ้าเข้าไปยุ่งด้วย คงวุ่นวายแน่ ๆ

ช่างเถอะ ชีวิตใครชีวิตมัน

เสี่ยวเฉ่าเข้าใจดีว่าพ่อหมายถึงอะไร ถึงไม่แน่ใจว่าหลานชายจะเข้าวิทยาลัยได้ไหม แต่คิดว่าความปรารถนาของพ่อคงไม่เป็นจริง

“เสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วค่ะพ่อ ฉันคงเรียนที่จิ่งเฉิงไม่ได้หรอก!”

‘ชาตินี้ทั้งชาติอาจไม่ได้กลับมาเหยียบเมืองหลวงแล้วใช่ไหม?’

เธอคิดเงียบ ๆ ก่อนเหลือบมองซานกงอีกครั้ง

เสี่ยวเถียนไม่ได้สนใจบรรยากาศพวกนั้น แค่คิดว่ามันแปลก ๆ เพราะเป็นชายหนุ่มกับหญิงสาวเฉย ๆ

จากนั้นเธอก็แย้มยิ้มออกมา “ขอแค่พี่เสี่ยวเฉ่าเต็มใจ ก็มีโอกาสค่ะ”

“โอกาสอะไรหรือ?” หญิงสาวไม่ทันได้ตอบ พ่อก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน