ตอนที่ 950 ยื่นคอให้ประหาร

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 950 ยื่นคอให้ประหาร

กว่างอันอ๋องที่อาวุโสที่สุดแล้วมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยแววตาขุ่นมัว มือของเขาสั่นระริก เม้มปากแน่น

ไป๋จิ่นซิ่วปรายตามองกว่างอันอ๋องแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “แม่ทัพกู่เหวินชังแห่งกองทัพไป๋และคุณชายเจ็ดไป๋ชิงเจวี๋ยแห่งตระกูลไป๋ล้อมกองทัพของอ๋องทั้งสามที่อยู่นอกเมืองหลวงไว้หมดแล้ว ขอเพียงมีคำสั่ง พวกเขาพร้อมสังหารกองทัพเหล่านั้นทันที”

“เป็นไปไม่ได้!” ดวงตาของไป๋สุ่ยอ๋องไหววูบ เขาหันไปมองกว่างอันอ๋องที่อาวุโสที่สุดด้วยใบหน้าซีดเผือด “เสด็จลุง ทหารกองกำลังรักษาพระองค์เหล่านั้นไม่พอใจที่สตรีขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินี ข้าจึงให้พวกนั้นช่วยส่งมือสังหารแฝงตัวไปในตำหนักเฉียนคุน ทว่า ข้าไม่ได้บอกทหารเหล่านั้นเรื่องกองทัพที่อยู่นอกเมืองขอรับ พวกเขาไม่มีทางรู้เรื่องนี้! ไป๋ชิงเหยียนยิ่งไม่มีทางรู้ล่วงหน้า เสด็จลุง ท่านเชื่อข้านะขอรับ ข้าไม่เคยบอกพวกนั้นขอรับ!”

“เหตุใดไป๋สุ่ยอ๋องถึงได้โง่อย่างบริสุทธิ์เช่นนี้กัน” เซี่ยอวี่จั่งกล่าวขึ้นช้าๆ “นักรบอย่างพวกข้าตัดสินกันที่ความสามารถทั้งนั้น แม้ฝ่าบาทจะเป็นเพียงสตรี ทว่า พระองค์คือเทพสังหารที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในสงคราม นักรบอย่างพวกข้าจะไม่พอใจเพียงเพราะฝ่าบาทเป็นสตรีได้อย่างไรกัน! ไป๋สุ่ยอ๋องกลับใช้เหตุผลนี้ซื้อตัวคนของข้า ไป๋สุ่ยอ๋องยังไม่รู้จักนับรบอย่างพวกข้าดีพอ”

ที่แท้ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นที่กองกำลังรักษาพระองค์ที่ไป๋สุ่ยอ๋องซื้อตัวมาเป็นพวกอย่างนั้นหรือ

ไม่…ไม่ใช่!

เหอตงอ๋องรู้สึกว่ามีสิ่งใดไม่ชอบมาพากล หากไป๋ชิงเหยียนเพิ่งรู้เรื่องจากทหารกองกำลังรักษาพระองค์ที่ไป๋สุ่ยอ๋องซื้อตัวไป เหตุใดนางจึงสั่งให้กองทัพไป๋และหลินคังเล่อเตรียมพร้อมแต่เนิ่นๆ เหตุใดนางจึงสั่งให้หลินคังเล่อพาตัวครอบครัวของเขามาจากเมืองเหอตง เหตุใดจึงสั่งให้เสิ่นเทียนจือดักซุ่มจัดการกับกองทัพซั่วฟางและอันซีล่วงหน้าได้!

เหอตงอ๋องรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ทว่า ยังพยายามควบคุมสติของตัวเอง โชคดีที่เขาไหวตัวทัน ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนไปถึงคนในครอบครัว เลวร้ายที่สุดก็คงเป็นการสูญเสียเมืองศักดินาของตัวเองไป

“ฝ่าบาท!” เหอตงอ๋องรีบก้มศีรษะคำนับ “เหอตงไม่มีทางคิดกบฏพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดวินิจฉัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท…ซั่วฟางไม่มีทางคิดกบฏเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ!” ซั่วฟางอ๋องเป็นคนขี้ขลาด เขาแสร้งทำเป็นหวาดกลัวจนร้องไห้ออกมาเพื่อเอาตัวรอด “นี่ไม่ใช่ความคิดของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ล้วนเป็นความคิดของกว่างอันอ๋อง กว่างอันอ๋องบังคับให้ข้านำทัพมาเมืองหลวง ข้าเห็นอันซีอ๋องยกทัพมาข้าจึงทำตามพ่ะย่ะค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนมีกองกำลังทหารอยู่ในมือ อีกทั้งคาดการณ์เรื่องนี้ได้ล่วงหน้า กองทัพทั้งหมดของอ๋องทั้งห้าและทหารที่คุ้มกันอยู่ที่เมืองศักดินารวมกันยังไม่ถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นนายด้วยซ้ำ พวกเขาจะสู้กับไป๋ชิงเหยียนได้อย่างไรกัน!

