War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2309
ตอนที่ 2,309 : ความแน่วแน่ของเค่อเอ๋อ
ด้านจ้าววังอวี่เหวินฮ่าวเฉินนั้น ถึงแม้จะมีวิธีข้ามผ่านหายนะที่ได้รืบสืบทอดมาในบรรดาชนชั้นจ้าววังจากรุ่นสู่รุ่น ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายหลังๆ มันก็ไม่อาจทำตัวปลอดโปร่งสบายๆดั่งเดินชมนกชมไม้ได้อีกต่อไป
วู้ม! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!!
…
อวี่เหวินฮ่าวเฉินลอยล่องค้างกลางหาว โดยมีอัสนีทัณฑ์สวรรค์ถูกหยุดยั้งเอาไว้ด้วยพลังไร้สภาพยากมองเห็นประการหนึ่งอยู่เหนือร่างราว 10 หมี่! อัสนีฟ้าเริ่มแตกสลายกระจายออกไปเป็นมวลอัสนียิบย่อยรอบๆ!!
ปง! ปง! ปง!!
…
หากแต่ยังคงมีเศษเสี้ยวอัสนีบางส่วนสามารถฝ่าม่านพลังไร้สภาพดังกล่าวจี้เข้าใส่อวี่เหวินฮ่าวเฉิน!
อัสนีส่วนนี้อวี่เหวินฮ่าวเฉินจำต้องใช้พลังของตัวเองเพื่อสยบมัน!
ถึงแม้อัสนีเหล่านี้ที่บุกฝ่ามาได้จะไม่ทำให้มันต้องบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นร่อแร่อย่างต้วนหลิงเทียน แต่ก็ยังทำให้มันบาดเจ็บไม่น้อย เสื้อผ้าของมันตอนนี้ก็ขาดรุ่งริ่งแล้วเช่นกัน ลมหายใจอ่อนโทรมลงเล็กน้อย!
“แฮ่ก~~แฮ่ก~~ฮูว”
หลังเอาชนะอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 79 ได้ ในที่สุดเส้นประสาทที่ขึงตึงของอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็พอได้ผ่อนคลายลง ลมหายใจของมันหอบถี่ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า แลคล้ายมันพึ่งผ่านพ้นศึกแห่งความตายมาหมาดๆ…
เมื่อได้เห็นสภาพดังกล่าวของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน แม้ผู้คนจะคาดคิดไว้แล้วว่าอาจมีเรื่องทำนองนี้ แต่พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“ถึงแม้สภาพจ้าววังอวี่เหวินตอนนี้จะแลดูไม่ค่อยสู้ดี แต่พอเอาไปเทียบกับต้วนหลิงเทียนแล้วจะบอกว่ามันอยู่ดีมีสุขก็ไม่เกินเลย…และจากสภาพของมันตอนนี้ ให้เป็นอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 หรือ 81 แม้จะเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง แต่ก็สมควรข้ามผ่านได้ไม่มีปัญหา!”
“ช่างเป็นการเปรียบเทียบที่น่าละเหี่ยใจนัก…อัสนีถัดไปต้วนหลิงเทียนนั่นกำลังจะตาย กลับกันจ้าววังอวี่เหวินไม่เพียงจะข้ามผ่านไปได้ สุดท้ายไม่พ้นต้องเอาชนะอัสนีทัณฑ์สายสุดท้ายบรรลุถึง ครึ่งก้าวเซียนอมตะ!”
“จะอย่างไรนี่ก็นับเป็นเรื่องดีสำหรับเผ่าปีศาจมนุษย์เรา…เพราะจ้าววังอวี่เหวินก็เป็นจ้าววังคนหนึ่งของ 3 วัง 6 ตำหนักเรา แต่ต้วนหลิงเทียนนั่นให้ร้ายกาจเพียงใด แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่คนนอก…พวกมนุษย์!”
