บทที่ 931 ในที่สุดก็รู้ว่าคืออะไร

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“นอน ชุดนอนเหรอ?” เมื่อลีน่าได้ยินที่วารุณีพูด ก็ตกตะลึง

จะเป็นชุดนอนได้ยังไงกัน?

ที่เธอให้มันคือไอ้นั่นต่างหาก

“วารุณี นี่เธอ……”

ลีน่ายังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกเสียงทุ้มของนัทธีตัดบท “เอาล่ะ ตอนนี้คือเวลาทานข้าว ก็ตั้งใจทาน อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องพูด”

พูดจบ เขาก็หันไปมองลีน่าด้วยสายตาเย็นเฉียบ

ลีน่าสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ก็หดคอลงด้วยความหวาดกลัว แล้วปิดปากทันที

เอาเถอะ เธอพอจะมองออกแล้วล่ะ

ประธานนัทธีตั้งใจจะใช้อันนั้นในคืนนี้อีกนั่นแหละ

ดังนั้นในตอนนี้ ประธานนัทธีเลยไม่อยากให้เธอพูดเรื่องนี้ต่อ จะได้ไม่โป๊ะแตก

ดูจากประโยคที่วารุณีบอกว่าชุดนอนก็รู้ วารุณีไม่รู้ว่าเธอส่งไปตอนไหน

เพื่อที่ประธานนัทธีจะได้ปกปิดวารุณี นึกไม่ถึงเลยว่าขนาดเรื่องชุดนอนยังโกหกขึ้นมาได้

ช่าง……

คิดอยู่ ลีน่าก็มองไปทางประธานนัทธีด้วยสายตาดูถูก

นัทธีกำลังจะจ้องกลับมา เธอก็รีบก้มหน้าลงด้วยอาการใจฝ่อทันที

วารุณีมองไปที่เธอ แล้วก็มองไปที่อยู่สามีข้างๆ แล้วก็มองไปที่พงศกรที่นั่งขำอย่างสุดๆ อยู่ตรงข้าม

ในใจคิดอยู่สามคำคือแปลกประหลาด

แถมยังมีเรื่องชุดนอนแปลกๆ จากประโยคที่นาน่าพูด

คงไม่ใช่ ว่าที่ลีน่าส่งมาไม่ใช่ชุดนอน แต่เป็นอย่างอื่นสินะ?

ไม่อย่างนั้นทำไมนาน่าถึงได้ตกใจขนาดนั้น?

ถ้าเป็นแบบนี้จริง งั้นนัทธีก็กำลังโกหกเธออยู่

ถ้าหากว่าเขาโกหกเธอจริง คอยดูเลยว่าคืนนี้เธอจัดการเขาแน่

คิดถึงเท่านี้ วารุณีจึงพ่นเสียงออกทางจมูกใส่นัทธี

นัทธีเลิกคิ้ว “มีอะไรเหรอ?”

วารุณีไม่สนใจเขา กลอกตาใส่เขาแล้วเก็บสายตากลับมา

นี่ยิ่งทำให้นัทธีงงไปใหญ่

แต่ยังไงซะเขาก็เป็นคนฉลาด ไม่นานเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้ จึงหัวเราะขื่นๆ ออกไป

เหอะ เขารู้ว่าว่าเธอกำลังโกหกเธอแล้ว

ทั้งหมดนี่ก็เพราะยัยผู้หญิงลีน่าปากมากคนนี้

นัทธีส่งสายตาเย็นเฉียบไปมองลีน่าอีกครั้ง การมองที่ทำให้ลีน่าหนังหัวชาไปหมด แถมยังงงไปในเวลาเดียวกัน

เกิดอะไรขึ้น?

ประธานนัทธีมองเธอแบบนี้อีกทำไมกัน?

เหมือนตอนนี้เธอก็ไม่ได้ทำอะไรแล้วไม่ใช่เหรอ?

ลีน่าคิดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

พงศกรที่อยู่ข้างๆ คลายแขนที่คล้องกันไว้ นั่งตัวตรงอีกครั้งแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาทานอาหารต่อ

ระหว่างมื้ออาหาร มองอันนี้ แล้วก็มองอันนั้น ความสนุกในสายตายังคงเข้มข้น ไม่จางหายไป

คนพวกนี้ ตลกชะมัด

อาหารมื้อนี้ ภายใต้สถานการณ์ความคิดของแต่ละคน ก็ได้ปิดม่านลง

ลีน่ากลัวนัทธี ดังนั้นหลังจากทานอาหารเสร็จ จึงหาข้ออ้างแอบหนี แล้วกลับห้องไป แม้แต่สุขใจก็ไม่ไปดู

พงศกรก็กลับห้องตัวเอง แอบไปอย่างเงียบๆ

ภายในห้องรับแขกเหลือเพียงแค่วารุณีกับนัทธี

วารุณีมองที่ชายหนุ่ม สองมือเท้าสะเอว “พูดมาค่ะ ว่านาน่าส่งอะไรมา ไม่ใช่ชุดนอนใช่มั้ย?”

