ตอนที่ 238-2 คุณชายรองตระกูลจีลงมือ สั่งสอนพวกจอมปลอม
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยอาศัยจังหวะนั้นซัดหมัดใส่ท้องหัวหน้าองครักษ์ทีหนึ่ง หัวหน้าองครักษ์พอเจ็บตัว ก็ยกหอกยาวจะแทงเข้าใส่!
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยยันหอกยาวนั้นไว้โดยไม่ทันมีใครเห็นแล้วดันไปทาง “ท้อง” ของจีอู๋ซวง “ท้อง” ของจีอู๋ซวงถูกแทงทะลุ เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมา
“เขาจะฆ่าคน! เขาจะฆ่าคน!” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยร้องลั่น
จีอู๋ซวงกุม “ท้อง” ที่มีเลือดทะลักออกมา ทิ้งตัวพิงเยี่ยนเฟยเจวี๋ยอย่างไร้เรี่ยวแรง
สถานการณ์ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป ชาวบ้านที่หลบได้ก็หลบ ที่หนีได้ก็หนี วิ่งชนร้านรวงจนสับสนวุ่นวายไปหมด
ดูเหมือนจะมีชาวบ้านที่เดือดดาลจากการถูกองครักษ์รังแก ท่ามกลางสถานการณ์ที่วุ่นวาย มีคนคว้าหินมาโยนใส่สตรีนางนั้น
สตรีนางนั้นถูกหินปาเข้าที่ศีรษะ จึงคล้ายสติสัมปชัญญะขาดผึง นางเปลี่ยนฝ่ามือเป็นกรงเล็บ เตรียมจะฟาดกระบวนท่าใส่คนที่โยนหินมาทำร้ายนาง แต่ทันใดนั้นหัวหน้าองครักษ์ก็เข้ามาขวางหน้านาง “คุ้มครองจั๋วหม่าน้อย!”
ทุกคนเข้ามาล้อมนาง
นางเก็บฝ่ามือ หลบอยู่ด้านหลังองครักษ์อย่างน่าสงสาร
มีคนพุ่งตัวเข้ามากัดแขนองครักษ์คนหนึ่ง
องครักษ์คนนั้นฟาดฝ่ามือใส่จนกระเด็นออกไป!
คนผู้นั้นล้มลงหัวฟาดพื้น ก่อนสองตาจะลอยคว้าง สิ้นสติไป!
“ลูกชายข้า! ลูกชายข้า!” สตรีในชุดผุขาดกอดคนผู้นั้นไว้ ร้องไห้คร่ำครวญแทบขาดใจ
เหล่าองครักษ์หันไปเพ่งมองถึงได้เห็นว่าคนที่สหายของพวกเขาเพิ่งฟาดฝ่ามือใส่จนล้มไปนั้นเป็นเด็กชายอายุเพียงแปดเก้าขวบคนหนึ่ง คราวนี้จบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้วจริงๆ
หากบอกว่าการที่จีอู๋ซวงบาดเจ็บเพียงแค่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว เช่นนั้นการที่องครักษ์กลุ่มหนึ่งไม่ปล่อยแม้กระทั่งเด็กที่ไร้เดียงสา ก็เรียกว่าเลือดเย็นเสียยิ่งกว่าเดรัจฉาน ทุกคนพากันโกรธจัด คว้าทุกอย่างที่สามารถเป็นอาวุได้ออกมาพุ่งใส่บรรดาองครักษ์ทันที!
องครักษ์หนุ่มที่ผลักเด็กออกไปนั้นเพิ่งเข้ามาใหม่ เขาก็ไม่คิดว่าตนเองจะทำร้ายเด็กคนหนึ่งจนถึงแก่ชีวิต ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ใช้แรงสักนิด…
เขาตกใจจนตัวแข็ง!
สถานการณ์ยิ่งเสียการควบคุมหนักขึ้น หัวหน้าองครักษ์พูดขึ้นว่า “คนพวกนี้บ้าเลือดกันไปหมดแล้ว! จั๋วหม่าน้อย ท่านรีบออกไปก่อนดีกว่า!”