“เป็นเช่นนั้น”
…
ฟังจากคำพูดของผู้ชมส่วนใหญ่แล้ว เห็นชัดว่าพวกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่อาจรอดชีวิตไปจากอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 ได้เลย…
และเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ก็เห็นทีจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ!
ตอนนี้กระทั่งต้วนหลิงเทียนก็คิดแบบนั้น
“พี่เทียน!”
เมื่อเห็นสภาพยักแย่ยักยันของต้วนหลิงเทียน ที่ร่างชุมโชกไปด้วยเลือด แก้มงามกระจ่างของเค่อเอ๋อบัดนี้เปียกชื้นไปด้วยน้ำตา ในสายตายังเอ่อล้นไปด้วยความเจ็บปวดใจถึงขีดสุด!
“ท่านพ่อ…”
ต้วนซือหลิงที่ลอยอยู่ข้างๆเค่อเอ๋อ ตอนนี้ก็ร่ำไห้น้ำตานองหน้าเช่นกัน นางกระทั่งคิดจะพุ่งเข้าไปกอดบิดาอยู่หลายครั้ง หากแต่ก็ถูกก่านหรูเยี่ยนหยุดเอาไว้
ก่านหรูเยี่ยนตอนนี้ สองตาดั่งสารทฤดูเองก็เริ่มรื้นแดงขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ แก้มงามฉายชัดถึงความตึงเครียดวิตกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“นายท่าน…”
เผิงไหลได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน สองตาที่มองร่างชายหนุ่มชุดม่วงไกลตาเริ่มพร่ามัว ไร้ซึ่งความหวังใดๆหลงเหลือ
ตัดสินจากสถานการณ์ในตอนนี้
มันไม่คิดว่าจะมีปาฏิหาริย์ใดๆหลงเหลืออยู่อีกแล้ว
เพราะจากอาการของนายท่านมัน อย่าว่าแต่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ กระทั่งจะเอาตัวให้รอดจากอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 เกรงว่าคงไม่อาจกระทำได้!
‘หากนายท่านตายไปข้าเองก็ไม่รอดแน่…วังเซียนสัญจรมิมีวันปล่อยคนทรยศเช่นข้าให้ลอยนวลเด็ดขาด’
เผิงไหลรู้ถึงเรื่องนี้ดี
‘อย่างไรก็ตามตอนนี้ต่อให้ข้าต้องตายก็ไม่เสียดายแล้ว…อย่างน้อยกาลครั้งหนึ่งในชีวิตข้าก็ได้สัมผัสถึงความรู้สึกยอดเยี่ยมของรากวิญญาณสีครามเข้ม!’
เผิงไหลมองเหม่อไปยังเมฆทะมึนเบื้องบนพร้อมกล่าวรำพันในใจ
เห็นได้ชัดว่าเผิงไหลปลงแล้ว…
“น้องหลิงเทียน…”
หวงฉี่หลิงที่มองไปยังร่างต้วนหลิงเทียน ก็ได้แต่สะทกสะท้อนไปด้วยความอับจน ในใจรู้สึกสลดทั้งไม่ยินยอมนัก!
เพราะมันได้แต่เฝ้ามองสหายกำลังจะตาย โดยที่ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้เลย!!
“สามปีก่อนเจ้ามิควรมาที่นี่เลย…”
ห่างลงมาไกลจากฟากฟ้า หวงเหวินจิ้ง โฉมงามอันดับ 1 ของเผ่าปีศาจมนุษย์ที่ยืนอยู่บนพื้นดิน มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน ส่งเสียงผ่านพลังไปพลางถอนหายใจ
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนไม่สนใจ หวงเหวินจิ้งก็ไม่ได้นำพา ยังคงส่งเสียงผ่านพลังสืบต่อ
“อย่างไรก็ตามข้ามิอาจเข้าใจได้จริงๆ…ไฉนเจ้าถึงไม่รีบหนีไปตั้งแต่ตอนที่ข้าปล่อยข่าวเรื่องเจ้าออกไปแต่แรก ข่าวนั่นเองก็แพร่ไปทั่วทั้งวังเซียนสัญจรแล้วแท้ๆไหนเลยเจ้าจักมิรู้ได้?”
