War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2310
ตอนที่ 2,310 : อัสนีทัณฑ์สายที่ 80 มาแล้ว!

ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้สถานการณ์ของตัวเองดีกว่าใครอื่น

ตอนนี้แม้ผิวเผินคล้ายเขายังไหว แต่เขารู้ตัวดีว่าตอนนี้เขาเสมือน ศรปลายเกาทัณฑ์!

(ศรปลายเกาทัณฑ์ = ม้าตีนปลาย หมดก๊อกแล้ว)

ไม่ต้องกล่าวถึงอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 เลย ตอนนี้ขอแค่อัสนีสุ่มๆผ่ามาส่งๆสักสาย เขาก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะต้านทานอยู่ดี

ตอนแรกเขาเองก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรมไปแล้วว่าไม่รอดจากอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 แน่

แต่ตอนนี้เขาทำเพื่อเค่อเอ๋อ!

ถึงแม้เขาเองก็รู้ดีแก่ใจว่ากำลังทำเรื่องที่ไม่มีความหมาย แต่เขาก็ยังจะสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อเค่อเอ๋อ!!

หากเขาไม่สู้ให้ถึงที่สุด แล้วเขาจะคู่ควรกับเค่อเอ๋อได้อย่างไร?

‘เวลาก็ยังเหลืออีกเกือบครึ่งชั่วยามเต็ม…ข้าต้องฟื้นฟูอาการให้มากที่สุด!’

ในเมื่อคิดจะสู้ให้ถึงที่สุด ต้วนหลิงเทียนก็ล้มเลิกความคิดยอมรับชะตากรรมไปหมดสิ้น มือสะบัดปรากฏโอสถผุดจากความว่างเป็นกำ

ไม่สำคัญว่าพวกมันจะใช้ได้ผลหรือไม่ เขาไม่สนใจทั้งสิ้น จับยัดเข้าปากกลืนหายไปเกลี้ยง!

แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนได้ใช้โอสถมากมายไปแล้วก่อนหน้า ทำให้ตอนนี้ร่างเขาเสมือนดื้อยาไปแล้ว ยากที่มันจะส่งผลอะไรได้อีกต่อไป

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้หลับตาลง

พลังเซียนต้นกำเนิดโคจรเร็วรี่ไปทั่วร่าง พยายามฟื้นฟูเส้นชีพจรพลังรวมทั้งอวัยวะภายในที่เสียหายจากการถูกฟ้าผ่าก่อนหน้า หมายฟื้นฟูพวกมันให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่อัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 จะฟาดลง!

ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ผู้ชมโดยรอบก็สามารถสังเกตเห็นได้ทันที

“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ มิใช่ก่อนหน้ามันคล้ายจะปลงตกแล้วยอมรับชะตากรรมแล้วหรือไร ไฉนอยู่ดีๆมันถึงได้ฮึดสู้ขึ้นมาเช่นนั้นเล่า?”

ตอนแรกที่หลายคนเห็นต้วนหลิงเทียนยอมรับชะตากรรม ก็ไม่มีใครแปลกใจอะไร

เพราะพวกมันเองก็แลเห็นสถานการณ์ของเขาชัดดี

ว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้ ไม่อาจข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์เพื่อบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะได้เป็นที่แน่นอนแล้ว…ทว่าอยู่ดีๆต้วนหลิงเทียนผู้นี้กลับฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้พวกมันอดไม่ได้ที่จะสับสนและไม่เข้าใจขึ้นมา

“นี่มันอะไรกัน หรือต้วนหลิงเทียนยังคิดว่ามันมีหวังจะทานทนอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 ได้ไหวงั้นหรือ?”

“นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ ต่อให้มันมีสัก 4-5 ชั่วยามแต่อาการบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้นก็มิอาจฟื้นฟูให้หายดี แค่อัสนีที่มีพลังเท่ากับก่อนหน้าก็ต้องตายคาที่แน่แล้ว นับประสาอะไรจะทนรับอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 ได้!”

“แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นเล่า ไฉนมันถึงได้ดิ้นรนขึ้นมาอีกครั้ง?”