แม้ซีอันอ๋องที่ไม่พอใจที่สตรีอย่างไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะรู้ว่าตอนนี้ควรยอมจำนนต่อไป๋ชิงเหยียน ทว่า เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก เขาไม่สามารถลดศักดิ์ศรีของตัวเองขอร้องไป๋ชิงเหยียนเหมือนเหอตงอ๋องและซั่วฟางอ๋องได้ เขาได้แต่กำหมัดทั้งสองข้างแน่น

ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองไปทางกว่างอันอ๋องและซีอันอ๋องที่มีสีหน้าย่ำแย่ จากนั้นหันไปก้มศีรษะให้ทูตของต้าเยี่ยนและหรงตี๋เล็กน้อย “ทำขายหน้าต่อหน้าพวกท่านแล้ว”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงมองไปทางไป๋สุ่ยอ๋องที่สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง “ข้าไม่ได้ส่งทหารไปรับช่วงต่อเมืองและกองทัพของพวกเจ้าทันทีสถาปนาแคว้นต้าโจวขึ้น ไม่ได้ส่งขุนนางไปรับช่วงต่อดูแลชาวบ้าน บ้านเมืองและทหารของพวกเจ้า ทว่า กลับเชิญอ๋องทั้งห้ามาร่วมงานพิธีบรมราชาภิเษกที่เมืองหลวงอย่างนอบน้อม”

“เมื่อราชวงศ์เก่าถูกโค่นล้ม ราชวงศ์ใหม่เข้าแทนที่ บรรดาขุนนางต่างบอกข้าว่าไม่ควรเก็บเชื้อพระวงศ์และอ๋องของราชวงศ์เก่าอย่างพวกเจ้าไว้ ทว่า ข้าเห็นแก่ท่านย่า เดิมทีข้าไม่คิดแตะต้องเชื้อพระวงศ์เก่าของราชวงศ์ต้าจิ้น ขอเพียงพวกเจ้าไม่คิดกบฏ เดิมทีข้าตั้งใจจะให้พวกเจ้าใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิต ถือเป็นการทำเพื่อท่านย่าของข้า ทว่า นึกไม่ถึงเลยว่าความเมตตาของข้าเกือบสร้างปัญหาใหญ่ให้แก่ต้าโจวเช่นนี้!”

“เมืองของพวกข้าคือสิ่งที่บรรดาบุรุษเหลือไว้ให้ เจ้าคิดจะแย่งเมืองของพวกข้าไป เจ้าจะให้พวกเข้ายื่นคอไปให้เจ้าประหารเฉยๆ อย่างนั้นหรือ!”

“ดินแดนในใต้หล้าแห่งนี้ไม่มีเจ้าของ ถึงแม้พวกเจ้าจะได้ศักดินา สามารถเก็บภาษีในเมืองของพวกเจ้า สามรถสั่งสมกองกำลังได้ ทว่า พวกเจ้าไม่ควรคิดว่าเมืองแห่งนั้นคือสมบัติของพวกเจ้า” สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนเย็นชา “ที่สำคัญไปกว่านั้นเมืองศักดินาของพวกเจ้าคือศักดินาของราชวงศ์เก่า! บัดนี้แคว้นแห่งนี้คือต้าโจว ท่านอ๋องชรา ฟ้าสว่างแล้ว ท่านควรตื่นจากความฝันเสียที”

“ฝ่าบาท…” หลู่จิ้นก้าวไปด้านหน้า จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาททรงมีเมตตา ทว่า คนบางคนกลับไม่สำนึกบุญคุณ ตอบแทนบุญคุณด้วยความชั่ว ไป๋สุ่ยอ๋องคือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ฝ่าบาทจะพระทัยอ่อนต่อไปไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงประกาศราชโองการกำจัดเชื้อพระวงศ์เก่าสามรุ่นและเนรเทศคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ! ไป๋สุ่ยอ๋อง กว่างอันอ๋องและอันซีอ๋องดูหมิ่นเบื้องสูง คิดนำทัพกบฏ ไม่สมควรได้ลดโทษ ควรถูกประหารเจ็ดชั่วโคตรพ่ะย่ะค่ะ!”

สิ้นเสียงของหลู่จิ้น ซั่วฟางอ๋องที่รีบออกมายอมรับผิดและสนับสนุนไป๋ชิงเหยียนหวาดกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกมาจากร่าง หากไม่ใช่เพราะเขาออกมายอมจำนนตามเหอตงอ๋องได้ทันเวลา เขาก็คงถูกประหารเจ็ดชั่วโคตรเช่นเดียวกัน!

