War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2301
ตอนที่ 2,301 : เบญจดัชนีคุมขัง
ร่างต้วนหลิงเทียนที่โจนทะยานออกไปอย่างดุดันนั้นพริบตาก็ฉากตัวหลบสภาวะที่เร่งเร้ามาจนสุดของอวี่เหวินฮ่าวเฉินออกไปได้อย่างไม่ยากเย็น! เพราะตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะใช้ออกด้วยเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวอย่างปีกอีกาทองคำเท่านั้น เขายังใช้วรยุทธ์เซียนท่าร่างอย่างท่องกระบี่อีกด้วย!!
อย่างไรก็ตาม กระนั้นความเร็วของเขาก็ไม่ได้เหนือกว่าอวี่เหวินฮ่าวเหรินมากสักเท่าไหร่
เพราะเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวของอวี่เหวินฮ่าวเหวินก็ไม่ใช่เวทย์พลังต่ำทราม แม้จะอ่อนด้อยกว่าเวทย์พลังปีกอีกาทองคำ หากทว่าวรยุทธ์เซียนท่าร่างที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินใช้กลับเหนือกว่าของต้วนหลิงเทียน! ทำให้ความเร็วในปัจจุบันของมันเกือบจะทัดเทียมกับความเร็วของต้วนหลิงเทียน!!
‘ไฉนมันถึงได้รวดเร็วนัก!!’
เห็นต้วนหลิงเทียนพุ่งสวนเข้ามาด้วยความเร็วที่เหนือล้ำกว่ามัน ก่อนที่จะหักร่างฉากหลบทำลายสภาวะบุกทะลวงของมันไปอย่างหน้าตาเฉย อวี่เหวินฮ่าวเฉินอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ!
แม้ไม่อาจกล่าวได้ว่าความเร็วของตัวนั้นเอกอุภายใต้ครึ่งก้าวเซียนอมตะทั้งเผ่าปีศาจ แต่อวี่เหวินฮ่าวเฉินกล้าพูดได้เต็มปาก ว่าคนที่มีความเร็วทัดเทียมกับมันนั้นมีแค่หยิบมือเดียว!
ทว่าวันนี้มันกลับพบผู้ที่มีความเร็วเหนือล้ำกว่ามัน กระทั่งอีกฝ่ายยังเป็นมนุษย์!!
‘เช่นนี้ไม่ดีแน่!!’
หลังพยายามเร่งเร้าพลังสุดตัวไล่จี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอยู่พักหนึ่ง พอตระหนักได้ว่าการไล่ต้วนหลิงเทียนให้ทันนั้นเป็นเรื่องที่ไปไม่ได้! อวี่เหวินห้าเฉินก็ยกมือขึ้นมางองุ้มเป็นกรงเล็บ ผนึกพลังกทั้งสิบส่วนสู่มือก่อนจะพุ่งคว้าไปทางต้วนหลิงเทียนทันที!!
ทันใดนั้นปรากฏลำแสงดัชนีพุ่งออกไปจากนิ้วทั้ง 5ด้วยความเร็วสูงล้ำเป็นลำแสงปานดาวตกทะยานข้ามแผ่นฟ้า!
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
แสงดัชนีพลังที่พุ่งลัดฟ้ามาปานดาวตก เมื่อเทียบกับความเร็วในการเคลื่อนที่ของตัวอวี่เหวินฮ่าวเฉินและต้วนหลิงเทียนแล้ว เรียกว่าเร็วกว่ากันเกือบ 2 เท่า!
พริบตาลำแสงดัชนีก็ห่างจากต้วนหลิงเทียนไม่ไกล!
ทันใดนั้นเอง!
ซัว! ซัว! ซัว!
……
ลำแสงดัชนีทั้ง 5 ที่ถูกควบแน่นจากพลังเซียนต้นกำเนิด เมื่อใกล้บรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียน อยู่ๆ มันก็เปลี่ยนทิศทางพุ่งขึ้นไปบนฟ้าเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียน ก่อนจะแปรสภาพจากลำแสงพลังไปเป็นเสาแสงมหึมา 5 ต้น!!
พริบตาต่อมาเสาแสงมหึมา 5 ต้นก็เริ่มแตกตัวออกด้วยความเร็วอัศจรรย์ พริบตาจากห้าเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย!!
ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!