สายตานัทธีล่อกแล่กหันไปทางอื่นด้วยอาการร้อนตัว ไม่ตอบคำถาม

แต่ท่าทีแบบนี้ของเขา ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้ว เขากำลังโกหก ที่ลีน่าจัดเตรียมไว้ ไม่ใช่ชุดนอนแน่นอน

“โอเค คุณโกหกฉัน!” วารุณีโกรธจนแก้มป่อง ตาแดงก่ำ

เมื่อนัทธีเห็นท่าทางเธอแบบนี้ หัวใจก็อ่อนรวบเป็นแอ่งน้ำ “เอาล่ะๆ ผมผิดเอง เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูว่ามันคืออะไร?”

พูดอยู่ เขาก็จูงมือเธอ

ยังไงซะตอนนี้ก็ค่ำแล้ว ข้าวก็กินแล้ว ก็ควรเป็นเวลาของกิจกรรมหลังอาหารแล้วล่ะ

หลังจากที่ดวงตาของนัทธีเป็นประกาย ก็จูงมือวารุณีไปที่บันได

วารุณีเองก็อยากรู้ว่าลีน่าส่งอะไรมาพอดี จึงตามเขาไปอย่างเชื่อฟัง จึงไม่ได้สังเกตได้ถึงความคิดนั้นของชายหนุ่ม

ไม่ช้า ก็มาถึงห้อง

นัทธีเปิดประตูห้อง แล้วดึงวารุณีเข้าไป

หลังจากเข้าไป วารุณีก็เริ่มเร่ง “รีบเอาของที่คุณซ่อนไว้ออกมาค่ะ”

เมื่อนัทธีเห็นท่าทางรอไม่ได้ของเธอ ริมฝีปากบางก็ยกขึ้น แล้วพยักหน้าเบาๆ “ครับ ไม่ต้องรีบ ผมจะไปเดี๋ยวนี้และ”

ระหว่างที่พูดอยู่ เขาก็คลายมือจากวารุณี แล้วไปที่ห้องแต่งตัว

วารุณีนั่งลงบนโซฟาในห้อง แล้วเงยหน้าหันมองไปทางห้องแต่งตัว

หลังจากรอประมาณสองนาที เมื่อนัทธีออกมา พร้อมกับสองมือถือกล่องเมื่อวันก่อน

วารุณีหันไปมองเขาที่กำลังเดินมาทางตัวเอง สายตาก็ตกลงมาที่กล่อง แบบไม่เก็บกลับ

ราวกับข้างในกล่อง มีของสำคัญอยู่

ความจริง สำหรับวารุณีแล้ว ของในกล่อง กับของสำคัญนั้นไม่ได้มีความแตกต่างกัน

ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ไม่พูดถึงสามคำนั้นเลย แน่นอนว่าของในกล่องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

นัทธีมาถึงตรงหน้าวารุณี สองมือยื่นกล่องออกไป “เอาล่ะ คุณดูได้เลย”

วารุณีไม่ได้รีบร้อนที่จะรีบกล่องมา แต่เงยหน้ามองชายหนุ่มสักพักก่อน เมื่อมองเห็นความเร้าใจในสายตาชายหนุ่ม จึงสูดหายใจเข้า แล้วยื่นมือออกไป แล้วรับกล่องมา

วารุณีวางกล่องไว้บนตัก นัทธีก็นั่งลงตาม นั่งตรงข้ามเธอ มองเธอด้วยดวงตาสีเข้ม

ภายใต้สายตาของชายหนุ่ม วารุณีเปิดกล่องออก

เดิมทีสายตาที่คาดหวัง ตั้งตารอของในกล่อง

แต่ทว่าในวินาทีต่อมา หลังจากที่ได้เห็นของในกล่อง ก็หน้าสีเปลี่ยนทันที ดวงตาตั้งตรง ทันใดนั้นก็ยืนขึ้นด้วยความตกใจ แล้วโยนกล่องออกไป

นัทธีนึกไม่ถึงว่าการตอบสนองของเธอจะมากขนาดนี้ หลังจากที่ตะลึงไปสักพัก ก็รีบลุกขึ้นมารับกล่องและของที่ถูกโยนออกมาจากกล่อง

หลังจากนั้นรับไว้ นัทธีก็ไม่ลืมที่จะพูด “ระวังหน่อยสิ อย่าทำเลอะ”

เมื่อเห็นท่าทางชายหนุ่มให้ความสำคัญกับของแบบนี้ วารุณีก็ทั้งโกรธทั้งอาย ใบหน้าแดงขึ้นมาทั่วหน้า “นัทธี!”

