บทที่ 988 หมื่นผู้กล้า พันองอาจ สิบยอดฟ้า

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 988 หมื่นผู้กล้า พันองอาจ สิบยอดฟ้า

หลังจากสนทนากันอยู่สักพัก หานเจวี๋ยเตรียมจะเทศนาธรรม ห้าเทวทัณฑ์ต่างตื่นเต้นนัก นั่งสมาธิเบื้องหน้าหานเจวี๋ยทันที

การเทศนาธรรมครั้งนี้ดำเนินอยู่นานสามพันปี ตอนที่พวกหานเจวี๋ยสองพ่อลูกจากไป ห้าเทวทัณฑ์ยังคงจมจ่ออยู่ในสภาวะตระหนักมรรค

ไม่ทราบว่าผ่านไปนานปานใด พวกเขาทยอยได้สติฟื้นกลับมา

อี๋ถามเอ่ยด้วยความฉงน “พ่อบุญธรรมเล่า”

หานทั่วตอบว่า “ย่อมจากไปแล้ว”

เขาสูดหายใจเขาลึกๆ คราหนึ่ง ดวงตาโชนแสง สองมือที่อยู่ใต้แขนเสื้อกำแน่น

เขารับรู้ได้ถึงความคาดหวังของท่านพ่อ เขายิ่งมีใจทะเยอทะยานต่องานชุมนุมฟ้าบุพกาลมากกว่าเดิม

ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้ามุ่งหวังต่อตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุค รู้สึกว่าตำแหน่งนั้นสมควรตกเป็นของน้องรองตน แต่ตอนนี้ เขาทราบเจตนาของท่านพ่อแล้ว

ท่านพ่อต้องการให้เขาต่อสู้ไขว่คว้า สร้างแรงกดดันต่อหานฮวง!

“อริยะสวรรค์เกรียงไกรช่างเลิศล้ำโดยแท้”

“สดับธรรมสามพันปียอดเยี่ยมกว่าฝึกบำเพ็ญนับล้านปีเสียอีก”

“พี่ใหญ่ ดูเหมือนอริยะสวรรค์เกรียงไกรจะให้ความสำคัญกับท่านมาก ท่านต้องแสดงฝีมือให้ดีเล่า”

“ฮ่าๆ เลิศล้ำหมื่นยุคต้องเป็นของข้าเท่านั้น!”

หานทั่วได้ฟังคำพูดของเหล่าพี่น้องก็ยิ้มออกมา เขารู้สึกว่าตนโชคดีอย่างยิ่ง มีบิดาที่คอยให้การสนับสนุนตน มีพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายไปด้วยกัน หากเขาฝ่าฟันเข้าไปติดลำดับไม่ได้ ย่อมผิดต่อคนที่ตนให้ความสำคัญ!

….

ณ อาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม

หานหลิงถามด้วยความสงสัย “ท่านพ่อ ท่านไม่ไปหาพี่รองกับพี่หญิงสามหรือเจ้าคะ”

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “พี่รองของเจ้าไม่จำเป็นต้องได้รับการชี้แนะจากพ่อเลย ส่วนชิงเอ๋อร์ แล้วไปเถิด อย่างมากก็ให้นางไปร่วมสนุกเท่านั้น ข้าไม่อยากให้ความหวังนาง”

ตอนนี้หานชิงเอ๋อร์เพิ่งมีตบะระดับเสรีเท่านั้น ไม่มีทางสร้างชื่อเสียงอันใดในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลได้

เวลาผ่านมาหลายล้านปี อริยะเสรีในฟ้าบุพกาลมิใช่ของหายากเช่นในอดีตแล้ว

งานชุมนุมฟ้าบุพกาลต้องกลายเป็นการต่อสู้ระหว่างอริยะมหามรรคแน่นอน หากไม่อยู่ในระดับยอดมหามรรคก็ยากจะได้ครองตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุค

หานหลิงกะพริบตาปริบๆ ตื้นตันอยู่ในใจ

พอได้ฟังเช่นนี้ก็รู้สึกว่าท่านพ่อเมตตาเอ็นดูนางมากจริงๆ

แล้วดูพี่หญิงสามของนางเถิด….