……
เสาแสงที่สร้างขึ้นจากพลังเซียนต้นกำเนิดอันมหาศาล ไม่นานก็ค่อยๆถักทอจนมองไปประหนึ่งซี่ลูกกรงเป็นแผ่นๆ! แถมกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกจากเสาแสงที่ร้อยเรียงเป็นแผ่นลูกกรงไม่เพียงสะท้านสะเทือนความว่างเปล่าโดยรอบ ยังหนักแน่งประหนึ่งหินแกร่งไร้วันทลาย!!
‘นี่มันวิชาอะไรกัน!’
ทันทีที่เห็นเรื่องราวผิดแปลก สำนึกเทวะต้วนหลิงเทียนก็กำจายออกไปสำรวจเสาแสงที่ร้อยเรียงไปคล้ายซี่ลูกกรงเป็นแผ่นทันที
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังตรวจสอบแผ่นซี่ลูกกรงทั้งหลาย พวกมันก็พุ่งแยกออกมา บน ล่างซ้าย ขวา หน้า หลัง ก่อนที่จะประสานเชื่อมต่อกลับกลายเป็น ‘กรงขังขนาดใหญ่’ กักขังร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ด้านใน!
แต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนไม่มีเวลาตอบสนองเรื่องราวแม้แต่น้อย
“เบญจดัชนีคุมขัง!”
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนถูก ‘กรงขังขนาดใหญ่’ กักขังเอาไว้จนต้องหยุดร่างลง ผู้ชมจำนวนมากที่ได้แลเห็นเรื่องราวชัดตาอีกครั้งก็อุทานออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นตาตื่นใจ เพราะพวกมันจดจำวิธีการลงมืออันน่ากลัวนี้ของอวี่เหวินฮ่าวเฉินได้เป็นอย่างดี!
เมื่อผู้ชมเบื้องล่างอุทานออกมา ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินบทสนทนานของพวกมันด้วยเช่นกัน ทำให้เขาทราบว่านี่เป็นหนึ่งในเวทย์พลังดั่งไม้ตายก้นหีบของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน เบญจดัชนีคุมขัง!
เวทย์พลังนี้ของมันเดิมทีเป็นเวทย์พลังสนับสนุนประเภทหนึ่งที่มีไว้กักขังถ่วงรั้งศัตรู แม้จะสามารถสร้างกรงผนึกศัตรูได้ด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ หากทว่าอานุภาพกลับไม่ได้เลิศล้ำอะไรมากมาย เพียงเป็นผู้ที่มีพลังพอๆกันย่อมสามารถทำลายกรงขังนี้ทิ้งได้อย่างง่ายดาย…
อย่างไรก็ตามพอเวทย์พลังดังกล่าวมาอยู่ในมืออวี่เหวินฮ่าวเฉิน เรื่องราวกลับต่างออกไป! เพราะเวทย์พลังโจมตีหลักที่มันเชี่ยวชาญนั้น ก็คือ หัตถ์ครองภพ! มันสามารถประยุกต์ใช้สองเวทย์พลังได้อย่างแยบคาย ผสานหลอมรวมใช้ออกได้พร้อมเพรียง!!
เช่นนั้นแล้วตอนนี้ ก็เสมือนอวี่เหวินฮ่าวเฉินใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนผสานเวทย์พลังจู่โจม แม้พลังจะพอๆกัน แต่หากคิดจะทำลายกรงขังนี้ให้ได้ จำต้องใช้เวลาพักหนึ่ง!!
เช่นเดียวกันกับต้วนหลิงเทียนในตอนนี้
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
เมื่อพบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในกรง ต้วนหลิงเทียนย่อมตอบสนองเรื่องราวฉับไว ควบพลังสร้างกระบี่พลังมีสภาพใช้ออกด้วยเคล็ดใจกระบี่เหิน ขอบเขตที่ 3ของยอดใจกระบี่ทันที!
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
…
กระบี่พลังถูกควบสร้างไม่หยุด พุ่งทะยานจี้ทะลวงทำลายออกไปยังจุดเดียวกัน หมายทะลวงกรงขัง!
อย่างไรก็ตามหลังส่งกระบี่พลังออกไปทำลายไม่กี่ชุด ต้วนหลิงเทียนก็พบว่า
หากไม่มีเวลาสักหลายๆสิบลมหายใจ เกรงว่าเขาคงไม่อาจทำลายกรงขังนี้ลงได้!
ซัว!
ในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนวุ่นวายอยู่กับการพยายามทำลายกรงขังที่ไม่น่าจะทำลายได้ในระยเวลาอันสั้น ร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่เหินไล่มาจากด้านหลัง ในที่สุดก็ติดตามมาทัน มันพุ่งร่างผ่านลูกกรงเข้าไปด้านในกรงขังได้หน้าตาเฉย!
ทำราวกับลูกกรงเป็นเพียงอากาศธาตุ!!
แน่นอนว่าไฉนที่เป็นเช่นนี้ เพราะเดิมทีกรงขังดังกล่าวก็สร้างขึ้นจากพลังของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน!
“ต้วนหลิงเทียน! ลองเจอเบญจดัชนีคุมขังของข้าแบบนี้ อย่าได้หวังว่าเจ้าจะหนีไปที่ใดได้!!”
หลังเข้ามาภายในกรงขังแล้ว อวี่เหวินฮ่าวเฉินก็มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเย็น
“หนี?”
ได้ยินคำของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน สองตาต้วนหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อย ค่อยกล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่แยแส“จ้าววังอวี่เหวิน นี่ท่านจะไม่ยกหางตัวเองเกินไปหน่อยหรือ อาศัยท่านยังไม่พอให้ข้าต้วนหลิงเทียนต้องหนี!”
สาเหตุที่ต้วนหลิงเทียนฉากร่างหลบอวี่เหวินฮ่าวเฉินมานั้น หนึ่งเพื่อทำลายสภาวะเหี้ยมหาญ สองคือพยายามฉีกระยะมาเพื่อเตรียมพร้อมปะทะกับอวี่เหวินฮ่าวเฉินให้เต็มกำลัง
เพราะหากเทียบกับอวี่เหวินฮ่าวเฉินแล้ว สภาวะอีกฝ่ายได้เร่งเร้าจนพลังบรรลุจุดสูงสุดเตรียมสู้อะไรแต่แรก หากแต่เขาไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรขนาดนั้น
ทว่าแม้เขาจะไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรแต่แรก แต่เขามั่นใจว่าสามารถรับมืออวี่เหวินฮ่าวเฉินที่เร่งเร้าสภาวะพร้อมพรั่งได้
และความมั่นใจนี้หนึ่งก็มาจากพลังฝีมือส่วนตัว หนึ่งมาจากความเร็ว อีกหนึ่งมาจากชีพจรเซียน 99 สายในร่าง…
ด้วยความเร็วของเขา รวมถึงความสามารถของชีพจรเซียน 99 สาย เขาเชื่อว่าหลังทำลายสภาวะเหี้ยมหาญของอวี่เหวินฮ่าวเฉินได้แล้ว และเหินร่างฉีกระยะออกไปมากพอจนสภาวะเขากับมันไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบสืบไป คราวนี้ไม่ว่าจะการเร่งเร้าปะทุพลังเพื่อใช้ออกอะไร เขาย่อมเหนือกว่ามันทุกทาง!
“เช่นนั้นก็ให้ข้าชมดูหน่อยเถอะ ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจจากที่ใด!!”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนทั้งแลเห็นสีหน้าท่าทีไม่อีนังขังขอบ อวี่เหวินฮ่าวเฉินแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมเย้ยหยัน ค่อยยกมือขึ้นมางองุ้มเป็นกรงเล็บอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตะปบสังหารไปทางต้วนหลิงเทียนด้วยอำมหิต!
หากทว่าคราวนี้มันไม่ได้ใช้ เบญจดัชนีคุมขัง หากทว่าเลือกใช้เวทย์พลังจู่โจมอย่าง หัตถ์ครองภพ!
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!
…
เมื่ออวี่เหวินตะปบนิ้วทั้ง 5 ที่งองุ้มกรงเล็บฟาดออก ความว่างเปล่ารอบกรงพลันสะเทือนเลือนลั่น ไอพลังมหาศาลขุมหนึ่งเริ่มกำจายออกมาเป็นวงคลื่นจากฝ่ามือระลอกแล้วระลอกเล่า!
ยังเป็นกลิ่นอายพลังสุดไพศาลที่ปานจะสยบได้ทุกสิ่ง!