“ข้าเดาว่ามันไม่อยากยอมรับชะตากรรมของตัวเอง…เพราะสุดท้ายแล้วก็มีผู้ฝึกตนไม่น้อยที่นิสัยดื้อรั้น”

“มันไม่ยอมรับชะตากรรมแล้วจะอย่างไร หรือมันคิดว่าตัวเองจะพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตาตัวเองได้?”

เหล่าผู้ชมที่แลเห็นทีท่าฮึดสู้ของต้วนหลิงเทียนได้แต่ส่ายหัวไปมา ด้วยคิดว่านี่ช่างเป็นการกระทำที่ไร้ค่าสิ้นดี!

“หากข้าเป็นมัน ข้าจะทะนุถนอมห้วงเวลาสุดท้ายนี้ไว้ให้ดีที่สุด และใช้มันเพื่ออยู่กับครอบครัว…ข้าล่ะมิเข้าใจจริงๆว่าในหัวมันคิดบ้าอะไรของมันกันแน่ ลูกเมียของมันก็ยืนอยู่โทนโท่ตรงนั้น แต่มันกลับไม่เอาเวลาไปใช้กับลูกเมีย ดันเอามาทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้เสียได้!”

รองจ้าววังเซียนสัญจรคนหนึ่งกล่าวออก

ฟังจากวาจาของมันแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่เข้าใจจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนคิดอะไรอยู่ในหัว

และวาจานี้ของมันก็ได้รับความเห็นชอบจากปีศาจทุกตนที่มาเยือนวังเซียนสัญจร

“เฮอะ! จะตายอยู่รอมร่อยังเอาเวลาชีวิตสุนัขของเจ้ามาใช้อย่างเสียเปล่าอีกรึ?”

ศิษย์เอกของรองจ้าววังเซียนสัญจร อวิ๋นฟู่เหย่ แยะยิ้มกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

ในสายตาของอวิ๋นฟู่เหย่

ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เสมือนดิ้นรนอยู่ในโลงที่กลบฝังไปแล้ว!

“ต้วนหรูเฟิงหนอต้วนหรูเฟิง ลูกชายตัวดีของเจ้ากำลังจะถูกฟ้าผ่าตายตกแล้ว…ข้าล่ะอยากเห็นจริงๆ ว่าถ้าเจ้ามาเห็นฉากนี้เจ้าจะทำหน้าอย่างไร…”

จ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง เองก็มองต้วนหลิงเทียนที่กำลังพักฟื้นไกลตาด้วยความสะใจ

ต้วนหรูเฟิงนั้น กล่าวได้เลยว่าเป็นคนที่ฉีหนานฟงจงเกลียดจงชังมากที่สุด!

โดยเฉพาะครั้งล่าสุดที่ต้วนหรูเฟิงยังสามารถหนีรอดไปได้ภายใต้จมูกของมัน ยิ่งทำให้มันยิ่งแค้นหนัก!

ทว่าวันนี้ได้เห็นว่าลูกชายของต้วนหรูเฟิงกำลังจะตกตายเพราะอัสนีทัณฑ์สวรรค์ ในใจมันก็พอได้รู้สึกบันเทิงรื่นเริงขึ้นมาบ้าง

“พี่เทียน…”

“ท่านพ่อ…”

เค่อเอ๋อกับต้วนซือหลิงมองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วางตา ในแววตาของพวกนางยังฉายชัดถึงความวิตกกังวลอันล้นพ้น

สำหรับก่านหรูเยี่ยนกับเผิงไหลนั้นต่างปลงตกและยอมรับชะตากรรมแต่แรก ในใจไม่เหลือความหวังใดๆอีก

เกือบครึ่งชั่วยามผันผ่านไปในพริบตา

ตอนนี้เวลาที่อัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 จะฟาดลง ใกล้เข้ามาทุกขณะ

ห้วงเวลารอคอยดังกล่าวที่ทางฉากเรื่องราวกลับกลายเป็นเงียบสงัด ไม่มีใครกล่าวคำอะไร คงเหลือก็แต่เพียงเสียงอัสนีครืนๆบนเมฆหายนะสู่สวรรค์ที่กู่ร้องไม่หยุด ราวกับจะย้ำเตือนสติทุกสรรพชีวิต…

ว่าหายนะสู่สวรรค์ยังไม่จบสิ้น!

เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!

อัสนีเหนือฟ้ายังแลบลั่นคำรามเผยสภาวะหาใดเปรียบ

แพเมฆหายนะสู่สวรรค์ก็เคลื่อนไหวบีบอัดคลายตัวดั่งควบรวมเร่งเร้าพลังเฉกเช่นเคย

ยามมองขึ้นไปสามารถแลเห็นเส้นสายอัสนีสีม่วงที่ไม่ต่างใดจากอสรพิษตัวน้อยกำลังเลื้อยลดอย่างสนุกสนาน มุดโผล่ๆหยอกเย้าเมฆทะมึนไม่เบื่อหน่าย บรรยากาศยามนี้ช่างอึมครึมราวกับฝนพร้อมจะตกลงมาได้ทุกเวลา

พาลให้เบื้องล่างของแพเมฆหายนะยังคงมืดสลัว ให้ความรู้สึกหดหู่หม่นใจทั้งระส่ำระสายประการหนึ่ง

อย่างไรก็ตามแม้ฟ้าจะกลายเป็นมืดมนไม่สดใส หากแต่ก็ไม่มีปัญหาใดกับการมองเห็นของทุกชีวิตในบริเวณนี้

เหนือขึ้นไปยังแพเมฆหายนะสู่สวรรค์

ท่ามกลางเมฆมงคลเบญจรงค์ อีกาทองคำ 3 ขา สีแดงเพลิงอันมีเปลวไฟสีทองส่องสว่างยังคงสยายปีกโผบินดำผุดดำว่ายอยู่ในเมฆหลากสีราวกับเทพแห่งไฟ

ห่างออกไปไกลๆ ปรากฏร่าง 2 ร่างเหินลอยอยู่อย่างเงียบงันปานรูปปั้น

พวกมันลอยร่างอยู่เช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว

“ท่านอาจารย์…ต้วนหลิงเทียนผู้นี้คงมิอาจต้านทานอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 ที่กำลังจะฟาดลงไปได้ใช่หรือไม่ขอรับ?”

ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เอ่ยถามชายชราชุดเทาที่ลอยร่างอยู่ข้างๆ

“หากมิมีเหตุผิดพลาดอันใด…ยามเมื่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 ฟาดลง มันจักต้องตาย…”

ชายชราชุดเทากล่าว

“มิมีเหตุผิดพลาดหรือ?”

ได้ยินคำของอาจารย์ ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์อดไม่ได้ที่จะงุนงงสงสัย “ถึงตอนนี้แล้วยังมีเหตุผิดพลาดอันใดได้อีกหรือท่านอาจารย์?”

“ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น…”

ชายชราชุดเทาส่ายหัวไปมา หากทว่าสองตาที่จับจ้องมองไปยังเมฆมงคลเบญจรงค์อดไม่ได้ที่จะทอประกายสว่างวาบขึ้นมา

กล่าวให้ชัดคือสายตาของมันตกลงบนร่างนก ที่คล้ายจะมีเปลวเพลิงลุกท่วมไปทั่วตัว ที่กำลังโผบินละเล่นกับเมฆหลากสีนั่น!

เป็นธรรมดาที่มันจะไม่รู้ว่านั่นคือ อีกาทองคำ 3 ขา

อย่างไรก็ตามยามสายตาของชายชราชุดเทาจับจ้องมองไปยังร่างอีกาทองคำ 3 ขา ในแววตาของมันกลับเผยให้เห็นความประหลาดใจประการหนึ่ง ไม่ทราบว่าที่แท้มันคิดอะไรในหัวกันแน่

จากนั้นไม่นานนัก ห้วงเวลาที่ทุกคนเฝ้ารอคอยก็มาถึง

ภายใต้แพเมฆหายนะสู่สวรรค์

“มาแล้ว!”

