บทที่ 954 สอบถาม

บทที่ 954 สอบถาม

ทุกคนคิดว่าซูฉางจิ่วเป็นกังวลทางบ้าน เลยไม่ได้ชักชวนให้อยู่ต่อ

หลี่จู้จื่อเองก็บอกเหมือนกันว่าเราจากบ้านมาหลายวันแล้ว ต้องรีบกลับได้แล้ว

ซูฉางจิ่วเองก็เช่นกัน

เขาคิดว่าแทนที่จะสร้างปัญหาที่นี่ สู้กลับไปปรึกษาภรรยาดีกว่า

“ลุงฉางจิ่วกลับด้วยกันกับเราดีสุดครับ ผมกับภรรยาจะได้ดูแลเขาได้”

สำหรับคนแก่ที่ไม่ค่อยได้ออกไปไหนบ่อย ๆ หลี่จู้จื่อไม่ค่อยสบายใจหากปล่อยให้เขากลับตัวคนเดียว

“ถ้างั้นก็กลับพร้อมกันเถอะ เราจากบ้านมาตั้งหลายวันแล้ว ถึงจะมีคนเฝ้าร้านให้แต่ก็ไม่สบายใจอยู่ดี”

ซูเหล่าเอ้อร์กับภรรยาว่าจะกลับด้วยเหมือนกัน

ตอนนี้เราเปิดร้านอยู่สี่สาขาในตัวเมืองมณฑล คุมงานทั้งทิศตะวันออก ทิศใต้ ทิศตะวันตก และเหนือเลย ด้วยความที่รสชาติอร่อย อาหารสดสะอาดจึงมีชื่อเสียงและธุรกิจรุ่งเรืองมาก

ปัจจุบันแต่ละร้านของพวกเขาจ้างพนักงานประมาณห้าหกคนคอยดูแลให้

สองสามีภรรยานับเงินกันแทบไม่ไหว สองปีมานี้พวกเขาร่ำรวยขึ้นมาก ธุรกิจใหญ่โตจนวางมือไม่ได้เลย

แถมยังได้ว่าที่สะใภ้กลับมาอีก เพราะงั้นกลับไปต้องรีบเก็บค่าสินสอดให้ลูกชายแล้ว

ตระกูลซูมีอยู่หลายครอบครัวแยกย่อยกันไป บ้านเราเป็นบ้านที่กดดันที่สุดเพราะมีลูกชายด้วยกันสี่คน

คุณย่ากับเหลียงซิ่วได้ยินแบบนั้น จึงเตรียมตัวจะให้ของขวัญ

“สะใภ้สาม ครอบครัวเราอุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล ของขวัญของเราดูน้อยหน้าไปหน่อยนะ แต่ถ้ามากเกินก็ไม่ดีอีก”

ยิ่งท่านคิดเท่าไรก็ยิ่งรำคาญใจมากขึ้นเท่านั้น

อีกอย่างนะ เราไม่ได้จะมอบของขวัญให้แค่ซูฉางจิ่วเท่านั้น ยังมีคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านอีกที่ส่งของขวัญมาให้ด้วย เราก็ควรจะส่งคืนให้ด้วยไม่ใช่หรือ?

“ไม่อย่างนั้นเตรียมเป็นของที่หิ้วไปง่าย ๆ ดีกว่าค่ะ ฉันว่าขนมของเมืองหลวงอร่อยมากนะคะ เตรียมไปสักหน่อย อาจจะซื้อบุหรี่อีกสักหลาย ๆ กล่อง ไม่ได้ดูน่าเกลียดเลยค่ะ ขนง่ายไม่หนักด้วย”

คุณย่าซูได้ฟังพลันเห็นด้วย

ถึงพวกเขาสองคนจะบอกว่าเป็นของหิ้วง่าย ๆ แต่พอห่อจริง ๆ ก็มีประมาณสี่ห้าถุงด้วยกัน

เถาฮวาได้ยินข่าวว่าพี่ชายกำลังจะกลับ ก็ส่งของมาให้เพียบ บางส่วนก็ให้ตัวเขา บางส่วนก็ให้กับคนสนิทในหมู่บ้าน

ซูฉางจิ่วมองของพวกนั้น “ทำไมรู้สึกละอายใจแบบนี้ล่ะ?”

