War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2295
ตอนที่ 2,295 : เผชิญหน้าอวี่เหวินฮ่าวเฉินอีกครั้ง!

“ต้วนหลิงเทียน!”

ในขณะที่อวิ๋นฟู่เหย่จับจ้องไปยังร่างหนึ่งไกลตาทั้งคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราดนั้น หวงเหวินจิ้งก็หันมองตามสายตาไปเช่นกัน

ทันใดนั้นร่างในชุดสีม่วงที่ปรากฏขึ้นในใจเมื่อครู่ ก็ซ้อนทับกับร่างที่กำลังมุ่งหน้ามาจากไกลตาอย่างพอดี

‘มันยังจะมาที่นี่ทำอะไรอีก!?’

พอเห็นร่างดังกล่าวหวงเหวินจิ้งก็ตื่นตระหนกในใจนัก ‘หรือมันไม่รู้ว่ายามนี้ที่นี่มันอันตรายถึงเพียงใด?’

หวงเหวินจิ้งไม่อาจนึกออก ว่าไฉนบุรุษผู้นี้ต้องมาที่นี่ด้วย!

มันไม่รู้หรือไร ว่าตัวตนของมันถูกเปิดเผยหมดแล้ว?

หรือมันไม่รู้ว่าอาจารย์ของนางต้องฆ่ามันแน่?

“ต้วนหลิงเทียนรึ?”

เสียงคำรามด้วยโทสะของอวิ๋นฟู่เหย่ดังไม่น้อย ทำให้ทุกผู้คนที่มารวมตัวกันบนฟ้ารอบๆคฤหาสน์จ้าววังเซียนสัญจรได้ยินกันชัดเจน สายตาทั้งหมดหันไปตกยังร่างคนกลุ่มใหม่ที่พึ่งมาถึงทันที

และสุดท้ายทุกสายตาก็จับจ้องไปยังร่างที่เหินนำหน้าสุด ชายหนุ่มในชุดสีม่วง!

“คนผู้นี้น่ะหรือ รองจ้าววังคนใหม่ของวังเซียนสัญจรเรา ต้วนหลิงเทียน ที่พึ่งมาเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรเราเมื่อ 3 ปีก่อน?”

“เป็นมัน! ข้าเคยเห็นภาพเหมือนของมันมาแล้ว เป็นที่แน่นอนแล้วว่ามันไม่ได้คิดมาเป็นรองจ้าววังของพวกเราด้วยใจซื่อสัตย์! เพราะที่แท้ฐานะของมันก็คือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม!!”

“มิผิด เจ้าอย่าได้นับมันเป็นรองจ้าววังของพวกเราอีก! มันคือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ขุมพลังอันร้ายกาจของพวกมนุษย์ในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้!!”

“นายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียน…แต่ก่อนข้าเคยได้ยินแต่ชื่อเท่านั้น ไม่คิดเลยจริงๆว่าในระยะเวลาอันสั้นพลังฝึกปรือของมันจะบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้!”

“ใช่แล้ว เห็นว่ามันพึ่งออกจากภูมิภาคเพื่อขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบนได้เพียง 10 กว่าปีเท่านั้น และยามนั้นมันกระทั่งยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ด้วยซ้ำ…แต่ไม่คิดเลยว่าในเวลาอันสั้นพลังฝึกปรือของมันกลับก้าวหน้าด้วยความเร็วอัศจรรย์เช่นนี้ได้!!”

“ข้ามิรู้จริงๆ ว่ามันบังเอิญไปพบพานวาสนาปาฏิหาริย์อันใดในภูมิภาคเบื้องบนมากันแน่…หรือที่แท้สภาพแวดล้อมทั้งทรัพยากรในการบ่มเพาะของภูมิภาคเบื้องบน มันยอดเยี่ยมเลิศล้ำถึงขั้นทำให้ผู้ฝึกตนสามารถบ่มเพาะพลังจนทะลวงด่านได้ว่องไวถึงขั้นฝืนฟ้าได้ขนาดนี้?”

