บทที่ 955 เรื่องเล่า

Content Warning: มีฉากบรรยายพยายามฆ่าตัวตาย

บทที่ 955 เรื่องเล่า

ประเด็นคือ ทำไมอาจารย์ถึงถามเรื่องนี้?

พวกเขาเพิ่งพบกันแค่ครั้งแรกเองนะ

ฝ่ายเซี่ยหนานได้ยินคำตอบไม่รู้ควรดีใจหรือเสียใจดี

ตนคาดหวังคำตอบแบบไหนอยู่ล่ะ?

‘ซูเสี่ยวเฉ่าไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของซูฉางจิ่ว’ แบบนี้น่ะหรือ?

จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ?

ในสมัยนั้นแต่ละครัวเรือนอดอยากกันหมด ขนาดข้าวเมล็ดเดียวก็ยังช่วยชีวิตเราได้

แล้วถ้าไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ใครที่ไหนจะยอมทิ้งอาหารของตัวเองเพื่อเลี้ยงลูกชาวบ้านกัน?

ถ้าสองสามีภรรยาคู่นี้ไม่มีลูกก็ว่าไปอย่าง

แต่พวกมีลูกชายอยู่แล้วสองคน ทำไมต้องรับเลี้ยงลูกคนอื่นอีกล่ะ?

สุดท้ายก็คิดมากไป!

ลูกเธอคงไม่มีชีวิตอยู่แล้วละ!

พอนึกถึงเด็กน้อยที่น่าสงสาร ใบหน้าของเซี่ยหนานก็เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย และซีดเซียวเล็กน้อย

เสี่ยวเถียนเฝ้ามองเธอ

ยิ่งเห็นสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป ก็ยิ่งแปลกใจกว่าเดิม

ทำไมถึงมีสีหน้าเจ็บปวดแบบนั้นล่ะ มันคือความเจ็บปวดที่ไม่สามารถระบายออกมาได้ใช่ไหม?

ช่างปวดใจเหลือเกิน!

“อาจารย์เซี่ยไหวไหมคะ?” เสี่ยวเถียนคอยพยุงเอาไว้

เซี่ยหนานสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนเดินไปนั่งเก้าอี้ใต้ร่มเงา

แม้ไม่รู้ว่าทำไม แต่เด็กสาวทำได้แค่ตามไปเท่านั้น

จากนั้นผู้เป็นอาจารย์ก็เหม่อมองออกไปไกล ราวกับมองทะลุทุกสิ่ง มองไปยังสถานที่ที่ไม่มีใครมองเห็น

เสี่ยวเถียนเห็นความผิดหวังและโศกเศร้าบนใบหน้านั้น ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ไปสะกิดใจอะไรอีกฝ่ายหรือเปล่า?

“เสี่ยวเถียน อยากฟังเรื่องที่ฉันเล่าไหม?”

เซี่ยหนานไม่ได้หันกลับมา

“อาจารย์พูดมาได้เลยค่ะ!”

เธอยินดีที่จะเป็นผู้รับฟังหากสามารถช่วยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นได้

จากนั้นเรื่องเล่าก็ได้เริ่มต้นขึ้น

มีเด็กสาวคนหนึ่งจากครอบครัวนักวิชาการ เธอเป็นเด็กฉลาด เรียนเก่งมาตั้งแต่เด็ก และเป็นที่รักของพ่อแม่มาก

น่าเศร้าที่ตอนอายุได้สิบสามปีก็เสียผู้เป็นแม่ไป และอีกสองปีต่อมาก็เสียพ่อไปอีกคน

ตั้งแต่วันนั้นเด็กสาวที่ถูกเลี้ยงในอ้อมอกของพ่อแม่กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการ

เธอต้องลาออกจากโรงเรียน และย้ายไปอยู่กับครอบครัวพี่ชาย

พี่สะใภ้เกลียดตัวถ่วงแบบเธอมาก สั่งให้ทำงานทุกวันไม่พอ ไม่เคยให้กินข้าวอิ่ม เสื้อผ้าไม่มีจะใส่ด้วยซ้ำ

พี่ชายก็เอาแต่หลับหูหลับตา น้องสาวคนเดียวไม่เคยแลดู หลาย ๆ ครั้งยังแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

เด็กสาวที่มีแผนจะแต่งงานเป็นอันต้องยกเลิกไปเพราะพ่อแม่เสียชีวิต

ส่วนฝ่ายสาวที่ได้รับเลือกแทนไม่ใช่ใคร นอกจากน้องสาวของพี่สะใภ้

แต่ตัวเด็กสาวไม่ยอม ความกระตือรือร้นในวัยเยาว์จึงพุ่งเป้าไปสอบถามเรื่องราวให้ชัดเจน

และในที่สุดก็ได้พบกับอดีตคู่หมั้น

ชายคนนั้นบอกว่าเป็นการตัดสินใจของพ่อแม่เขา แต่จริง ๆ เขาชอบเธอมาก

แต่ความจริงเด็กสาวผู้บริสุทธิ์กลับถูกชายคนนั้นหลอก ทำให้คิดว่าฝ่ายชายชอบตนจริง ๆ

เพราะความสัมพันธ์ทางครอบครัว จึงนัดหมายให้แต่งกับผู้หญิงอีกคน

ตอนหญิงสาวรู้ตัวว่าท้อง ก็ได้ยินข่าวว่าฝ่ายชายกำลังแต่งงานกับผู้อื่น

เธอพยายามจมน้ำตายด้วยความสิ้นหวังในชีวิต แต่ก็รอดกลับมาอยู่สามครั้ง

สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตาย เร่ร่อนขอทานกระทั่งให้กำเนิดลูกสาว โนเวล-พีดีเอฟ

