War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2302
ตอนที่ 2,302 : ไม้ตายก้นหีบ
“หืม?”
พอได้ยินเสียงจ้าววังวิญญาณอสุราฉีหนานฟงตะโกน ต้วนหลิงเทียนพลันเหลือบไปมองมันด้วยหางตาทันที จึงพบว่าอีกฝ่ายได้กำลังพุ่งเข่นฆ่าสังหารเข้ามา ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หดหยีลง
แววตายังฉายประกายเยียบเย็นนัก!
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดจะแปลงกายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ เพื่อจัดการทั้ง 2 คนไปพร้อมๆกันนั้น…
ครืนนน!!
บังเกิดแสงสว่างวาบสาดลงจากเมฆหายนะสู่สวรรค์ พาลให้สายตาผู้คนไม่น้อยถึงกับพร่ามัว
เปรี๊ยงงง!!
ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังสนั่นพลันกึกก้องจากเมฆหายนะสู่สวรรค์เบื้องบนลงมาสะท้านปฐพี
เปรี๊ยงงง!!
“เป็นอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 2 เช่นนั้นหรือ!?”
ด้วยเสียงฟ้าผ่าที่ดังสนั่นสะท้านแดนดินดังกล่าวดังขึ้น 2 ครั้งติด ทำให้ต้วนหลิงเทียนทราบได้ทันทีว่าอัสนีทัณฑ์สายที่ 2 กำลังจะฟาดผ่าลงมาแล้ว
ที่แท้เขากับจ้าววังอวี่เหวินฮ่าวเฉินกลับเผลอประมือกันไปอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม! ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด!!
ซู่ม! ซู่ม!!
อัสนีทัณฑ์สวรรค์ 2 สายดั่งมังกรเทพยดาพุ่งลงมาจากฟ้าอย่างน่ากลัว หนึ่งฟาดไปยังร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉิน อีกหนึ่งฟาดเข้าใส่ร่างต้วนหลิงเทียน
หลังเอาชนะอัสนีทัณฑ์สายแรกมาได้ในเวลาพร้อมๆกัน ต้วนหลิงเทียนกับอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็เผชิญหน้ากับอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 2 พร้อมๆกันอีกครั้ง
อัสนีทัณฑ์สายที่ 2 นั้น หากเทียบกับสายแรกแล้ว มันทรงพลังทั้งรุนแรงกว่ากันมาก
อย่างไรก็ตามอัสนีทัณฑ์สวรรค์ระดับนี้ ยังไม่นับเป็นอะไรสำหรับต้วนหลิงเทียนและอวี่เหวินฮ่าวเฉิน เพียงสะบัดมือออกไปส่งๆ ก็ทำลายลงได้ง่ายดาย
อัสนีทัณฑ์ดังกล่าวอย่างไรก็พึ่งเป็นสายที่ 2 เท่านั้น เป็นอัสนีทัณฑ์แรกๆในบรรดา 81 สาย ของหายนะสู่สวรรค์
หากกระทั่งอัสนีลงทัณฑ์สายแรกๆเหล่านี้กลับทำให้รู้สึกลำบากแล้วล่ะก็ ล้มเลิกความคิดบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะไปได้เลย!
ถึงแม้ว่าอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 2 จะไม่ได้รุนแรงอะไร แต่ฉีหนานฟงที่ทะยานขึ้นฟ้ามาหมายลงมือกับต้วนหลิงเทียน ก็จำต้องหยุดร่างลงทันที ไม่กล้าเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียนสืบต่อเมื่อได้ยินเสียงอัสนีฟ้าสายแรกที่ฟาดลงมา! ยังรีบล่าถอยออกมาจ้าละหวั่น!!
มันพึ่งนึกขึ้นได้
ว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกำลังข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์!
หากมันเผลอข้าใกล้ต้วนหลิงเทียนในช่วงนี้ สวรรค์ย่อมเห็นว่ามันคิดช่วยเหลือต้วนหลิงเทียน มันไม่พ้นต้องเผชิญหน้ากับความพิโรธของสวรรค์!
ถึงตอนนั้นเมฆหายนะสู่สวรรค์ไม่คิดปราณีมันแน่ ต้องประทานอัสนีฟ้าที่มีพลังอานุภาพไม่ด้อยไปกว่าอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 81 ให้มันโดยตรง! ถึงตอนนั้นมันได้ตายคาที่แน่นอน!!
‘โชคดี…โชคดีนักที่เสียงฟ้าผ่าของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน เตือนสติข้าเอาไว้!!’
ต่อมาร่างฉีหนานฟงก็กลับไปที่เดิมอย่างเงียบงัน ไม่สนใจสายตาแปลกๆที่จับจ้องมาจากทุกสารทิศ
“อ้าว ไฉนจ้าววังวิญญาณอสุราถอยกลับมาซะเล่า?”
เห็นฉีหนานฟงกุลีกุจอล่าถอยออกมาแบบนั้นหลายคนอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“เป็นเจ้าจะไม่กลับมารึไร…ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกับจ้าววังเซียนสัญจรกำลังข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์กันอยู่…หากฉีหนานฟงทะเล่อทะล่าเข้าไปตอนนี้ ไม่พ้นทำให้สวรรค์พิโรธ และส่งอัสนีฟ้าที่รุนแรงไม่ต่างอัสนีทัณฑ์สายสุดท้ายมาพิฆาตมันแน่!”
อาวุโสวังอัคคีสีชาดกล่าวตอบให้ศิษย์ฟัง
“จ้าววังวิญญาณอสุราสมควรเคียดแค้นชิงชังต้วนหลิงเทียนมากนัก…หาไม่แล้วคงไม่กล้าลงมืออย่างลืมตัว หมายร่วมมือกับจ้าววังเซียนสัญจรฆ่าต้วนหลิงเทียนแบบนี้”
“หากมิใช่เพราะว่าคราวนี้มีอัสนีทัณฑ์ 2 ชุด และเสียงอัสนีทัณฑ์สายแรกที่ผ่าใส่จ้าววังเซียนสัญจรดังเตือนสติมันล่ะก็ เกรงว่ามันคงหนีความตายไม่พ้น!!”
“ช่างวู่วามนัก…หรือจ้าววังวิญญาณอสุราที่แท้เป็นตัวโง่งม?”
“ชู่ว เงียบปากไปเสีย…ที่นี่มีคนวังวิญญาณอสุราตั้งเท่าไหร่ อย่าได้พูดมากเดี๋ยวจะซวยเอา! เกิดพวกมันได้ยินเจ้าดับอนาถแน่!!”
…
เมื่อมีผู้ชมกระซิบกระซาบถามไถ่กันด้วยสงสัยว่าไฉนฉีหนานฟงจึงล่าถอย จนในที่สุดก็มีผู้รู้กล่าวตอบ ทำให้ไม่นานทุกคนก็ได้รู้ว่าฉีหนานฟงรีบถอยออกมาเพราะอะไร…
ฉีหนานฟงที่ถอยกลับมา แน่นอนว่าย่อมได้ยินเสียงซุบซิบดังกล่าวชัดถนัดหู
จังหวะนี้หน้ามันถึงกับเปลี่ยนไปเป็นสีขาวสลับเขียว!
สุดท้ายมันก็หันไปจับจ้องร่างสตรีทั้ง 3 ที่ลอยอยู่ไม่ไกล ต้วนซือหลิง เค่อเอ๋อ และก่านหรูเยี่ยน! ในใจเริ่มปรากฏความคิดชั่วร้ายเลวทรามขึ้นมา!!
‘หรือข้าไปจับสตรีทั้ง 3 นั่นเป็นตัวประกันบีบคั้นให้ต้วนหลิงเทียนไม่กล้าลงมือตอบโต้อวี่เหวินฮ่าวเฉิน…จนถูกอวี่เหวินฮ่าวเฉินฆ่าทิ้งดี?’
หากทว่าความคิดดังกล่าวพึ่งปรากฏไม่ทันไร มันก็ปัดตกไปทันที
เพราะมันกลัวว่าพอถึงตอนนั้น แม้จะจับสตรีทั้ง 3เป็นตัวประกันแล้ว แต่ก็ไม่อาจใช้บีบคั้นข่มขู่อะไรต้วนหลิงเทียนได้! และเมื่อไม่อาจข่มขู่อะไรต้วนหลิงเทียนได้ ยังจะกลายเป็นมันได้ก่อเรื่องบาดหมางถึงขั้นไร้หนทางสมานฉันท์กับต้วนหลิงเทียนได้อีกต่อไป…
ถึงตอนนั้นถ้าต้วนหลิงเทียนไม่ตาย วังวิญญาณอสุรามันได้เผชิญกับหายนะล่มสลายแน่!
แน่นอนว่าไฉนที่ฉีหนานฟงบังเกิดความกังวลในเรื่องนี้ เพราะธาตุแท้ของมันเป็นคนเห็นแก่ตัว กระทั่งมันยังใช้บรรทัดฐานของตัวเองไปวัดคนอื่น และคิดว่าคนอื่นก็สมควรเห็นแก่ตัวเหมือนมัน…
หากมันล่วงรู้ว่าลูกสาวและภรรยาของต้วนหลิงเทียนเป็นจุดอ่อนถึงตายของต้วนหลิงเทียนล่ะก็ มันจะไม่กังวลเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
ซู่ม! ปง! ฟุ่บ! เปรี๊ยงงง!!