สตรีนางนั้นมองชาวบ้านที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ถึงแม้จะไม่ยินดี แต่กลับทำได้เพียงให้องครักษ์อารักขานางกลับขึ้นรถม้าไป
นางออกมาเพื่อซื้อใจชาวบ้าน แต่กลับกลายเป็นทำให้ทุกคนโกรธเคือง เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
ชาวบ้านที่เดือดดาลพากันไล่ตามรถม้า ทั้งทุบตีทั้งตะโกนด่าไปถึงถนนสามแยก ถึงได้ยอมรามือ
จีอู๋ซวงที่เจ็บหนักถูกเยี่ยนเฟยเจวี๋ยอุ้มเข้าไปในตรอกร้าง พอเข้าไปในตรอก จีอู๋ซวงก็กระโดดออกจากแขนเยี่ยนเฟยเจวี๋ยพร้อมถลึงตาใส่อีกฝ่ายด้วยความขยะแขยง
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยยิ้มชั่วร้าย “อุ้มก็เคยอุ้มมาแล้ว เมียรักคิดจะข้ามแม่น้ำแล้วพังสะพานทิ้งหรือ”
จีอู๋ซวงกัดฟัน “เดี๋ยวก็วางยาพิษเจ้าให้ตายเสียหรอก!”
เฉียวเวยเดินมาจากอีกฟากหนึ่งของตรอก “แสดงได้ถึงบทบาทดีเหลือเกิน ข้ายังเกือบเชื่อว่าจีอู๋ซวงถูกแทงจริงๆ เลย”
จีอู๋ซวงหยิบเสื้อที่ยัดไว้ตรงหน้าท้องออกมา
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยพูดยิ้มๆ ว่า “ที่ไหนกันๆ ไข่เน่าของเจ้าต่างหากที่ได้เรื่อง ไม่อย่างนั้นคงยั่วให้องครักษ์พวกนั้นโกรธไม่ได้ พวกเราก็คงไม่มีโอกาสได้ลงมือ”
เฉียวเวยมองอีกฝ่ายด้วยความงงงวย “ข้าไม่ได้โยนไข่เน่าเสียหน่อย”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยอึ้งงั้น “อะไรนะ? เจ้าไม่ได้เป็นคนโยน? ทั้งๆ ที่ข้าเห็นว่าโยนมาจากโรงสุราชัดๆ!”
เฉียวเวยส่ายหน้า “เมื่อกี้ข้าไม่ได้อยู่ที่โรงสุรา หลังจากแปลงโฉมพวกเจ้าเสร็จข้าก็มาอยู่ในตรอกนี่”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยมั่นใจว่าตนไม่ได้มองผิด ไข่นั่นถูกโยนออกมาจากโรงสุราจริงๆ แต่เพราะคนที่โยนซ่อนตัวได้ดีมาก พอมีเหตุวุ่นวายจึงไม่มีใครทันสังเกต “ถ้าไม่ใช่เจ้า เช่นนั้นจะเป็นใครกัน”
“น่าสงสาร เด็กคนนั้น!” จีอู๋ซวงคิดถึงเด็กที่โดนทำร้าย เด็กคนนั้นเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ส่งมา หากไม่ได้เขา ชาวบ้านคงไม่ถูกยั่วยุจนโกรธถึงขนาดนั้น ตอนที่เด็กคนนั้นถูกองครักษ์ผลักออกไป เขาใช้ขาช่วยรองไว้ น่าจะไม่ถึงกับตาย แต่พอเด็กคนนั้นล้มลงกับพื้นก็แน่นิ่งไปทันที ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
พวกเขารีบออกไปดูเด็กคนนั้นที่ถนน แต่ยังมีเงาแม่ลูกคู่นั้นอยู่ที่นั่นเมื่อไรกัน
“พวกเจ้าทำได้ไม่เลว นี่เป็นค่าเหนื่อยของพวกเจ้า”
ประตูหลังโรงสุรา อาต๋าเอ่อร์วางเหรียญทองสองเหรียญลงบนมือของ “แม่ลูก” คู่นั้น
หากจีอู๋ซวงกับเยี่ยนเฟยเจวี๋ยอยู่ที่นี่ คงไม่ยากที่ดูออกว่าเด็กผู้ชายคนนี้ก็คือเด็กที่ถูกองครักษ์ผลักจนล้มตาย แต่เขาในเวลานี้ยังคงกระโดดโลดเต้น แม้แต่ผมสักเส้นก็ไม่มีหลุดหายไปไหน
เขาหัวเราะแหะๆ “ขอบคุณใต้เท้า! วันหน้าหากมีงานดีๆ เช่นนี้อีก พวกเราจะทำงานให้ใต้เท้าอย่างเต็มที่แน่นอน!”