เสี่ยวเถียนได้ฟังก็รู้ทันทีว่าอาจารย์กำลังเล่าเรื่องของตัวเอง

และตอนนี้อีกฝ่ายกำลังสงสัยอยู่ว่า พี่เสี่ยวเฉ่าเป็นลูกสาวของตัวเองอยู่

“เรื่องที่อาจารย์เล่า เป็นเรื่องของตัวอาจารย์ใช่ไหมคะ?”

ถึงจะเดาได้ แต่ก็อยากถามให้แน่ชัด

เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพี่เสี่ยวเฉ่าด้วย

หลังจากเล่าสิ่งที่เก็บไว้ในใจมาตลอดยี่สิบปี เซี่ยหนานก็รู้สึกผ่อนคลายและโล่งใจขึ้นเยอะ

แต่ความเจ็บปวดที่เสียลูกสาวไปยังคงอยู่ดังเดิม

“เป็นเรื่องราวของฉันเองน่ะ ตอนนั้นฉันไม่ทันคนเลยทำร้ายทั้งตัวเองและลูกสาวไปด้วย เพื่อชดใช้บาปที่เคยสร้างไว้จึงไม่ได้แต่งงาน และพยายามตามหาลูกมาตลอดน่ะ”

เซี่ยหนานยกมือปิดหน้า น้ำตาไหลรินออกมา

แม้จะผ่านมาหลายปี แต่ความเจ็บปวดยังคงไม่เสื่อมคลาย มันไม่เคยหายไปจากใจเธอสักนิด

เธอไม่สามารถปล่อยวางได้เลย

“ฉันตามหาลูกมาหลายปีแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่เคยได้ยินข่าวคราวที่อยู่ของเจ้าตัวเลย ยิ่งช่วงหลังที่สถานการณ์แย่ลงเรื่อย ๆ เลยต้องยอมแพ้น่ะ”

น้ำเสียงสะอึกสะอื้นเอ่ยออกมาแทบไม่เป็นประโยค

แต่ระหว่างสองปีมานี้เธอเคยไปสอบถามแล้วนะ แต่ไม่มีข่าวคราวเลย

จึงรู้สึกไปแล้วว่าลูกสาวไม่น่ามีชีวิตอีกต่อไปแล้ว

เด็กตัวแค่นั้นเอง ต้องมาอยู่ในสภาพแวดล้อมอด ๆ อยาก ๆ อีก

ขนาดผู้ใหญ่ยังแทบเอาชีวิตไม่รอด นับประสาอะไรกับทารกเพิ่งเกิดล่ะ

“หลังจากได้พบกับเสี่ยวเฉ่า ฉันรู้สึกได้เลยว่าต้องมีอะไรเกี่ยวข้องด้วยแน่ ๆ แต่จากที่เธอบอกคือไม่เคยได้ยินว่าเสี่ยวเฉ่าเป็นเด็กรับมาเลี้ยงเนี่ยสิ”

ถ้าไม่ได้รับเลี้ยงก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนแล้วละ

เสี่ยวเถียนไม่รู้จะปลอบใจยังไงดี

ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่น่าฟังทั้งนั้น เลยหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาช่วยเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่าย

เซี่ยหนานไม่คิดเลยว่าจะปล่อยโฮต่อหน้าเด็กแบบนี้

“ฉันทำให้เธอขบขันแล้ว”

มันเป็นสิ่งที่เก็บไว้ในใจและไม่เคยได้บอกใครเลย

หากไม่ได้พบกับเสี่ยวเฉ่าที่บังเอิญหน้าตาคล้ายกัน คงไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกไปเลยก็ได้

เผลอ ๆ พอแก่ตัวลงอาจจะลืมเลือนด้วยซ้ำ

“อาจารย์กับพี่เสี่ยวเฉ่าคล้ายกันจริง ๆ ค่ะ แต่หนูไม่รู้นะว่าพี่เขาเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของลุงฉางจิ่วหรือเปล่า?”

เราคงต้องกลับบ้านไปสอบถามแล้วละ แต่เสี่ยวเถียนยังเชื่อว่าพี่เสี่ยวเฉ่าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของลุงฉางจิ่วนะ

ถ้าอย่างนั้นอาจารย์จะเสียใจไหม?

เสี่ยวเถียนขบคิด “ลูกสาวอาจารย์มีปานไหมคะ?”

ไม่รู้ยุคนี้มีการตรวจดีเอ็นเอได้หรือยัง แต่ถึงมีแล้วตอนนี้ประเทศนี้ก็ยังไม่มีหรอก คงรออีกนาน

แล้วอาจารย์เซี่ยต้องรอถึงตอนนั้นเลยใช่ไหม?

เพราะอย่างนั้นในสถานการณ์แบบนี้ ปานบนร่างกายที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิดอาจเป็นวิธีเดียวในการยืนยันสายสัมพันธ์ได้

เซี่ยหนานตอบทันควัน “ฉันจำได้ว่ามีปานสีชาดอยู่ที่เอวน่ะ”