บทที่ 987 ก่อนถึงงานชุมนุม ไม่ชอบต่อสู้

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 987 ก่อนถึงงานชุมนุม ไม่ชอบต่อสู้

“หากมิใช่เพราะในอดีตเจ้าจับผลัดจับผลูเข้ามาในอาณาเขตของข้า ก็คงยากจะได้รู้จักกันถึงวันนี้ ข้าเฝ้ามองเจ้ามาโดยตลอด”

มหาเทวาพ้นนิวรณ์ค่อยๆ เอ่ย จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายฟังแล้วใจเต้นแรงขึ้นมา

มีเรื่องใดบ้างที่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายไม่เคยประสบพบพานมาก่อน ย่อมฟังเจตนาแฝงของอีกฝ่ายออก

เช่นนี้คือต้องการรับตัวเขาเป็นคนสนิท

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตกอยู่ในความเงียบ ไม่ได้ตอบรับในทันใด

ดูคล้ายเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นอันตรายใหญ่หลวงเช่นกัน

ถึงขั้นที่ทำให้มหาเทวาพ้นนิวรณ์ต้องการดึงเขาเข้าพวก จะต้องเป็นศัตรูที่อยู่ในระดับเดียวกันแน่นอน หากเข้าสู่วังวนนี้จะถอยหลังกลับก็ยากแล้ว

ทำได้เพียงเดินหน้าต่อไปจนถึงที่สุด!

มหาเทวาพ้นนิวรณ์ก็ไม่รีบร้อนเช่นกัน อดทนรอคอยคำตอบจากเขา

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายนึกย้อนถึงประสบการณ์ในอดีตของเขา เส้นทางสายนี้ เขาล้วนเลือกหาที่พึ่งพามาตลอด เลือกพึ่งพาคนที่แข็งแกร่งกว่า

ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมาอยู่เบื้องหน้าแล้ว เขาลังเลอะไรอยู่เล่า

ถึงแม้หานเจวี๋ยจะขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งแห่งฟ้าบุพกาล แต่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายรู้ว่าท่านที่อยู่ตรงหน้านี้เหนือกว่า ไม่เข้าร่วมฟ้าบุพกาล เป็นอิสระเหนือกฎเกณฑ์

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสูดหายใจลึกๆ ถามไปว่า “ผู้อาวุโส ท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใด”

ก่อนหน้านี้ยามที่เขาเผชิญหน้ากับมหาเทวาพ้นนิวรณ์ล้วนแทนตัวว่าเราเสมอ นั่นเป็นเพราะไม่อยากเกี่ยวข้องผูกสัมพันธ์ ตอนนี้เมื่อเข้าร่วมสังกัดแล้วก็ต้องวางตัวให้ต่ำกว่า

“เราจะช่วยให้เจ้าพิสูจน์ยอดมหามรรค จากนั้นให้บุกเบิกโลกที่ยิ่งใหญ่เสมือนฟ้าบุพกาลขึ้น แต่ก่อนหน้านั้น วังสวรรค์ต้องรับสมัครบุตรแห่งสวรรค์เข้ามาเพิ่ม สั่งสมกองกำลัง”

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยช้าๆ จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายฟังแล้วขมวดคิ้ว

“หากว่าเจ้ากังวลเรื่องพวกหานฮวง สิ่งที่ข้าต้องการก็เป็นสิ่งที่หานเจวี๋ยต้องการเช่นกัน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับระดับที่อยู่เหนือมหามรรคขึ้นไป…”

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เริ่มเล่าถึงระดับผู้สร้างมรรคา จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายฟังไปฟังมา สีหน้าแปรเปลี่ยนมหันต์

เหนือฟ้าบุพกาลยังมีระดับเช่นนี้อยู่…

ถึงตอนนี้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็ยังไม่ทราบเลยว่าสรุปแล้วฟ้าบุพกาลกว้างใหญ่เพียงใด ตอนนี้กลับเข้าไปพัวพันกับเรื่องใหญ่ระดับผู้สร้างฟ้าบุพกาลแล้ว เขาย่อมตื่นตระหนก

“ที่แท้หานเจวี๋ยบรรลุถึงระดับนี้แล้ว…ยังมีเหล่าจื่อและบรรพชนด้วย รวมถึงโลกมหามรรคที่อยู่ใต้ฟ้าบุพกาล…”

แววตาจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายวูบไหว เขาฟังจนนับว่าพอเข้าใจแล้ว

เช่นนี้คือต้องการโค่นล้มอำนาจปกครองของผู้สร้างฟ้าบุพกาล!

มหาเทวาพ้นนิวรณ์วางแผนจะใช้เขาเป็นตัวหมาก หากว่าเรื่องนี้ล้มเหลว เขาจะได้รับบทลงทัณฑ์ แต่หากว่าทำสำเร็จ ย่อมเป็นมหาโชค

แบ่งแยกฟ้าบุพกาล ดึงฟืนจากใต้เตา!