“หากเจ้าเร่งหนีไปเสียตั้งแต่ตอนนั้น ไม่เพียงแต่อาจารย์ข้ายังมิได้ออกจากการปิดด่าน กระทั่งจ้าววังวิญญาณอสุราเองก็ยังไม่มา…”
“นี่เจ้ามั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองมากเกินไปรึยังไง?”
เสียงผ่านพลังนี้หวงเหวินจิ้งเพียงกล่าวออกไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่คิดว่าจะได้รับการตอบกลับแต่อย่างใด
แต่สิ่งที่ทำให้นางต้องประหลาดใจก็คือ…
คราวนี้ต้วนหลิงเทียนตอบกลับ!
“ขอบคุณเจ้ามาก”
นี่คือคำตอบของต้วนหลิงเทียน เขาขอบคุณหวงเหวินจิ้ง
ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบเรื่องราวคร่าวๆจากเผิงไหลมาแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่เขาปิดด่าน กระทั่งได้รู้ด้วยว่าเมื่อปีก่อน มีข่าวลือเรื่องที่เขาเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามถูกปล่อยออกมา
สำหรับเหตุการณ์ครานี้ เผิงไหลกล่าวบอกว่าสมควรมีคนจงใจทำความลับรั่วไหล ยังผลให้รองจ้าววังอย่างอวิ๋นฟู่เหย่ถึงกับเข่นฆ่าผู้ที่มีส่วนรู้เห็นที่ไม่ได้กล่าวคำสาบานทิ้งทั้งหมดอย่างเดือดดาล!
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยจริงๆ…
ว่าผู้ที่ลอบปล่อยข่าวเรื่องนี้ที่แท้จะเป็นหวงเหวินจิ้งคนนี้นี่เอง!
หลังได้ยินคำของหวงเหวินจิ้ง แววตาต้วนหลิงเทียนทอประกายซับซ้อนครู่หนึ่งค่อยกล่าวส่งเสียงผ่านพลังตอบขอบคุณกลับไปด้วยใจจริง
ถึงแม้หวงเหวินจิ้งจะทำเพียงแค่ปล่อยข่าวลือและหลังจากนั้นก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเขาอีก แต่เขาก็รู้สึกซาบซึ้งน้ำใจของนางนัก
“ในที่สุดเจ้าก็มีแก่ใจหันมาสนข้าแล้วหรือ?”
หวงเหวินจิ้งระบายลมหายใจออกเล็กน้อย ค่อยกล่าวถามอีกรอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเบาๆ
“เมื่ออัสนีทัณฑ์สายที่ 80 ฟาดลงมา มีโอกาสสูงนักที่ข้าจะตายตก…!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวส่งเสียงผ่านพลังกับหวงเหวินจิ้งสืบต่อ “ถึงตอนนั้นข้าอยากจะร้องขออะไรเจ้าสักอย่าง…”
“เจ้าคิดให้ข้าปกป้องคนข้างกายเจ้ามิให้ถูกฆ่าตายใช่หรือไม่?”
ทว่าก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้กล่าวจบคำ ก็เป็นหวงเหวินจิ้งที่กล่าวออกมาเสียก่อน ราวกับนางล่วงรู้ว่าเขาคิดจะพูดอะไร
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนตอบกลับ เขาคิดจะขอนางเรื่องนี้จริงๆ
ในสายตาเขา
หวงเหวินจิ้งเป็นศิษย์ที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินรักและเอ็นดูมากที่สุด ลองมีนางร้องขอล่ะก็ กับอีแค่ละเว้นชีวิตมนุษย์ 2-3 คนย่อมไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไร
และตอนนี้ถึงแม้ขุมพลังของเผ่าปีศาจมนุษย์จะเป็น 3 วัง 6 ตำหนัก แต่หลังจากนี้ฐานะของอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่กำลังจะบรรลุถึง ครึ่งก้าวเซียนอมตะ ย่อมกลายเป็นตัวตนที่มีฐานะทัดเทียมกับประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ เสียงของมันย่อมดังไม่เป็นสองรองใคร!