“ไม่หรอก! เรื่องแบบนั้นไหนเลยจะเป็นไปได้! ต่อให้สภาพแวดล้อมในภูมิภาคเบื้องบนจะยอดเยี่ยมเลิศล้ำอันใด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ฝึกตนทั่วๆไปจะสามารถยกระดับพลังได้รววดเร็วถึงเพียงนี้! ต้องทราบด้วยว่านี่มันเพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น ข้าเชื่อว่ามันต้องไปพบพานวาสนาปาฏิหาริย์อันใดมาแน่นอน!!”

“ไม่ว่าจะด้วยปาฏิหาริย์อันใด แต่ที่ข้าเชื่อก็คือภูมิภาคเบื้องบนสมควรมีสภาพแวดล้อมทั้งทรัพยากรในการบ่มเพาะที่เลิศล้ำสุดที่พวกเราจะจินตนาการได้แน่นอน! เพราะสุดท้ายแล้วของเหล่านั้นย่อมมีส่วนช่วยให้ นายน้อยตำหนักเมฆาครามผู้นี้ สามารถก้าวหน้าขึ้นอย่างมหาศาลได้ในเวลาแค่ 10 กว่าปี!”

“ข้าเห็นด้วย”

……

ในขณะที่เหล่าศิษย์กับชนชั้นอาวุโสของวังเซียนสัญจรได้เห็นร่างต้วนหลิงเทียนที่ร่ำลือ พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะสนทนนากันเสียงดังระงม

วาจาที่พวกมันกล่าวค่อยๆหันเหจากเรื่องพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนที่ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วเหลือเชื่อในเวลาแค่ 10 กว่าปี ไปเป็นถกเถียงกันว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนไปพบพานวาสนาปาฏิหาริย์อันใด แล้วที่แท้สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของภูมิภาคเบื้องบนยอดเยี่ยมแค่ไหน

ด้วยเหตุนี้ทำให้เหล่าศิษย์และอาวุโสของวังเซียนสัญจรเผยสีหน้าคาดหวัง ทั้งตั้งตารอคอยนัก! รอคอยให้มหาค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคจัดตั้งแล้วเสร็จ! พวกมันจะได้ขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบนเสียที!!

“พวกเราเพียงรออีกไม่นาน ก็จะได้รับทราบแล้วว่าที่แท้สภาพแวดล้อมทั้งทรัพยากรในการบ่มเพาะของภูมิภาคเบื้องบนยอดเยี่ยมเพียงใด! จากความคืบหน้าของการจัดตั้งมหาค่ายกลตอนนี้…อีกเพียงมินานเท่านั้น!!”

“ใช่! ทันทีที่มหาค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคถูกจัดตั้งแล้วเสร็จ เผ่าปีศาจมนุษย์ของพวกเราจักได้ยาตราทัพไปพร้อมกับทัพหลักของเผ่าพันธุ์ปีศาจ บุกขึ้นไปช่วงชิงยึดครองความมั่งคั่งในภูมิภาคเบื้องบนของพวกมนุษย์ ให้สาสมใจ!!”

“ไม่แน่นะ บางทีพวกเราอาจได้พบพานวาสนาปาฏิหาริย์อย่างที่ต้วนหลิงเทียนบังเอิญพบเจอมา! ช่างทำให้ข้าผู้นี้ตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันนั้นเสียจริง!!”

……

ในขณะที่เหล่าศิษย์และอาวุโสของวังเซียนสัญจรกำลังสนทนากันอย่างออกรส

ต้วนหลิงเทียนก็พาต้วนซือหลิง เค่อเอ๋อ และก่านหรูเยี่ยนเหินร่างขึ้นไปบนฟ้าละแวกใกล้เคียงกับคฤหาสน์จ้าววังเซียนสัญจร และหยุดลงกลางหาว

ขณะที่ต้วนหลิงเทียนและทุกคนหยุดลง เผิงไหลที่เหินร่างตามมาก็หยุดลงเช่นกัน

จ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง รวมถึงเหล่าผู้ที่ถูก1 วัง 6 ตำหนักส่งตัวมาเฝ้าดูสถานการณ์ ไม่เว้นอาวุโสของวังเซียนสัญจรที่ตามมาเฝ้าจับตาดูต้วนหลิงเทียนก็หยุดลงตามๆกัน

ขณะเดียวกัน สายตาของทั้งหมดก็จับจ้องมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง

จนถึงบัดนี้พวกมันยังไม่รู้จริงๆ ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้เดินทางมาที่นี่!