เหล่าผู้ชมที่รอคอยการมาถึงของอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 อย่างสงบ ก็กล่าวออกมา

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่พวกมันคาดคำนวณ

ครืน!

แสงสว่างไสวหนึ่งวาบขึ้นมาราวกับดวงตะวันผุดโผล่ตรงหน้า อำนาจประหนึ่งจะย้อมโลกทั้งใบให้กลายเป็นขาวโพลน ขับไล่ความมืดมิดใต้เมฆหายนะสู่สวรรค์ไปหมดสิ้นในชั่วพริบตา! เหล่าผู้ที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยก็รีบหลับตายกมือไม้ขึ้นมาบังอีกครั้ง

“อัสนีทัณฑ์สายที่ 80 ฟาดลงมาแล้ว!”

หลายคนยังอดตื่นเต้นไม่ได้

เปรี๊ยงงงง!!

พร้อมกันกับที่เสียงดังสนั่นลั่นปฐพีกึกก้องขึ้น ก็ปรากฏอัสนีเส้นเขื่องสีม่วงเข้มฟาดลงจากแพเมฆหายนะ!

และสายฟ้าเส้นแรกพึ่งฟาดผ่าลงไปได้ไม่ทันไร แสงสว่างพลันวาบขึ้นอีกครั้งก่อนจะปรากฏอัสนีอีกสายฟาดลงตามกไปติดๆ!

เป็นอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 ของอวี่เหวินฮ่าวเฉินและต้วนหลิงเทียนตามลำดับ!

อัสนีทัณฑ์สายนี้เป็นอัสนีทัณฑ์รองสุดท้ายของหายนะทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้แล้ว….

ตราบใดที่ประสบผลสำเร็จในการเอาชนะและข้ามผ่านอัสนีทัณฑ์สายนี้ไปได้ สิ่งที่รออยู่ก็คืออัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 81 ซึ่งเป็นอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายสุดท้ายของหายนะสู่สวรรค์ครานี้

เมื่อสามารถต้านทานอัสนีทัณฑ์สุดท้ายนั่นไปได้ ก็หมายความว่าสามารถรอดชีวิตจากหายนะทัณฑ์สวรรค์ บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ!

หลังจากกบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว ก็เสมือนได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตใหม่ พลังอำนาจเหนือล้ำยิ่งกว่าตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วไปอย่างเทียบกันไม่ได้เลย!

เหตุผลที่ไฉนกล่าวว่าเหนือล้ำกว่าเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วไปนั้น เพราะอย่างไรเสีย ‘ครึ่งก้าวเซียนอมตะ’ ที่ว่า จะอย่างไรก็ยังอยู่ในขอบเขตของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!

เพียงแค่ผู้ที่บรรลุถึงจะเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่สามารถก่อเกิดพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดได้เท่านั้น!

“ตราบใดที่ข้าข้ามผ่านอัสนีทัณฑ์สายนี้และอีกสายไปได้…ข้าก็จะกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว!”

มองไปยังอัสนีสีม่วงเส้นเขื่องที่ร่วงตกฟ้ามาอย่างฉับไวด้วยสภาวะเหี้ยมหาญแกร่งกร้าว อวี่เหวินฮ่าวเฉินไม่เพียงไม่หวาดกลัว ใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้มฉีกกว้าง!

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ตอนนี้อวี่เหวินฮ่าวเฉินก็ฟื้นฟูจนกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมเรียบร้อย

ถึงแม้อัสนีทัณฑ์สายนี้จะทรงพลังทั้งรุนแรงยิ่งกว่าอัสนีทัณฑ์ก่อนหน้า แต่มันก็หาได้กดดันอันใดไม่!

แตกต่างจากอวี่เหวินฮ่าวเฉินนัก…

เพราะอีกด้าน แม้จะเผชิญหน้ากับอัสนีทัณฑ์ที่มีพลังอำนาจดุจเดียวกัน แต่ต้วนหลิงเทียนที่ได้เตรียมใจสู้ให้ถึงที่สุดแล้วแท้ๆ แต่ยังอดไม่ได้ที่จะผงะไปเล็กน้อย

นี่เป็นอาการตอบสนองจากจิตใต้สำนึก

“มาเถอะ! ต่อให้ข้าต้วนหลิงเทียนต้องแพ้พ่าย แต่ข้าก็ไม่ยอมก้มหัวสยบ!!”