สภาวะกระบวนท่าของอวี่เหวินฮ่าวเฉินยามนี้ ประหนึ่งมันสามารถไขว่คว้าได้กระทั่งตะวันจันทรา!นิ้วทั้ง 5 ที่งองุ้มเป็นกรงเล็บเปล่งพลังกล้าแข็งทำราวกับทุกอย่างล้วนต้องสยบในกำมือ!!
และกรงเล็บของมันประหนึ่งจะกอบกุมได้ทั้งฟ้าดิน!
เป็นหัตถ์ครองภพที่อวี่เหวินช่ำชองถึงขั้นตอนไร้ตำหนิ!!
‘ไม่ได้มีแต่เวทย์พลังจู่โจมเท่านั้น!’
ท่ามกลางมวลพลังอันสุดไพศาลของกระบวนท่าอวี่เหวินฮ่าวเฉิน ต้วนหลิงเทียนย่อมจับสัมผัสพลังที่แฝงเร้นอยู่ในนั้นได้ชัดเจน
กระบวนท่านี้ของอวี่เหวินฮ่าวเฉินนั้น มิได้ใช้ออกแค่เพียงเวทย์พลังอย่างเดียว! กลับแฝงเร้นไปด้วยพลังลึกลับอีกขุม!!
นอกกจากนี้กลิ่นอายพลังลึกลับนั่น เป็นอะไรที่ตัวเขาเองก็คุ้นเคยมันเป็นอย่างดี!
ในหัวเขาพลันย้อนนึกถึงเรื่องราวเมื่อ 3 ปีก่อนทันที
ในตอนนั้นยามอวี่เหวินฮ่าวเฉินใช้หัตถ์พลังรับกระบวนท่าเขา กลิ่นอายพลังลึกลับดังกล่าวก็ทำให้เขารู้สึกอับจนหนทาง เพราะมันสามารถหยุดกระบี่ที่บรรจุไว้ด้วยสำนึกพลังทั้งพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดเต็มพิกัดของเขาได้ง่ายดาย!
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับการลงมือเมื่อ 3 ปีก่อนของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน การลงมือครานี้ของมันไม่ทราบทรงพลังเหนือล้ำกว่ากี่เท่าต่อกี่เท่า!!
ทั้งหมดเพราะเมื่อ 3 ปีก่อน อวี่เหวินฮ่าวเฉินสมควรใช้ออกด้วยวรยุทธ์อย่างเดียวและใช้พลังไม่กี่ส่วนทว่ายามนี้มันกลับไม่เพียงใช้ออกด้วยวรยุทธ์เดิมด้วยพลังเกรี้ยวกราด ยังผสานไปด้วยเวทย์พลังจู่โจมอันร้ายกาจ!
เมื่อนำทั้ง 2 มาเทียบกัน ย่อมเป็นอะไรที่แตกต่างกันประหนึ่งฟ้ากับดิน!
“ข้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหนน่ะหรือ…”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มไม่แยแสออกมาอีกครั้ง แม้จะต้องเผชิญหน้ากับกระบวนท่าเปี่ยมพลังอันน่ากลัวของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน สีหน้ายังให้ความรู้สึกสบายปานเมฆลอยเอื่อย “จ้าววังอวี่เหวิน ข้าจะให้ท่านดูว่าข้าไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใด!”
กล่าวจบคำแม้ใบหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงคลี่ยิ้มบางๆ หากแต่ลึกลงไปในแววตากลับเผยประกายดุดันออก
“เซียนอมตะข้ามภพ!”
“ใจกระบี่เหิน!”
เผชิญหน้ากับการลงมืออันน่ากลัวของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน แม้จะแลดูไม่แยแสหากแต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ประมาทแม้แต่น้อย พลังทั่วร่างพลันระเบิดปะทุออกมาคราหนึ่ง ก่อนที่คนจะกลับกลายเป็นเงาเลือน ค่อยปรากฏร่างแยกอวตารจำนวนหนึ่งแยกตัวออกมา แต่ละร่างกระชับกระบี่พันอาคมเซียนที่ไม่ทราบหยิบออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ใช้ออกด้วยเคล็ดใจกระบี่เหิน!
ทันใดนั้น
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
……
เสียงหอนกระบี่ดังขึ้นสั้นๆอย่างแผ่วเบาหลายครั้ง กระบี่พุ่งไปดั่งลำแสง เรียงตัวอย่างมีระเบียบปานทหาร จี้เข้าใส่อวี่เหวินฮ่าวเฉินที่จู่โจมเข่นฆ่าเข้ามา!