เธอตะโกนชื่อของเขาออกมาทันที

นัทธีเลิกคิ้วขึ้น “อะไรเหรอ?”

“คุณยังจะมาถามฉันว่าอะไรอีก!” วารุณีชี้ไปที่กล่องในมือของเขาด้วยอารมณ์วูบวาบ “ของนั่น……ของนั่น……”

ของนั่น ทำให้เธออายจนเกือบพูดไม่ออก

แต่ทว่าใบหน้าของนัทธีกลับมีรอยยิ้มขึ้นมา “นี่คือของขวัญที่ลีน่าส่งให้เรามา”

วารุณีพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง

ไม่แปลกใจที่ลีน่าบอกอย่างลึกลับว่าให้เธอค่อยกลับไปดูที่ห้อง

ไม่แปลกที่พงศกรเดาถูกว่าคืออะไร แต่กลับไม่ยอมบอกเธอ

แล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่หลังจากชายคนนี้ได้เห็น ถึงได้รีบเก็บไม่ให้เธอรู้ เพราะหลังจากที่เธอรู้ จะต้องโยนทิ้งแน่นอน

แต่เขา ไม่ยอมให้เธอโยนทิ้งหรอก!

เพราะของนี่ สำหรับผู้หญิงแล้วอาจจะพูดยากหน่อย แต่กับผู้ชายแล้วเป็นสิ่งที่ชอบมาก

ลีน่าถึงได้บอกว่า ประธานนัทธีต้องชอบแน่นอน

นัทธีจะไม่ชอบได้ไงเหรอ?

ถ้าไม่ชอบ เขาจะเก็บไว้เหรอ?

เพราะ นี่คือชุด คอส เพลย์ไง!

แถมยังเป็นแบบปกปิดน้อยอีกด้วย

แล้วก็โชคดีที่ลีน่ากล้าซื้อของแบบนี้!

แถมยังกล้าส่งมาให้เขาอีก!

คิดอยู่ วารุณีก็สูดหายใจลึก อยากที่จะกดไฟโกรธลงไป

แต่เมื่อมองดูตัวเองด้วยความเคารพแล้ว กดยังไงก็กดไม่ลง ท้ายที่สุดจึงไม่กดมันเสียเลย พูดด้วยความโกรธ “ลีน่ายัยบ้านั่น นึกไม่ถึงเลยว่าจะส่งของแบบนี้มาให้ฉัน มาบอกว่ากระตุ้นอารมณ์พวกเราอะไรกัน ของแบบนี้……”

เธอยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกนัทธีตัดบทเข้า “กระตุ้นอารมณ์เราไง คุณไม่คิดว่า ของแบบนั้นมันสะท้อนความเป็นสามีภรรยาได้ดีที่สุดหรอกเหรอ?หืม?”

เขาเข้ามาใกล้เธอ พูดข้างหูเธอด้วยเสียงต่ำ

ใบหน้าของวารุณีที่เดิมทีนั้นแดงอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งแดงเพิ่มเข้าไปอีก โกรธจนผลักเขาออก “อะไรกัน ยังไงก็……ไม่ได้ ฉันจะไปคิดบัญชีกับเธอ ให้เธอเก็บของนี่กลับไป”

พูดอยู่ เธอก็ตั้งท่าจะออกไป

นัทธีคว้าข้อมือของเธอไว้ “เอาล่ะ จะไปหาเธอทำไม เธอทำก็เพราะหวังดีกับเรา”

“หวังดีกับเรา?” วารุณีหันหน้า มองชายหนุ่มอย่างไม่น่าเชื่อ “นัทธี ปกติแล้วคุณไม่ชอบนาน่าที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ?เพราะปากของลีน่านั้นไม่ธรรมดา ตอนนี้คุณกลับดี แล้วยังช่วยเธอพูดอีก”

นัทธีกระแอมเบาๆ “ของขวัญที่เธอส่งมาผมชอบมาก เพราะฉะนั้นช่วยเธอหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นไร”

ดวงตาของวารุณีโตขึ้นมากกว่าเดิม “ชอบ?”