เขาตายไปยังไม่เท่าใด ทว่า ภรรยาและบุตรของเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ บัดนี้ซั่วฟางอ๋องเห็นเหอตงอ๋องเป็นดั่งผู้นำของตัวเอง เขาลอบมองไปทางซั่วฟางอ๋องแวบหนึ่ง เขาตัดสินใจแล้วว่าจะทำตามที่เหอตงอ๋องทำทุกอย่าง

“ไป๋ชิงเหยียน เจ้ากล้าอย่างนั้นหรือ!” แม้จะใกล้ตาย ทว่า ไป๋สุ่ยอ๋องยังคงมีท่าทีแข็งกร้าวเช่นเดิม “ถึงแม้ไม่มีกองทัพของเหอตงอ๋องและซั่วฟางอ๋อง ทว่า กองทัพกว่าสามหมื่นนายของไป๋สุ่ยยังอยู่ที่นอกเมือง หากกองทัพไป๋สุ่ยไม่ยอมจำนน เจ้าจะสังหารพวกเขาให้สิ้นซากอย่างนั้นหรือ”

“เหตุใต้องสังหารทหารเหล่านั้นให้สิ้นซากด้วย แค่สังหารตระกูลไป๋สุ่ยทั้งตระกูลจนสิ้น พวกนั้นจะยังไม่ยอมจำนนอีกหรือ ช่างน่าขันนัก…” หลิ่วหรูซื่อหัวเราะเสียงเย็นพลางจ้องไปทางไป๋สุ่ยอ๋อง จากนั้นกำหมัดคารวะไป๋ชิงเหยียน “วันหน้าทหารของกองทัพไป๋สุ่ยจะกลายเป็นทหารของฝ่าบาท ฝ่าบาทจะสังหารพวกเขาไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

ไป๋จิ่นซิ่วนึกได้ว่าไป๋ชิงเจวี๋ยเคยบอกว่าทหารของไป๋สุ่ยอ๋องมีเพียงหนึ่งหมื่นนายเท่านั้น หญิงสาวจึงหัวเราะออกมา “ไป๋สุ่ยอ๋องเอาทหารสามหมื่นนายมาจากที่ใดกัน หนึ่งหมื่นนายก็ถือว่าเยอะมากแล้ว”

สิ้นเสียงของไป๋จิ่นซิ่ว ไม่เพียงแต่ไป๋สุ่ยอ๋องเท่านั้น แม้แต่อ๋องคนที่เหลือก็หน้าเปลี่ยนสีทันที ไป๋ชิงเหยียนรู้จำนวนทหารในกองทัพของพวกเขาด้วยอย่างนั้นหรือ!

ไม่นานเสิ่นเทียนจือก็พาอันซีซื่อจื่อที่หน้าเปื้อนไปด้วยฝุ่นโคลน แม่ทัพอันซีและแม่ทัพซั่วฟางที่ยังมีชีวิตอยู่เดินเข้ามาในตำหนัก สภาพของอันซีซื่อจื่อและแม่ทัพทุกคนดูเหมือนเพิ่งผ่านการรบอย่างดุเดือดมา เสื้อเกราะของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยเลือดสีดำที่แห้งกรัง ผมเผ้ารุงรัง บาดแผลไม่ได้รับการรักษา แม่ทัพคนหนึ่งของกองทัพซั่วหยางแขนขาดไปหนึ่งข้าง บัดนี้บาดแผลที่แขนข้างนั้นเต็มไปด้วยหนอง เป็นภาพที่สยดสยองยิ่งนัก

เสิ่นเทียนจือทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม จากนั้นกล่าวขึ้น “กระหม่อมเสิ่นเทียนจือได้รับคำสั่งให้ซ่อนตัวอยู่ที่ภูเขาเทียนสยาเพื่อกวาดล้างกองทัพซั่วฟางและอันซีจนสิ้น กระหม่อมจับเป็นอันซีซื่อจื่อ แม่ทัพซั่วฟางและอันซีได้สิบสามคนพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อครู่เสิ่นเทียนจือรับรู้แล้วว่าแม้ตัวเขาจะไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยลืมเขา บัดนี้เขาเป็นถึงเสนาบดีกรมโยธาแล้ว

“ท่านพ่อ” เมื่ออันซีซื่อจื่อเห็นบิดาของตัวเองจึงเอ่ยเรียกเสียงสะอื้น จากนั้นกล่าวเสียงเบาหวิว “ลูกทำผิดต่อท่านพ่อ กองทัพอันซีและซั่วหยางถูกดักโจมตีที่ภูเขาเทียนสยา พวกข้าสู้อีกฝ่ายไม่ได้ กองทัพเสียหายหมดสิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

——————————————–