หากเรื่องเป็นเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่หานเจวี๋ยต้องการด้วยจริงๆ

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกล่าวว่า “ตกลง ข้าจะปฏิบัติตามคำสั่ง แต่พวกหานฮวง หานชิงเอ๋อร์ เจียงเจวี๋ยซื่อ จ้าวซวงเฉวียนและจ้านฝัว หกคนนี้จะรับคำสั่งจากข้าเท่านั้น”

มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยว่า “เรื่องภายในวังสวรรค์ยังคงขึ้นตรงต่อเจ้า ข้าจะสั่งการเจ้าเท่านั้น หากว่างานสำเร็จลุล่วง วังสวรรค์ของเจ้าจะกลายเป็นโลกมหามรรคของเจ้า เทพเซียนบุตรแห่งสวรรค์ล้วนยังคงขึ้นตรงต่อเจ้า”

จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถามอย่างระมัดระวัง “หรือว่าท่าน…”

“ถูกต้อง ข้าก็มีโลกมหามรรคเช่นกัน คงอยู่มานับยุคสมัยไม่ถ้วน เพียงแต่ถูกฟ้าบุพกาลผนึกไว้ ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าไม่มีทางต้องตาบุตรแห่งสวรรค์ของเจ้า”

คำตอบของมหาเทวาพ้นนิวรณ์ทำให้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายแอบโล่งใจ

ขณะที่จักรพรรดิสวรรค์กำลังใช้ความคิดอยู่ พลังแรงกล้าสายหนึ่งพลันร่วงดิ่งลงมาใส่ร่างเขา ทำเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว จิตรับรู้ของเขาตกอยู่ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวาย ความทรงจำและความเข้าใจนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าสู่หัวเขา สะเทือนไปถึงวิญญาณ

….

ครบกำหนดห้าแสนปีอีกครั้ง

หานเจวี๋ยอายุสิบห้าล้านปีแล้ว ปราณปฐมยุคภายในโลกปฐมยุคบรรลุถึงอัตราสามในสิบส่วนแล้ว มีเทพมารฟ้าบุพกาลค้นพบปราณปฐมยุคเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พึ่งพาปราณปฐมยุคฝึกบำเพ็ญ

พลังของหานเจวี๋ยก็เพิ่มขึ้นมหาศาลเช่นกัน

เขาเริ่มใช้งานแบบจำลองการทดสอบ ท้าทายดวงจิตนพชาติหนึ่งร้อยคนอีกครั้ง ครั้งนี้ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ ปฐมยุคสิ้นสูญก็สังหารดวงจิตนพชาติทั้งหมดได้สิ้นซาก

ดวงจิตนพชาติไม่คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของหานเจวี๋ยแล้ว

แต่เขายังเป็นเป้าฝึกฝนที่ดีอยู่

หานเจวี๋ยเริ่มท้าประลองกับดวงจิตนพชาติหนึ่งพันคน

ดวงจิตนพชาติแข็งแกร่งถึงขั้นใดแล้วเล่า รัศมีของดวงจิตนพชาติหนึ่งพันคนมากพอจะบดขยี้ฟ้าบุพกาลได้ แต่เพราะอยู่ในแบบจำลองการทดสอบ ห้วงมิติไร้ขอบเขตสิ้นสุดจึงสามารถต่อสู้ตามใจปรารถนาได้

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม แบบจำลองการทดสอบสิ้นสุดลง

หานเจวี๋ยเข้าใจพลังของตนแล้ว จึงไม่ท้าสู้ต่อแต่มาตรวจดูจดหมายแทน

เหลือเวลาอีกหนึ่งแสนห้าหมื่นปีกว่าจะถึงงานชุมนุมฟ้าบุพกาล สำหรับหานเจวี๋ยนับว่าใกล้เข้ามาแล้ว

พอตรวจดูจดหมายก็นับว่าเป็นการยืนยันเรื่องนี้แล้ว

จดหมายในช่วงห้าแสนปีมานี้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว แวดวงสหายบ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว!

แม้แต่มู่หรงฉี่และเทพมารขุนพลสวรรค์ก็เริ่มกระตือรือร้น ได้รับโอกาสวาสนาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากตรวจดูจดหมายเสร็จ หานเจวี๋ยลุกขึ้นยืน เอ่ยขึ้นว่า “หลิงเอ๋อร์ ตามพ่อไปหาพี่ใหญ่ของเจ้าเถอะ”

หานหลิงที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ลืมตาขึ้น ลุกขึ้นยืนทันที

สองพ่อลูกเลือนหายไปจากอารามเต๋า

….