หานหลิงอดไม่ได้ที่จะเกิดความเห็นใจหานชิงเอ๋อร์ขึ้นมา

หานเจวี๋ยหลับตาลง หานหลิงไม่ถามมากอีก เริ่มฝึกบำเพ็ญ

หานเจวี๋ยไม่ได้ฝึกบำเพ็ญแต่ไปเข้าฝันหานชิงเอ๋อร์

ถึงอย่างไรก็เป็นบุตรสาวทั้งคน อีกทั้งในอดีตก็เป็นธิดาหัวแก้วหัวแหวนของเขา หานเจวี๋ยยังคงใส่ใจอยู่พอสมควร ถ่ายทอดพลังวิเศษให้นางแล้วชี้แนะเล็กน้อย

หานชิงเอ๋อร์ตื่นเต้นยิ่ง รั้งตัวหานเจวี๋ยให้อยู่คุยกันสักพัก ถึงอย่างไรหานชิงเอ๋อร์ก็สดใสเจื้อยแจ้วกว่าหานหลิงมากนัก สนิทสนมใกล้ชิดกับหานเจวี๋ยที่สุด

ความฝันดำเนินไปเนิ่นนานยิ่ง

หลังจากสิ้นสุดความฝัน หานเจวี๋ยก็ไปเข้าฝันหานฮวงและเจียงเจวี๋ยซื่อต่อ แต่ไม่ได้ถ่ายทอดพลังวิเศษให้ เพียงปลุกขวัญให้กำลังใจเท่านั้น

….

อีกไม่ถึงหนึ่งแสนปีงานชุมนุมฟ้าบุพกาลก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ทั่วฟ้าบุพกาลเริ่มเกิดกระแสแปรปรวน มีบุตรแห่งสวรรค์เริ่มออกมาต่อสู้ท้าประลองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต้องการสร้างชื่อเสียงกิตติศัพท์ ส่วนบุตรแห่งสวรรค์ที่โลดแล่นสร้างชื่อมานานกลับเก็บตัวสงบเสงี่ยมเริ่มปิดด่านบำเพ็ญ เตรียมตัวในขั้นสุดท้าย

ณ ก้นบึ้งฟ้าบุพกาล เมืองทศพิธใหญ่โตงดงามยิ่ง สถานที่ตั้งใหญ่โตยิ่งกว่าแดนเซียนเสียอีก ด้านในมีเขตหนึ่งที่เป็นแหล่งรวมค่ายกลเคลื่อนย้ายไว้ ปัจจุบันนี้มีการติดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายไว้ทะลุหลักร้อยล้านแล้ว แต่มีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่ยังคงดำเนินการติดตั้งอยู่

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่เข้าร่วมการก่อสร้างเมืองทศพิธขึ้นล้วนมิใช่สิ่งมีชีวิตสามัญ ไม่นับว่าเป็นงานยากลำบากสำหรับพวกเขาเลย ล้วนมองเป็นโอกาสทั้งสิ้น

หลังจากป่าวประกาศอยู่นับสิบล้านปี แม้งานชุมนุมฟ้าบุพกาลจะยังไม่เริ่มขึ้น แต่ก็เพียงพอจะขึ้นแท่นเป็นตำนานเล่าขานแล้ว เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏในฟ้าบุพกาลมาก่อน

ตอนนี้ผู้ที่ประจำการอยู่ในเมืองทศพิธเป็นดวงจิตมหามรรคทั้งสิ้น ดูแลควบคุมอย่างเข้มงวด

เทพมหาทัณฑ์มีคำสั่งลงมาอย่างเด็ดขาดว่าห้ามปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นในเมืองทศพิธ เขาให้ความสำคัญกับงานชุมนุมฟ้าบุพกาลครั้งนี้ยิ่ง

ช่วงเวลาที่งานชุมนุมฟ้าบุพกาลจะเริ่มต้นขึ้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว มีบุตรแห่งสวรรค์และกลุ่มอิทธิพลทยอยมุ่งหน้าไป เพื่อเลี่ยงไม่ให้พลาดงานชุมนุมครั้งนี้หรือไม่ก็ล่วงหน้ามาเพื่อผูกมิตรสานสัมพันธ์หรือชักจูงบุตรแห่งสวรรค์มาเข้าร่วมสังกัด