เพราะที่นี่ก็คือคฤหาสน์ของจ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน ผู้ที่กำลังจะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ! ใช่ต้วนหลิงเทียนมารนหาที่ตายหรือไม่?

ตอนนี้ไม่เพียงแต่เหล่ากลุ่มคนที่ติดตามต้วนหลิงเทียนมาเท่านั้น ที่คิดว่าต้วนหลิงเทียนคล้ายมารนหาที่ตาย!

กระทั่งเหล่าศิษย์และอาวุโสของวังเซียนสัญจรที่ลอยร่างอยู่รอบๆ ก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนมารนหาที่ตายเหมือนๆกัน!

“บ้าเอ๊ย! น้องหลิงเทียน! เจ้ายังมาที่นี่ทำอะไรอีก!?ที่นี่อันตรายยิ่ง เจ้ารีบหาทางหนีไปเร็วเข้า!!”

ทันใดนั้นเองเสียงอันคุ้นหูหนึ่งที่ฟังดูร้อนรนก็ส่งตรงมาถึงหูต้วนหลิงเทียน

ต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็บอกได้ทันทีว่านี่เป็นเสียงผ่านพลังของหวงฉี่หลิง!

หวงฉี่หลิงเป็นคนของวังเซียนสัญจรคนแรกที่เขารู้จัก และยังเป็นบุตรชายของรองจ้าววังเซียนสัญจรคนหนึ่ง!

แน่นอนว่าเรื่องที่หวงฉี่หลิงเป็นถึงลูกชายของชนชั้นรองจ้าววังเซียนสัญจรนั้น เขาก็พึ่งได้ล่วงรู้หลังจากที่ได้มาถึงวังเซียนสัญจรจนได้รับตำแหน่งรองจ้าววังคนใหม่เมื่อ 3 ปีก่อนเท่านั้น!

ตอนแรกแม้เขาจะพอคาดเดาได้ว่าฐานะของ หวงฉี่หลิง ไม่น่าจะธรรมดาแน่ เพราะกระทั่งลูกหลานของชนชั้นอาวุโสขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนยังไม่กล้าทำอะไรเกินเลย แต่เขาก็ไม่ได้รู้ชัดว่าที่แท้หวงฉี่หลิงมีฐานะอะไร

‘ที่นี่มันอันตรายงั้นเหรอ?’

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาเบาๆหลังได้ยินเสียงเตือนอย่างร้อนใจของหวงฉี่หลิง ค่อยส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับไปว่า “พี่หวงน้ำใจท่านข้าซาบซึ้งดี…แต่ท่านไม่คิดหรือว่าตอนนี้ต่อให้ข้าคิดไปไหนก็ไปไม่ได้? จ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟงนั่นมันมารอท่าข้าอยู่ตั้งนานแล้ว ไหนเลยมันจะปล่อยให้ข้าหนีไปได้?”

“อีกทั้งตอนนี้จ้าววังเซียนสัญจรของท่านก็เพียงเตรียมข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ ยังไม่ได้บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะอันใด…เช่นนั้นยังต่างอะไรกับข้าหลบหนีไปแล้วเผชิญหน้ากับฉีหนานฟง?”

“หากข้าออกไปตอนนี้ก็ต้องโดนฉีหนานฟงดักเล่นงานโดยตรงอยู่ดี…ถ้าข้าไม่ออกไปซะอย่าง ฉีหนานฟง นั่นก็ไม่กล้าลงมือหรอก บางทีข้าอาจจะเจรจาอะไรกับจ้าววังอวี่เหวินได้ หรืออย่างน้อยๆในระหว่างที่รอจ้าววังอวี่เหวินข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปอย่างราบรื่น ข้าก็ยังสามารถมีชีวิตได้อีก 2-3 วัน”

ได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน หวงฉี่หลิง ถึงกับใบ้กินไร้คำใดจะกล่าว…

พอมันคิดให้ดี วาจานี้ก็ไม่แปลกปลอม…ล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น!