อาต๋าเอ่อร์พยักหน้า แล้วเอาเงินอีกสองเหรียญทองให้บุรุษที่โยนหินถูก “จั๋วหม่าน้อย” รวมถึงพวกคนเร่รอนที่เป็นหัวหอกพุ่งเข้าเล่นงานบรรดาองครักษ์ เรียกได้ว่าใจกว้างมากทีเดียว
คนพวกนั้นพอได้ค่าเหนื่อยก็จากไปพร้อมความยินดี
ด้านบนอาคาร ใต้เท้าเจ้าสำนักเอาไข่เน่าที่โยนไม่หมดมาจับเล่น ยกมุมปากแดงระเรื่อยขึ้นอย่างชั่วร้าย “ประกาศจับข้า ทะลายลังเก่าของข้า ทำอะไรไม่ระวังเนื้อระวังตัว ถึงขั้นกล้ามาซื้อใจคนถึงถิ่นข้า ช่างอ่อนต่อโลกเกินไปจริงๆ!”
…
เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมือง แทบจะมาถึงปราสาทเฮ่อหลันพร้อมกับ “จั๋วหม่าน้อย” สตรีนางนั้นใส่เสื้อคลุมปิดบังสภาพยับเยินตามตัวแล้วรีบเดินกลับห้องไปอาบน้ำ พออาบน้ำเสร็จแล้วเตรียมตัวจะไปเข้าพบเหอจั๋วนั้น ถึงได้รู้จากสาวใช้ว่าเหอจั๋วถูกเหล่าผู้อาวุโสเรียกหา
เหล่าผู้อาวุโสไม่พอใจอย่างรุนแรงกับการที่จั๋วหม่าน้อยออกไปตรวจโรคแต่กลับทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น เมืองเล็กๆ แห่งนั้นถึงแม้จะเป็นเมืองที่ไม่ได้รับความสนใจที่สุดของชนเผ่าถ่าน่า แต่ไม่ว่าอย่างไร คนที่อยู่ที่นั้นก็ล้วนเป็นคนในชนเผ่าถ่าน่า คนที่มีฐานะเป็นจั๋วหม่าน้อยแห่งชนเผ่า จะชี้นิ้วสั่งการให้องครักษ์รังแกสตรีและเด็กได้อย่างไร ซ้ำยังได้ยินว่าทำร้ายคนจนตายอีกด้วย ตระกูลเฮ่อหลันปกครองชนเผ่าถ่าน่ามาหลายปี ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อน!
“นางคิดอยากซื้อใจคน ใช่ว่าจะใช้กลวิธีอะไรไม่ได้เลย แต่ใครใช้ให้นางไปเติบโตอยู่ที่จงหยวน คนในชนเผ่าเลยไม่รู้จักแล้วพาลไม่ชอบนางมากพอกันเล่า นางคิดอยากใกล้ชิดคนในชนเผ่า อยากใกล้ชิดเหอจั๋ว เรื่องเหล่านี้เข้าใจได้ทั้งสิ้น แต่นางจะยอมรับเพียงความรักจากชาวประชาเพียงอย่างเดียว ไม่ยอมรับความสงสัยของผู้คนเลยไม่ได้ พอใครพูดไม่ถูกหูก็สั่งให้ฆ่า จะไม่ใจคอคับแคบเกินไปหน่อยหรือ!”
คนที่พูดคือผู้อาวุโสใหญ่
เห็นได้ชัดว่าทุกคนรับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้ว เป็นเพราะมีคนสงสัยในตัวนางก่อน ถึงได้มีคนใช้ไข่เน่าปาใส่นาง แต่กรรมเกิดจากเหตุ หนี้ต้องมีเจ้า นางไม่สั่งให้จับคนก่อเรื่อง แต่กลับทำร้ายสตรีคนหนึ่งกับเด็กตาดำๆ จนถึงแก่ชีวิต นางคิดจะใช้วิธีการรุนแรงในการเขย่าขวัญชาวประชา นับว่าโง่เขลาเบาปัญญายิ่งนัก!