…
ในขณะที่ฉีหนานฟงกำลังวิตกกังวล อีกด้านนั้น…ต้วนหลิงเทียนกับฉีหนานฟงวูบไหวร่างไปมาดั่งเงาเลือน พุ่งสวนประมือกันอีกครั้ง แต่ละคนคล้ายกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงได้ไร้จำกัด!
เพียงหยุดลงชั่วคราว แล้วก็พุ่งเข้าใส่แลกกระบวนท่ากันไม่หยุดหย่อน!
อย่างไรก็ตามแม้จะประมือกันหลายรอบ หากแต่ผลยังคงออกมาคู่คี่สูสี ยากจะรู้แพ้รู้ชนะ
“ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้…ดูเหมือนว่าวันนี้คงเป็นเรื่องยากที่เจ้ากับข้าจะรู้แพ้รู้ชนะ!”
หลังจากนั้นไม่นาน อวี่เหวินฮ่าวเฉินก็ผละออกจากการต่อสู้ ลอยร่างไปหยุดไกลห่าง คอยมองกล่าววกับต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม
“ข้าเองก็ไม่คิดว่าฝีไม้ลายมือจ้าววังอวี่เหวินจะร้ายกายถึงขนาดนี้”
ต้วนหลิงเทียนมองอวี่เหวินฮ่าวเฉินด้วยสายตาลึกล้ำ กล่าวออก
อย่างไรก็ตามพอกล่าวประโยคแรกจบคำ น้ำเสียงต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไป “แต่ที่จ้าววังอวี่เหวินบอกว่าระหว่างข้ากับท่านยากรู้แพ้ชนะ เรื่องนี้ก็ไม่แน่นัก…”
กล่าวถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็หยุดลงชั่วคราว
“อะไร? เจ้าจะกล่าวว่าตอนนี้เจ้ายังออมมือไว้งั้นเหรอ?”
อวี่เหวินฮ่าวเฉินแสยะยิ้มเย้ยหยันออกมา
แน่นอนว่ามันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะยังออมรั้งยั้งมืออะไรไว้ เพราะมันได้เห็นการลงมือของต้วนหลิงเทียนระหว่างประมือดี!
นอกเหนือจากพลังฝีมือที่ใช้ออกมาจนมันเห็นซึ้งแล้ว มันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนยังจะงำประกายอะไรไว้ได้อีก
“อ่า ข้ายังออมมือไว้อยู่จริงๆ”
แทบจะพร้อมกันกับที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
และต้วนหลิงเทียนกล่าวออกไม่ทันขาดคำดี ทั่วร่างคล้ายจะขยายใหญ่ขึ้น ประหนึงกล้ามเนื้อปูดโปนขึ้นมา พาลให้ชุดสีม่วงของเขาเริ่มตึงเปรี๊ยะ!
แคว่ก! ขวาก! แคว่ก!!
…
ภายใต้สายตาของุทกคนที่จับจ้องมองมา ในที่สุดชุดคลุมสีม่วงของต้วนหลิงเทียนก็ฉีกขาด เผยร่างอันแข็งแกร่งทรงพลัง พาลให้สองตาทุกคนถึงกับหดเล็กลงอย่างไม่รู้ตัว!
เพียงเพราะตอนนี้ ร่างกายของต้วนหลิงเทียนหาใช่ร่างกายของมนุษย์อีกต่อไป
ถึงแม้อวัยวะใต้คอลงมาของต้วนหลิงเทียนจะยังมีรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์ แต่กลับมิใช่มนุษย์อีกต่อไปเพราะมันมีเกล็ดที่ส่องประกายวับวาบ…เป็นเกล็ดของมังกร!
กระทั่งมือเท้าทั้ง 4 ยังเปลี่ยนไปเป็นกรงเล็บมังกร แลดูแข็งแกร่งทั้งทรงพลังนัก โดยเฉพาะแต่ละกรงเล็บมันเปล่งกลิ่นอายยะเยือกเสียดตาบ่งบอกถึงความแหลมคมราวกับจะฉีกกระชากได้ทุกสิ่ง…ที่สำคัญแต่ละข้างมีถึง 9 กรงเล็บ!!
ร่างนักรบมังกร!
ตอนนี้ต้วนหลงเทียนได้เผยไม้ตายก้นหีบออกมาอีกหนึ่ง ร่างนักรบมังกร…ยังเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ!!
“นักรบมังกร!?”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนแปลงร่างเป็นนักรบมังกร ผู้ที่ตอบสนองก่อนใครอื่นหาใช่ผู้ที่อยู่ภายใต้แพเมฆหายนะสู่สวรรค์ไม่ กลับเป็นชายชราในชุดสีเทาที่ลอยล่องอยู่ด้านบนเมฆทะมึนข้างๆประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์!