ขอเพียงมันรับปากหวงเหวินจิ้งเรื่องนี้สักคน ยังจะมีใครกล้าแตะต้องคนของเขาอีก!!
‘พวกนางช่างโชคดียิ่ง…กระทั่งถึงตอนนี้แล้วมันยังมิวายห่วงความปลอดภัยของพวกนาง’
หวงเหวินจิ้งได้แต่ลอบทอดถอนในใจ
“ก็ได้…ข้ารับปากเจ้า”
จากนั้นไม่นานหวงเหวินจิ้งก็ตอบกลับ นางเลือกที่จะรับปากต้วนหลิงเทียน
ขณะเดียวกันแววตาของหวงเหวินจริงก็ฉายความขึงขังนัก
สำหรับคำขอสุดท้ายของบุรุษผู้นั้นนางจะกระทำให้ดีที่สุด กระทั่งต่อให้นางต้องเอาชีวิตตัวมาขู่ข่ม นางก็จะทำเพื่อให้อาจารย์ละเว้นชีวิตลูกเมียของบุรุษผู้นี้
“ขอบคุณเจ้ามาก”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณอีกรอบ ค่อยกล่าวสืบต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากชาติหน้ามีจริง บุญคุณครั้งนี้ของเจ้า ข้าต้วนหลิงเทียนจะชดใช้ให้สิบเท่า!”
“หากชาติหน้ามีจริงข้ามิต้องการให้เจ้ามาชดใช้อะไรให้ข้าสิบเท่า…ข้าขอแค่ให้เจ้าเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว!”
เสียงผ่านพลังที่ส่งมาครานี้ของหวงเหวินจิ้งช่างเด็ดขาดนัก!
ได้ยินคำกล่าวของนาง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มขื่นขม ยังได้แต่ลอบทอดถอนในใจ
เรื่องแบบนี้จะให้เขาว่าอย่างไรได้?
‘ไม่คิดเลยว่าข้าต้วนหลิงเทียนต้องมาตายที่นี่แบบนี้…ยังมีเค่อเอ๋ออีกคน’
ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ใช่เด็กน้อยอะไร
ไหนเลยเขาจะไม่รู้ว่าใจของอิสตรีคนรักคิดอ่านอย่างไร
ด้วยเหตุนี้เขาจำต้องป้องกันเอาไว้ก่อน
และนอกจากนั้นเขายังตระหนักได้ว่า
ตอนนี้ให้เขาพยายามรักษาตัวเพื่อฟื้นฟูอาการเพียงใดก็ไร้ค่า สุดท้ายก็ยากจะหายทันเวลาต้านรับอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 ได้อยู่ดี เช่นนั้นเขาก็ไม่คิดจะเสียเวลาไปกับการฟื้นตัวอย่างเปล่าประโยชน์
“เค่อเอ๋อ!”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองเค่อเอ๋อที่ลอยอยู่บนฟ้าไกลห่าง พร้อมกล่าวส่งเสียงไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจ้ารับปากข้าสักเรื่องได้หรือไม่?”