เยอะกว่าที่เขาขนมาให้อีก

ตนแค่มาแสดงความยินดีให้บ้านเขา กลายเป็นว่าเขาเตรียมของขวัญตอบแทนคืนอย่างใจกว้างเลยเนี่ยนะ?

“ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ยังไงเราก็ต้องมอบกลับคืนอยู่ดี อีกอย่างมันเป็นงานมงคลสำหรับบ้านเราด้วย เราต้องให้ทุกคนมีความสุขสิ” คุณย่าซูยิ้ม “โชคดีที่มีจู้จื่อกับเหล่าเอ้อร์อยู่ด้วย พวกเขาช่วยเธอได้อยู่”

“คุณป้าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะส่งของให้พร้อมส่งลุงฉางจิ่วกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยเลย” หลี่จู้จื่อยิ้ม

ตระกูลซูหาซื้อตั๋วนอนแบบนุ่มให้กลุ่มนักเดินทาง

เส้นทางอันยาวไกลให้นั่งกลับคงไม่ไหวแน่ ๆ

หลังจากส่งกลุ่มซูฉางจิ่วกลับ ชีวิตที่บ้านกลับมาดำเนินตามปกติ

เด็ก ๆ กลับไปเรียนกันหมดแล้ว ส่วนเสี่ยวเฉ่าเดินทางไปกลับจากบ้านและโรงเรียนทุกวัน

อันที่จริง เธอสบายใจมากที่ไม่ได้เจอกับซานกง

ตั้งแต่เดินทางมาถึงเมืองหลวง เสี่ยวเฉ่าก็รับรู้ได้ถึงข้อบกพร่องของตัวเอง ช่วงนี้เวลาอยู่ที่โรงเรียนจึงขอคำแนะนำจากครูคนอื่น ๆ เสมอ พอกลับมาบ้านก็อ่านหนังสือตลอด

ครูในโรงเรียนมัธยมอันดับ 7 เป็นคนถือตัว ยิ่งเผชิญหน้ากับกลุ่มครูที่มาฝึกอบรม นิสัยเหล่านั้นก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

แต่คนที่มีความตั้งใจอย่างเสี่ยวเฉ่า พวกเขาไม่ได้ต่อต้านอะไร

ยิ่งได้ยินว่าเจ้าตัวเป็นพี่สาวของเสี่ยวเถียน ก็ยิ่งเป็นมิตรมากกว่าเดิม

เพราะทุกคนในโรงเรียนรู้ว่าซูเสี่ยวเถียนเป็นใคร

นักเรียนที่อายุน้อยที่สุด แต่มีคะแนนสอบสูงที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของโรงเรียนมัธยมแห่งนี้

และชื่อเสียงของเราก็มาจากเด็กสาวคนนั้น

ทุกคนต่างทอดถอนใจ ไม่แปลกใจที่ครูเสี่ยวซูมีความตั้งใจขนาดนี้ ที่แท้ก็มีความเป็นมาแบบนี้นี่เอง

ซูเสี่ยวเถียนเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนและขยันขันแข็งมาก ตัวพี่สาวก็ไม่น้อยหน้า

และคนที่เผยแพร่ข่าวนี้ก็คือครูอวี่นั่นเอง

ตั้งแต่เสี่ยวเถียนมอบความไว้วางใจให้เขาดูแล ครูอวี่ก็ทำตามที่บอกไว้จริง ๆ

มีอยู่สองครั้งที่โรงเรียนเลิกเย็น เขาก็มาส่งเธอด้วยตัวเอง โนเวล-พีดีเอฟ

เหตุผลคือเสี่ยวเถียนไว้ใจเขา

เขาไม่สามารถฝืนความตั้งใจของเสี่ยวเถียนได้

คุณย่าซูเห็นก็ลอบถามเสี่ยวเฉ่าว่าครูอวี่เขาสนใจในตัวหลานหรือเปล่า

“ไม่มีอะไรค่ะคุณย่า เสี่ยวเถียนฝากให้ครูอวี่ดูแลฉันน่ะค่ะ”

หญิงสาวรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยตอนตอบออกไป

เธอไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายสนใจตนหรือเปล่า เพราะครูที่โรงเรียนต่างก็บอกว่าเจ้าตัวยังไม่มีคนรัก

แล้วถ้าเขาสนใจเธอจริง ๆ ก็ต้องรู้สึกแล้วสิ ว่าที่เขามาส่งเธอกลับบ้าน เพราะกะแวะมากินข้าวที่ร้านมากกว่า

ครูอวี่เป็นลูกค้าประจำของหออีหมิงนี่นา

เสี่ยวเถียนไม่แปลกใจเท่าไรที่เสี่ยวเฉ่าตอบแบบนั้น

ตามปกติถ้าครูอวี่จะหาภรรยาก็ต้องเลือกคนที่มีถิ่นที่อยู่ในเมืองหลวงอยู่แล้ว

แต่สิ่งที่ควรแปลกใจมากกว่าคืออาจารย์เซี่ยหนานมาหาต่างหาก

เธอมายืนรอเด็กสาวที่ประตูห้องเรียน ซึ่งทำให้เสี่ยวเถียนตกใจมาก

“อาจารย์เซี่ยมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” เราสองคนกำลังเดินไปตามเส้นทางที่เรียงรายไปด้วยต้นไม้

เซี่ยหนานมองเสี่ยวเถียนโดยไม่พูดอะไร เอาแต่เดินอย่างเชื่องช้าด้วยท่าทีกังวล

เด็กสาวสับสนหนักกว่าเก่า

เพราะไม่เคยเห็นอาจารย์เป็นแบบนี้มาก่อน

แต่เข้าใจนะ บางครั้งคนเราก็อยากได้ใครสักคนเดินด้วย แต่การจะพูดคุยหรือไม่นั้นไม่ได้สำคัญเลย

เราเดินไปประมาณห้าสิบเมตร ในที่สุดคนข้าง ๆ ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความลำบากใจ

“เสี่ยวเถียน อาจารย์มีเรื่องอยากถามหนูน่ะ”

เสี่ยวเถียนตกใจ

“ไม่ว่าอาจารย์จะถามอะไร หนูจะตอบเท่าที่รู้นะคะ”

เธอคิดไม่ออกว่าตัวเองมีอะไรให้ช่วยได้

“อาจารย์อยากถามว่า เสี่ยวเฉ่าเป็นลูกทางสายเลือดหรือเปล่า?”

อะไรนะ?

เสี่ยวเถียนตกใจมากกว่าเดิม แล้วเธอต้องตอบยังไง?

เสี่ยวเฉ่าอายุมากกว่า แถมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ด้วยซ้ำ

“คงใช่นะคะ ไม่เห็นคนในหมู่บ้านพูดเลยว่าพี่เสี่ยวเฉ่าเป็นเด็กที่รับมาเลี้ยง แถมคุณลุงคุณป้าก็ดีต่อพี่เสี่ยวเฉ่ามากเลยค่ะ”

เสี่ยวเถียนตอบตามตรง

ชีวิตของลูกสาวส่วนใหญ่ไม่ดีเท่าลูกชายน่ะ

เพราะคนส่วนใหญ่ชอบลูกชายกันมากกว่า

แต่กับบ้านลุงฉางจิ่วไม่ใช่แบบนั้น ลุงดูแลลูกชายดีอย่างไร กับลูกสาวก็อย่างนั้นเลย

“ลุงฉางจิ่วส่งพี่เสี่ยวเฉ่าเรียนด้วยนะคะ แค่เด็กผู้หญิงในหมู่บ้านได้เรียนหนังสือก็นับว่าดีแล้วค่ะ น้อยมากเลยที่จะได้เรียนมหาวิทยาลัย”

อืม…

ฟังดูอาจจะไม่ใช่แบบนั้น เพราะผู้หญิงในหมู่บ้านเราออกไปเรียนหนังสือกันเพียบเลย

แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญเสียหน่อย