“ไม่มีหนทางอื่นแล้วหรือ…”

ใบบหน้าหวงฉี่หลิงมืดลงทันใด ได้แต่กล่าวพึมพำกับตัวเองเบาๆ หว่างคิ้วขมวดย่นเป็นปม

“อันที่จริงที่ข้าอยากรู้ก็คือ…ท่านก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าข้าเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามที่เป็นขุมพลังของมนุษย์ เช่นนั้นในฐานะที่ท่านเองก็เป็นถึงลูกชายรองจ้าววังเซียนสัญจรคนหนึ่ง ทำไมถึงยังเป็นห่วงข้าอยู่อีกเล่า?”

ในขณะที่หวงฉี่หลิวกำลังขมวดคิ้วพึมพำหน้าเครียด เสียงผ่านพลังถามไถ่ของต้วนหลิงเทียนก็ส่งตรงถึงหู ดึงสติมันให้กลับมารู้สึกตัว

และเมื่อได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หวงฉี่หลิงก็กล่าวส่งเสียงตอบกลับไปอย่างไร้ลังเล “น้องหลิงเทียน ข้าเห็นเจ้าเป็นสหายเพราะเจ้าเป็นเจ้า หาใช่ต้นกำเนิดของเจ้าไม่…”

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจ เจ้าก็คือสหายของข้าหวงฉี่หลิง! ยิ่งไปกว่านั้นหากให้เทียบเจ้ากับสหายจอมปลอมเผ่าปีศาจมนุษย์ด้วยกันแล้ว เจ้ายังนับว่าจริงใจกับข้ามากกว่านัก…น่าเสียดายก็แต่ข้าหวงฉี่หลิงไม่เอาไหน ไม่มีปัญญาช่วยเหลืออะไรเจ้าได้เลย…”

วาจาท้ายประโยคของหวงฉี่หลิง น้ำเสียงยามกล่าวส่งมายังเต็มไปด้วยความอับจนหนทางไม่น้อย

ต้องกล่าวเลยว่าวาจานี้ของหวงฉี่หลิงทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกซาบซึ้งน้ำใจไม่น้อย ทำให้เขารู้สึกได้ในระดับหนึ่งว่า สหายผู้นี้ไม่ได้คบหาอย่างเสียเปล่าแล้ว

“เจ้า…เจ้ามาทำบ้าอะไรที่นี่! หรือเจ้าคิดรนหาที่ตายแล้วจริงๆ!?”

ทันใดนั้นก็มีอีกเสียงคุ้นหูหนึ่งส่งตรงมาถึงต้วนหลิงเทียน ทำให้เขาปรายตามองลงไปยังคฤหาสน์เบื้องล่างทันที ไม่นานเขาก็แลเห็นร่างคุ้นตาหนึ่งที่กำลังยืนจ้องเขาในลานว่าง

‘หวงเหวินจิ้ง!’

มองปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็จดจำร่างงามนั่นได้ทันที ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น หวงเหวินจิ้ง รุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของวังเซียนสัญจร ทั้งยังเป็นโฉมงามอันดับ 1 แห่งเผ่าปีศาจมนุษย์!

ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ได้ทันที

ว่าเสียงผ่านพลังเมื่อครู่มาจากหวงเหวินจิ้ง

‘หวงเหวินจิ้งเองก็สมควรล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของข้าแล้ว…แต่ไฉนน้ำเสียงผ่านพลังของนางเมื่อครู่ กลับเต็มไปด้วยความกังวลแทนที่จะแค้นเคืองดั่งเห็นข้าเป็นศัตรู…’

จากวาจาผ่านพลังเมื่อครู่ของหวงเหวินจิ้ ต้วนหลิงเทียนย่อมรับทราบได้ทันทีถึงความห่วงใยจากใจจริงของหวงเหวินจิ้ง

‘อา จริงสิ…เฮ่อ’

หลังจากที่เดาอะไรได้บางอย่าง ว่าไฉนหวงเหวินจิ้งถึงได้แลดูเป็นห่วงเขา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนในใจอย่างอับจน ก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของนางและไม่หันไปสนใจอะไรนาง

‘คนข้างๆนางน่าจะเป็นรองจ้าววัง อวิ๋นฟู่เหย่’