“และต่อให้ข้าต้วนหลิงเทียนต้องตาย แต่ข้าก็ขอตายอย่างห้าวหาญ!!”

เผชิญหน้ากับอัสนีทัณฑ์สีม่วงที่ฟาดลงมาด้วยภาวะเข่นฆ่า สองตาต้วนหลิงเทียนพลันทอประกายเยียบเย็น จากนั้นทั่วร่างพลันปะทุพลังใช้ออกด้วยปีกอีกาทองคำ จนคนคล้ายกลับกลายเป็นอีกาทองคำ 3 ขาเหินทะยานสู่ฟ้าด้วยความเร็วอันน่าพรั่นพรึง!!

แม้ความตายกล้ำกราย แต่คนไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ!

“เฮอะ! ตัวโง่งมรนหาที่ตาย!!”

เห็นฉากดังกล่าว อวิ๋นฟู่เหย่ กับฉีหนานฟง พลันระเบิดเสียงหัวเราะร่าออกมาด้วยความดูแคลน

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ชมโดยรอบเมื่อเห็นการกระทำดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน พวกมันอดไม่ได้ที่จะอึ้ง!

เผชิญหน้ากับอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 80 …พลังอำนาจที่จะพรากหนึ่งชีวิตของมันไปแท้ๆ แต่กลับหาญกล้าทะยานเข้าใส่อย่างไร้ครั่นคร้าม!!

เรื่องพรรค์นี้มิใช่ทุกคนจะมีความกล้ามากพอกระทำ!!

“ชั่วชีวิตข้าเผิงไหล ได้พบพานนายท่านเช่นนี้…นับว่าคุ้มค่านัก ข้ามิได้เกิดมาอย่างเสียเปล่าแล้ว…”

เผิงไหลที่มองร่างชายหนุ่มชุดม่วงที่บัดนี้คนคล้ายกลับกลายเป็นเปลวเพลิงด้วยสีหน้ายำเกรงจากใจเป็นครั้งแรก ตอนนี้มันยอมรับนับถือต้วนหลิงเทียนจากใจจริง หาได้ยอมรับนับถือเพราะคำสาบานของทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าอีกต่อไป

เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยะ!!

ด้านของอวี่เหวินฮ่าวเฉินนั้น เมื่ออัสนีสวรรค์ฟาดลงมาเจียนบรรลุถึง ม่านพลังไร้สภาพหนึ่งก็หยุดยั้งเอาไว้ได้อีกครั้ง มันทั้งทำลายทั้งสลายพลังของอัสนีทัณฑ์ส่วนใหญ่ออกไป หลงเหลือก็แต่เสี้ยวอัสนีส่วนหนึ่งที่ฟาดทะลวงม่านพลังเข้ามา

ถึงแม้ว่านี่จะทำให้มันกดดันไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทานรับเอาไว้

ด้านต้วนหลิงเทียนนั้น

อัสนีทัณฑ์จากฟากฟ้ามองไปคล้ายดั่งอุกกาบาตจากนอกโลกที่พุ่งทะลวงแหวกชั้นบรรยากาศเข้ามาก็ไม่ปาน! พลังอำนาจถล่มฟ้าระเบิดปฐพี ฟาดจี้เข้าใส่ร่างต้วนหลิงเทียน!!

ต้วนหลิงเทียนตอนนี้ทั่วร่างก็ปะทุพลังชั่วชีวิตออกมาอย่างดุดัน คนคล้ายกลับกลายเป็นเปลวไฟสาดแสงแรงกล้า!

อนิจแสงไฟจากพลังทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ต่อหน้าอัสนีทัณฑ์สายที่ 80 ของหายนะสู่สวรรค์ ก็ดั่งหิ่งห้อยคิดประชันแสงจันทร์ ไม่คู่ควรให้กล่าวถึง!