งานชุมนุมฟ้าบุพกาลมิใช่เวทีสำหรับบุตรแห่งสวรรค์เท่านั้น แต่เป็นเกมชิงอำนาจและงานเลี้ยงที่อุดมไปด้วยต้นกล้าชั้นยอดสำหรับกลุ่มอิทธิพลด้วย

หากว่าได้ตัวผู้ติดอันดับสิบยอดฟ้าบุพกาลมาก็เท่ากับได้ดวงจิตมหามรรคมาหนึ่งราย

นอกเหนือจากตำแหน่งสิบยอดฟ้าบุพกาลแล้วก็ยังมีตำแหน่งร้อยศักดา พันองอาจ หมื่นผู้กล้า ขอเพียงติดอันดับหมื่นผู้กล้าได้ก็จะมีชื่อเลื่องลือฟ้าบุพกาลแน่นอน บุตรแห่งสวรรค์ที่ติดลำดับหมื่นผู้กล้าคือสิ่งที่กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ปรารถนา

อาณาเขตภายในฟ้าบุพกาลมีมากมายปานใดเล่า บุตรแห่งสวรรค์ในลำดับหมื่นผู้กล้านับเป็นยอดบุตรแห่งสวรรค์ที่หาได้ยากในรอบล้านปีของแต่ละเขตแล้ว

เวลาผ่านไปไวปานชั่วพริบตา

หานเจวี๋ยปิดด่านมาครบหนึ่งแสนห้าหมื่นปีแล้ว งานชุมนุมฟ้าบุพกาลจะเปิดฉากขึ้นในอีกร้อยปีให้หลัง

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เอ่ยว่า “หลิงเอ๋อร์ เตรียมตัวพร้อมหรือยัง”

หานหลิงลืมตาขึ้นทันที แววตาเปี่ยมความคาดหวัง

สองพ่อลูกเดินออกจากอารามเต๋า ไปหาพวกสิงหงเสวียนทั้งสาม งานชุมนุมฟ้าบุพกาลครานี้จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้น เขาย่อมต้องพาสตรีของตนไปด้วย แต่ก่อนไปก็แยกเสี้ยวเจตจำนงทิ้งไว้ในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง

เผื่อไว้หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น สิ้นชีพไปก็ยังฟื้นคืนชีพได้

หานเจวี๋ยไม่อยากให้ตนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกข่มขู่ด้วยตัวประกัน

ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม ขอเพียงมีโอกาสทำให้เขาเสี่ยงตาย หานเจวี๋ยล้วนละทิ้งได้ทั้งสิ้น ถึงเขาจะคิดเช่นนี้แต่หากว่าคนใกล้ตัวทราบหรือได้เจอกับตัวเข้า จะต้องโศกเศร้าสิ้นหวังแน่นอน ดังนั้นเขาต้องเลี่ยงไม่ให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น

แต่ไหนแต่ไรมาหานเจวี๋ยล้วนไม่ชอบการเสี่ยงอันตรายอยู่แล้ว

ในเวลานี้เอง

ณ ก้นบึ้งฟ้าบุพกาล ภายในเมืองทศพิธอันกว้างใหญ่บรรยากาศคึกคักอย่างยิ่ง ถนนทุกสายภายในเมืองเนืองแน่น บนท้องฟ้าเหนือตัวเมืองก็มีสิ่งมีชีวิต สัตว์เลี้ยงและสัตว์พาหนะอยู่มากมาย

“ราชันเทวาฟ้าไพศาลจากสุดเขตทางเหนือมาถึงแล้ว!”

ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งยืนอยู่บนศีรษะมังกรดำตัวหนึ่งพลางตะโกนเสียงดัง เสียงดังก้องไปทั่วเมืองทศพิธ เรียกเสียงฮือฮาจากสรรพสิ่งนับไม่ถ้วนภายในตัวเมือง

ชัดเจนยิ่งนัก ราชันเทวาฟ้าไพศาลคนนี้มีชื่อเสียงมาก

“จุ๊ๆ ราชันเทวาฟ้าไพศาลมาจริงๆ ด้วย ข้านึกว่าคุณสมบัติเขาไม่เข้าขั้นเสียแล้ว”

“ฮ่าๆๆ คาดว่าอายุของราชันเทวาฟ้าไพศาลน่าจะใกล้รอบร้อยล้านปีแล้ว”

“ราชันเทวาฟ้าไพศาลคงติดอันดับหมื่นผู้กล้าได้กระมัง”

“แน่นอน ถึงอย่างไรก็มีชื่อเสียงมาช้านาน”

“ในระยะพันปีมานี้มีบุตรแห่งสวรรค์ผู้เลิศล้ำปรากฏตัวขึ้นมากมายเหลือเกิน ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าในลำดับหมื่นผู้กล้าต้องมีบุคคลไร้ชื่อเสียงปะปนอยู่ด้วยแน่นอน มองจากตอนนี้แล้ว คิดว่าการติดอันดับหมื่นผู้กล้าก็คงยากมากเช่นกัน”

“อริยะเบิกฟ้าอย่างข้าจะได้ติดอันดับหมื่นผู้กล้าบ้างหรือไม่นะ”

….

เนื่องจากมีการป่าวประกาศมานานต่อเนื่องนับหมื่นปีจึงทำให้บรรยากาศของงานชุมนุมฟ้าบุพกาลคึกคักสุดขีด นี่คืองานชุมนุมที่จัดขึ้นโดยเทพมหาทัณฑ์ เป้าหมายคือจัดอันดับบุตรแห่งสวรรค์ ทำให้งานชุมนุมฟ้าบุพกาลซับซ้อนลุ่มลึกขึ้นมา

เมื่อประวัติความเป็นมาของบุตรแห่งสวรรค์มากมายแพร่กระจายออกไป อย่าว่าแต่เลิศล้ำหมื่นยุคเลย แม้แต่ร้อยอันดับแรกก็ยังไม่มีผู้ใดกล้าตัดสิน

หลายชั่วยามต่อมา

“เจ้าเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่โจวฝานมาถึงแล้ว!”

นามของโจวฝานเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเลยเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับราชันเทวาฟ้าไพศาลแล้วยังน้อยกว่าเล็กน้อย

ในช่วงหลายล้านปีมานี้ เจดีย์มรรคายิ่งใหญ่เก็บตัวยิ่งนัก

ในเวลาเดียวกันนี้ ภายในเรือนกว้างขวางโอ่อ่าหลังหนึ่ง มีศิษย์สำนักซ่อนเร้นมารวมตัวกันไม่น้อยแล้ว

ไก่คุกรัตติกาลร้องแหวขึ้นมา “เจ้าหมา รีบไปรับพี่ฝานของเจ้าเสีย!”

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นไม่สบอารมณ์ ด่ากลับไป “ทำไมต้องเป็นข้าทุกที ทำไมลูกพี่ไก่อย่างเจ้าไม่ไปบ้างเล่า”

“ก็ในเมื่อเจ้าเรียกลูกพี่ไก่แล้ว มีสิทธิ์อะไรมาใช้ลูกพี่!”

“เจ้า!”

กวนปู้ไป้เหลือบมองสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นแวบหนึ่ง แค่นเสียงเอ่ย “ยังไม่รีบไปอีก”

คนอื่นๆ ก็เริ่มเร่งสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นแล้วเช่นกัน

สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นคับข้องมองใจ ทำได้เพียงออกไปรับคน

ต้าซั่นเทียนพลันถามขึ้นมา “มู่หรงฉี่เล่า เหตุใดเขายังไม่มาอีก”

ฟางเหลียงกล่าวว่า “ข้าเคยติดต่อไปหาเขาแล้ว เป้าหมายของเขาสูงยิ่ง ต้องการพิชิตตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุค บอกว่าจะไปช่วงชิงโอกาสวาสนาอันยิ่งใหญ่มาก่อน จะมาถึงช้าเล็กน้อย”

ไก่คุกรัตติกาลยิ้มเยาะ “เลิศล้ำหมื่นยุคเช่นนั้นหรือ เขาก็ช่างกล้าคิดเพ้อฝัน นี่มิใช่ตำแหน่งสำหรับศิษย์น้องฮวงของพวกเราหรอกหรือ”