“พี่เทียน ท่านว่ามาเถอะ”
เค่อเอ๋อส่งเสียงจอบกลับ
“ก่อนที่ข้าจะให้เจ้ารับปากข้าเรื่องหนึ่ง มีอีกอย่างที่ข้าจะบอกเจ้าไว้ก่อน…ถึงแม้ว่าข้าอาจจะล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้จนอาจตองมีอันเป็นไป แต่จ้าววังเซียนสัญจรอาจละเว้นชีวิตของพวกเจ้า”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
ด้วยมีหวงเหวินจิ้งรับปาก ทำให้เขามั่นใจในเรื่องนี้มาก
ด้วยความรักความเอ็นดูที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินมีให้หวงเหวินจิ้ง ศิษย์ปิดสำนักที่มีฐานะไม่ต่างใดจากลูกสาวแท้ๆในใจของมัน ขอเพียงหวงเหวินจิ้งยืนกรานเรื่องช่วยพวกเค่อเอ๋อ จะอย่างไรมันก็ต้องใจอ่อนแน่
เพราะสุดท้ายแล้วเค่อเอ๋อ ซือหลิงแล้วก็ก่านหรูเยี่ยน ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไรกับวังเซียนสัญจร หรือแม้แต่เผ่าปีศาจมนุษย์ทั้งหมดเลย
“พี่เทียนหากท่านคิดจะให้ข้าอยู่ต่อไปเพียงลำพัง ข้าไม่คิดรับปากท่านเด็ดขาด! พวกเราสามีภรรยาจะอยู่ก็อยู่ด้วยกัน หากจะต้องตายเช่นนั้นก็ต้องตายด้วยกัน! ข้าเค่อเอ๋อไม่มีวันปล่อยให้ท่านต้องจากไปอย่างเดียวดาย!!”
ไม่ทันรอให้ต้วนหลิงเทียนได้กล่าวอะไร เค่อเอ๋อ ชิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ คล้ายนางสวมวิญญาณผู้พยากรณ์ก็ไม่ปาน สามารถล่วงรู้ความที่ต้วนหลิงเทียนคิดจะกล่าวบอกหมดสิ้น
และเมื่อสิ้นคำของเค่อเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกอับจนหนทางในใจขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าในขณะที่ใจรู้สึกอับจนด้วยไม่อาจทำอะไรได้ เขายังสะเทือนใจไปไม่น้อย
ชั่วชีวิตนี้สามารถได้ศรีภรรยาเช่นนี้ สามีเช่นเขายังจะต้องการอะไรอีก?
“เค่อเอ๋อเจ้า…”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดจะกล่าวเพื่อโน้มน้าวเค่อเอ๋อให้ถึงที่สุดนั้น
หากทว่าเค่อเอ๋อยังคงกล่าวขัดต้วนหลิงเทียนออกมาอีกรอบ “หากพี่เทียนคิดจะให้ข้าอยู่เพื่อดูแลซือหลิง…ข้าเชื่อว่าพี่หญิงต้องดูแลซือหลิงแทนข้าอย่างดี”
เรียกว่าไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้พูดอะไร เค่อเอ๋อก็ดักทางเขาถูกหมด ความแน่วแน่เด็ดเดี่ยวของนางนี้ยากแปรผัน หากจะอยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน…
หากจะตาย ก็ต้องตายด้วยกัน!!
ไม่มีอะไรสั่นคลอนเจตจำนงค์นี้ของนางได้!!
‘ไม่!’
‘ข้ายังตายไม่ได้! ข้ายังตายตอนนี้ไม่ได้!!’
เมื่อรับทราบว่าเค่อเอ๋อเลือกจะผูกชีวิตไว้กับเขา ต้วนหลิงเทียนที่เดิมหมดหวังอยู่รอดแล้ว กลับพลิกฟื้นความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ลูกตายังหดหยีลงเผยประกายคมกล้ามากล้นไปด้วยความแน่วแน่!
ในใจของเค่อเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนมีความสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของนาง!
ในใจต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อเองก็มีความสำคัญยิ่งกว่าชีวิตเขาเช่นกัน!!
ถึงแม้ตอนนี้สภาพเขาจะย่ำแย่เพียงไหน อ่อนระโหยโรยเรียงเพียงใด เขาก็จะสู้ให้ถึงที่สุด!
ต่อให้รู้ว่าสู้ไปก็ไร้หนทาง เขาก็จะสู้!!
ไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง แต่สู้เพื่อเค่อเอ๋อ!!