“กระทั่ง…ยังเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ!”
ชายชราชุดเทาที่มองลอดแพเมฆหายนะสู่สวรรค์ไปยังต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ใบหน้าที่เคยสงบเฉยเมยแต่เดิมของมัน ได้แปรเปลี่ยนไปไม่น้อย เผยให้เห็นความตกใจชัดเจน
‘หรือในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…จักเคยมีมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บปรากฏตัวขึ้นมา?’
เมื่อเห็นร่างนักรบมังกกร 9 กรงเล็บ ชายชราชุดเทาย่อมนึกถึงมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บที่อยู่เบื้องหลังทันที!
เพราะปกติแล้วนักรบมังกร 9 กรงเล็บนั้น มีเพียงมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บเท่านั้นที่สามารถสร้างขึ้นได้!
“นักรบมังกร 9 กรงเล็บหรือ…”
ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ที่ตกตะลึง ค่อยดึงสติกลับมาได้อีกครั้งหลังได้ยินคำของชายชราชุดเทา ตอนนี้สีหน้าแววตามันเผยความตกตะลึงทั้งไม่อยากจะเชื่อ
เรื่องนักรบมังกรนั้นมันเองก็เคยได้ยินมา
อย่างไรก็ตามมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้พบเห็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแบบนี้!!
ต้องทราบด้วยว่านักรบมังกรนั้นยังมีแบ่งชนชั้น
และนักรบมังกร 9 กรงเล็บ ก็คือนักรบมังกรระดับสูงสุดในบรรดานักรบมังกรทั้งมวล! มีเพียงแต่มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บในตำนานเท่านั้นที่สามารถประทานพรสวรรค์ ‘มังกรแปลง’ ให้ได้!
‘อย่าได้บอกข้าเชียว…ว่าในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ ยังมีมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บดำรงอยู่!’
ความคิดในหัวของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ ย่อมละม้ายคล้ายคลึงกับความคิดของชายชราชุดเทา
และทันทีที่ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นในหัว แววตาของมันก็ฉายชัดถึงความหวาดกลัวขึ้นมาทันที
มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บนั้น เป็นดั่งสิ่งมีชีวิตในตำนาน หากมาปรากฏตัวขึ้นในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจริง เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเผ่าปีศาจมนุษย์ของมัน ไม่สิ! ไม่ใช่เรื่องดีของทั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจ!!
ในเมื่อนักรบมังกร 9 กรงเล็บปรากฏตัวให้เห็นแบบนี้ แล้วมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บจะไปไหนเสีย!!
ในใจประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์รวมถึงอาจารย์ของมันอย่างชายชราชุดเทา เริ่มบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาทันที
ภายใต้เมฆหายนะ
“นั่นคือ…นักรบมังกร 9 กรงเล็บ?”
ไม่ว่าจะจ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน หรือจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง กระทั่งเหล่าผู้ที่มีความรู้ย่อมตระหนักได้ทันทีว่าเบื้องหน้าคือตัวตนอันใด!และร่างนี้ของต้วนหลิงเทียนมีความหมายเพียงใด!!
“นักรบมังกร 9 กรงเล็บคืออะไรหรือท่านผู้อาวุโส?”
แน่นอนว่าศิษย์บางคนของวังเซียนสัญจรก็พึ่งจะเคยได้ยินเรื่องนักรบมังกร 9 กรงเล็บเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตามด้วยมีอาวุโสผู้รู้คอยอธิบายเรื่องราวให้ฟัง ในที่สุดพวกมันก็ตระหนักได้ถึงความหมายของนักรบมังกร 9 กรงเล็บ ทำให้พวกมันอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปพักใหญ่!
นักรบมังกร 9 กรงเล็บ คือผู้ที่ได้รับสืบทอดพรสวรรค์มังกรแปลงจากมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ?
นักรบมังกร 9 กรงเล็บนั้นพวกมันอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน หากทว่าตัวตนในตำนานอย่างมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บนั้น ประหนึ่งฟ้าร้องในหูของพวกมันก็ว่าได้! เพราะนั่นคือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด ตัวตนที่สมควรดำรงอยู่แค่ในตำนานเรื่องเล่าเท่านั้น!!
“ต้วนหลิงเทียน…ข้าไม่คิดจริงๆว่าเจ้าจักเป็นถึงนักรบมังกร 9 กรงเล็บ…”
อวี่เหวินฮ่าวเฉินมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเคร่งเครียด กล่าวออกเสียงหนัก “ข้ายอมรับว่าหลังจากเจ้าแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บแล้ว ตัวข้าไม่ใช่คู่มือของเจ้า…”
“แต่เจ้ามีไม้ตายก้นหีบ หรือคิดว่าตัวข้าไม่มี?”