ประกายกระบี่แลบลั่นผ่านฟ้า! กลิ่นอายคมกล้ายังพาลให้ความว่างสะท้านสะเทือนราวกับจะปริฉีกได้ทุกเวลา!!
ฉากต้วนหลิงเทียนกำลังจะปะทะกับอวี่เหวินฮ่าวเฉินตรงๆ นี้เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจของใครหลายคนนัก!
แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วไม่อาจแลเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
‘บัดซบ! กระบวนท่ากระบี่ของต้วนหลิงเทียน ไฉนมันทรงพลังได้ถึงขนาดนี้! แถมกระบี่นั่นมันไวนรกอะไร?’
ฉีหนานฟง ในฐานะจ้าววังวิญญาณอสุรา มันเองก็เป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ที่ใกล้ชักนำหายนะครึ่งก้าวเซียนอมตะเต็มที
ดังนั้นพอได้เห็นกระบวนท่า เซียนอมตะข้ามภพผสานใจกระบี่เหินของต้วนหลิงเทียน มันก็ตระหนักได้ทันทีว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนไม่ได้อ่อนด้อยกว่าอวี่เหวินฮ่าวเฉินเลย!
นอกจากนี้กระทั่งสำนึกรู้ฟ้าดินของทั้งคู่ก็ทัดเทียมกัน! เดิมมันคิดว่าอวี่เหวินฮ่าวเฉินคงสามารถฆ่าต้วนหลิงเทียนได้ ทว่าบัดนี้ความเชื่อมั่นในตัวอวี่เหวินฮ่าวเฉินของมันเริ่มสั่นคลอนแล้ว! เพราะขนาดปะทะกันขนาดนั้นแต่ต้วนหลิงเทียนยังสงบเกินไป!!
ขณะเดียวกัน มันยังเริ่มบังเกิดความเสียใจ!
หากมันรู้แต่แรกว่านายน้อยตำหนักเมฆาครามจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ แม้มันจะอยากระบายแค้นให้ศิษย์ปิดสำนักมากเพียงใด แต่มันก็คงไม่รนหาที่ด้วยการมาหาเรื่องเข่นฆ่าอีกฝ่าย!
ตอแยตัวตนอันทรงพลังเช่นนี้ อย่าว่าแต่ตัวมันจะเตะเอาเข้าตอเหล็ก กระทั่งยังจะลากวังวิญญาณอสุราให้ล่มจมไปพร้อมกับมัน!!
และฉากเรื่องราวต่อมาก็เป็นดั่งที่ฉีหนานฟงหวั่นใจไว้แต่แรก
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
…
การปะทะกันของกระบวนท่าระหว่างต้วนหลิงเทียนกับอวี่เหวินฮ่าวเฉิน ทำให้ความว่างเปล่าสะท้านสะเทือนอย่างแรง คลื่นลมปั่นป่วนวุ่นวาย หากแต่สุดท้ายก็ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ!
เสมอ!
ยากรู้แพ้ชนะ!
และไม่ว่าจะเป็นการปะทะกกันหลังจากนั้นอีกหลายครั้ง ทั้งหมดก็เสมอกัน พลังกระบวนท่าต่างหักล้างกันเองจนหมดสิ้น!
“ตะ…ต้วนหลิงเทียนนั่นมันร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ!?”
ขณะเดียวกันพลังที่ต้วนหลิงเทียนเผยออก ก็ขู่ขวัญเหล่าปีศาจที่มารวมตัวกันไม่น้อย
กระทั่งผู้ที่ไม่อาจแลเห็นการลงมือของต้วนหลิงเทียนและอวี่เหวินฮ่าวเฉิน ก็พอตระหนักได้จากกลิ่นอายพลังของต้วนหลิงเทียนที่ยังคงสมบูรณ์ไม่อ่อนโทรม จึงรู้ว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียน ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าอวี่เหวินฮ่าวเฉินแม้แต่นิดเดียว!!
“จ้าววังอวี่เหวิน ให้ข้าช่วยเจ้าอีกแรง!!”
ฉีหนานฟงที่เห็นว่าอวี่เหวินฮ่าวเฉินคงไม่อาจฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แน่ๆ มันก็อดไม่ได้ที่จะเหินร่างทะยานออกไปหมายฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย เพราะมันไม่สามารถระงับความกลัวและความคิดฆ่าฟันในใจได้ไหวสืบไป!!