เมื่อสัมผัสได้ถึงทีท่าตั้งแง่มองเป็นศัตรูของชายหนุ่มข้างกายหวงเหวินจิ้ง อีกทั้งกอปรกับได้เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในลานคฤหาสน์ส่วนตัวของ อวี่เหวินฮ่าวเฉิน เหมือนหวงเหวินจิ้งแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนย่อมคาดเดาฐานะอีกฝ่ายได้ไม่ยาก…

อวิ๋นฟู่เหย่! ศิษย์เอกของจ้าววังเซียนสัญจร ทั้งยังเป็นรองจ้าววังอันดับ 1 ของวังเซียนสัญจรก่อนที่เขาจะเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจร!

‘ตอนนี้พลังสุริยันที่ผสานอยู่ในพลังเซียนต้นกำเนิดของข้ามันกระสับกระส่าย จนข้าแทบจะควบคุมไม่ไหวแล้ว…’

หลังจากนั้นไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ละสายตาออกจากร่างอวิ๋นฟู่เหย่ ก่อนที่จะแหงนมองขึ้นไปบนฟ้าสูง ณ จุดที่เมฆหายนะทัณฑ์สวรรค์มาบรรจบกันจากทั่วสารทิศ

ณ จุดศูนย์กลางที่เมฆหายนะสู่สวรรค์มาบรรจบกันนั่น สมควรมีบางสิ่งที่กำลังเพรียกหาพลังสุริยันของเขาดำรงอยู่!

‘ไม่รู้จริงๆ…ว่าใจกลางนั่นที่แท้มีอะไรอยู่กันแน่’

ตอนนี้นอกเหนือจากความอยากรู้อยากเห็นแล้ว ในใจต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความคาดหวังถึงขั้นตั้งหน้าตั้งตารอคอย

‘ใกล้แบบนี้…สำนึกรู้ฟ้าดินของข้ายิ่งมายิ่งเพิ่มพูน กระทั่งยังเพิ่มขึ้นคนละระดับกับก่อนหน้าเลย ความเร็วช่างแตกต่างกันนัก!’

หลังตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจมากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่ซุกซ่อนอยู่ในใจกลางเมฆหายนะสู่สวรรค์และกำลังเพรียกหาพลังสุริยันของเขานั้น มันหาได้ง่ายดายไม่!

“อวี่เหวินฮ่าวเฉิน!”

ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนยังได้เห็นร่างจ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน อีกครั้ง!

ยามต้องเผชิญหน้ากับชายผู้นี้เมื่อ 3 ปีก่อน กระทั่งได้เห็นว่าอีกฝ่ายรับกระบี่เขาได้ง่ายดายเพียงใด ต้วนหลิงเทียนยังหวั่นกลัวไม่หาย!

ตอนนี้ อวี่เหวินฮ่าวเฉินกำลังแหงนมองจ้องขึ้นไปบนเมฆหายนะสู่สวรรค์บนฟ้าสูง พลังเซียนต้นกำเนิดของมันแผ่ออกมาทั่วร่าง เปล่งกลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงสะท้านออกรอบๆ

ทั้งพลังเซียนต้นกำเนิดของอีกฝ่ายยามแผ่ซ่านออกมา คล้ายจะสั่นพ้องไปทั้งโลกหล้า!

จากสิ่งนี้เห็นได้ชัดว่า…

สำนึกรู้ฟ้าดินของอวี่เหวินฮ่าวเฉินนั้นอยู่ในระดับที่สูงมาก!

อย่างไรก็ตามอวี่เหวินฮ่าวเฉินตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่หันมามองถึงขั้นไม่แม้แต่จะชายตาแลมอง กระทั่งสำนึกเทวะยังไม่ได้แผ่มาตรวจสอบเขาด้วยซ้ำ!

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ใจของอวี่เหวินฮ่าวเฉินได้จดจ่อกับเมฆหายนะสู่สวรรค์บนฟ้าสูงขนาดไหน!

ราวกับห้วงเวลานี้ ในโลกของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน คงเหลือก็แต่เพียงเมฆหายนะเท่านั้น

และด้วยการมาถึงของต้วนหลิงเทียน ทำให้บรรยากาศโดยรอบแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นมาทันที!