เมฆอัสนีซัดตลบ ณ โลกอันกว้างใหญ่ อี๋เทียนที่เปลือยกายท่อนบนกำลังรับการหล่อหลอมจากอัสนีอยู่

ห่างออกไปนับล้านลี้ หานทั่วนั่งขัดสมาธิอยู่บนนภาเหนือท้องสมุทรกว้างไกลไร้ขอบเขต พายุโหมพัดวนรอบกาย เสมือนเทพที่ล่องลอยอยู่กลางนภาโดยแท้ สง่าเลิศโลกา

หานเจวี๋ยและหานชิงเอ๋อร์ปรากฏตัวขึ้นริมหาดที่อยู่ไกลออกไป เงยหน้ามองหานทั่ว

หานหลิงเอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “นั่นคือพี่ใหญ่หรือเจ้าคะ ร้ายกาจจริงๆ”

นางคือดาวจักรพรรดิอนธการ ประสาทสัมผัสย่อมไม่ธรรมดา รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของหานทั่ว แต่ต่อให้เป็นตัวนางก็ยังไม่แน่ว่าจะเอาชนะได้

“ไม่เลวเลย เพียงแต่ยังคงห่างชั้นกับพี่รองของเจ้ามาก” หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบา

บทสนทนาของสองพ่อลูกถูกปิดกั้นด้วยพลังปฐมยุค ทำให้ห้าเทวทัณฑ์ไม่ได้ยิน

หานหลิงเลิกคิ้ว เอ่ยถามว่า “ท่านพ่อมาเพื่อชี้แนะพี่ใหญ่หรือเจ้าคะ ถึงอย่างไรงานชุมนุมฟ้าบุพกาลก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว”

หานเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นถ่ายทอดเสียงหาหานทั่ว

หานทั่วลืมตาขึ้นทันที พุ่งเข้ามาคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหานเจวี๋ยอย่างรวดเร็ว เขาข่มความตื่นเต้นเอาไว้ เอ่ยทักทาย “น้อมพบท่านพ่อ!”

น้ำเสียงเขาดังก้อง อี๋เทียนและสามเทวทัณฑ์ที่เหลือก็ตามมาทันที พากันคารวะหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยขบขันในใจ เจ้าลูกตัวดีกล้าเล่นลูกไม้เสียแล้ว

ตะโกนเช่นนี้เพราะต้องการมอบโอกาสให้สหาย!

ทว่าหานเจวี๋ยไม่ได้เปิดโปงเขา เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ทุกคนลุกขึ้นเถิด”

“แหะๆ ผู้อาวุโส ข้านับว่าตนเป็นบุตรชายบุญธรรมของท่านมาตลอด ท่านคงไม่ถือสากระมัง ท่านยอมรับข้าด้วยเถิด ดีร้ายอย่างไรข้าก็เป็นเทพมารฟ้าบุพกาล ไม่ทำให้ท่านขายหน้าแน่นอน”

อี๋เทียนหัวเราะแหะๆ ถูมือไปมา

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าติดอับดับสิบยอดฟ้าบุพกาล ก็อาจจะพิจารณารับเจ้าไว้”

อี๋เทียนตาลุกวาว ตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคเขาไม่มีความมั่นใจเลยจริงๆ แต่สิบยอดฟ้าบุพกาลต้องคว้ามาได้แน่!

เขาเริ่มคุยโม้โอ้อวด สี่เทวทัณฑ์และหานหลิงได้ยินแล้วอดขำไม่ได้

หานเจวี๋ยเอ่ยขัดเขา จากนั้นแนะนำหานหลิงต่อห้าเทวทัณฑ์

“ใช่น้องหานหลิงจริงๆ ด้วย ข้าได้ยินจากชิงเอ๋อร์มานานแล้ว”

หานทั่วดีใจนัก สี่เทวทัณฑ์ที่เหลือต่างตกใจ

พวกเขาล้วนทราบดีว่าหานทั่วมีน้องสาวเพิ่มอีกคน เพิ่งอายุได้ไม่เท่าไรแต่พิสูจน์มหามรรคแล้ว ทั้งยังมีรัศมีเช่นนี้ต้องมิใช่อริยะมหามรรคระยะต้นแน่!

“หรือว่าน้องหลิงเอ๋อร์ก็เข้าร่วมงานชุมนุมฟ้าบุพกาลด้วย” อี๋เทียนถามด้วยความอยากรู้

หานหลิงเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่กล้าเข้าร่วมหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่ชอบต่อสู้ อีกทั้งสู้พี่ชายทุกท่านไม่ไหวด้วย”

เหล่าเทวทัณฑ์ฟังแล้วต่างก็โล่งใจ

แต่พวกเขาไม่เชื่อคำพูดของหานหลิง พวกเขามีประสบการณ์ชีวิตหลายล้านปี ต่างเป็นอริยะมหามรรคทั้งสิ้น ทว่ากลับมองหานหลิงไม่ออกเลย เช่นนี้หมายความว่าอย่างไรเล่า

………………………………………………………………