เวลานี้ข้างนอกลือกันไปหนาหู บอกว่าจั๋วหม่าน้อยที่อยู่ในปราสาทเฮ่อหลันไม่ใช่ตัวจริงแน่นอน เพราะจั๋วหม่าน้อยไม่มีทางฆ่าคนในชนเผ่าตนเอง คนที่อยู่ในปราสาทไซน่าต่างหากที่เป็นจั๋วหม่าน้อยของพวกเขา
เหล่าผู้อาวุโสปวดหัวกับข่าวเช่นนี้ไม่น้อยเช่นกัน
“ผู้อาวุโสใหญ่”
สตรีนางนั้นไม่รู้มาปรากฏตัวที่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไร นางเดินเข้ามาด้วยสีหน้าน่าสงสาร ทำความเคารพเหอจั๋วและผู้อาวุโสทุกคนอย่างสงบเสงี่ยม “เรื่องในครั้งนี้เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ข้าไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้ทันท่วงที ข้าเสียใจยิ่งนัก แต่ขอให้ทุกท่านเชื่อในตัวข้า ว่าข้าไม่ได้สั่งให้พวกเขาทำเช่นนั้น”
“หากกล่าวเช่นนี้ ทั้งหมดก็เป็นความรับผิดชอบขององครักษ์อย่างนั้นสิ” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยประชด
สตรีนางนั้นส่ายหน้า “มิได้ จะโทษพวกเขามิได้ พวกเขาทำไปเพื่อคุ้มครองข้า พวกท่านไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่รู้ว่าในตอนนั้นวุ่นวายเพียงใด หลายอย่างมีที่มาไม่ชัดเจน… โยนเข้าใส่ข้า แม้แต่หัวข้าก็แตก…”
ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยเสียงเข้ม “ของที่จั๋วหม่าน้อยกล่าวถึงนั่น หมายถึงไข่เน่าไม่กี่ฟองนั้นน่ะหรือ”
สตรีนางนั้นรีบบอกว่า “ยังมีก้อนหินด้วย!”
ผู้อาวุใสใหญ่หน้าบึ้งลง “ดังนั้นด้วยอารามโกรธ เจ้าจึงสังหารเด็กกับสตรีเพื่อเป็นการระบายโทสะงั้นหรือ”
สตรีนางนั้นรีบปฏิเสธ “ข้าไม่ได้ทำ!”
ด้วยเพราะความร้อนรนจนเกินไป เสียงของนางจึงดังขึ้นกว่าปกติสามส่วน ทุกคนขมวดคิ้วเล็กน้อยโดยพลัน นางรู้สึกตัวว่าเสียกิริยา จึงก้มหน้าทำท่าทางบอบบางน่าสงสาร “ท่านตา ผู้อาวุโสทุกท่าน ข้ารู้ว่าข้าพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ข้ากล้าสาบานต่อองค์เทพ ว่าข้าไม่เคยสั่งให้ทำร้ายใคร หากพวกท่านไม่เชื่อ จะไปสอบถามองครักษ์ที่ติดตามข้าดูก็ได้ สถานการณ์ในเวลานั้นบังคับให้ทำเช่นนั้นจริงๆ”
“ดังนั้นจั๋วหม่าน้อยจึงคิดว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิดอย่างนั้นสิ” ผู้อาวุโสใหญ่ถาม
สตรีนางนั้นเอ่ยจากใจจริงว่า “มิได้ ข้ามีความผิด เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะข้า ข้าไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้ ขอผู้อาวุโสทุกท่านโปรดลงโทษข้าด้วย”
นี่ค่อยน่าฟังหน่อย
สตรีนางนั้นพูดเสียงเบา “ต่อให้ข้าต้องไปจากชนเผ่าถ่าน่า ข้าก็ยอมรับ หวังเพียงว่าก่อนข้าไป ข้าจะได้พบหน้าท่านแม่สักครั้ง”
ภายในตำหนักมีแต่ความเงียบงัน
สตรีนางนั้นพูดต่อว่า “เดิมทีข้าก็ไม่ได้วาดหวังว่าตนเองจะได้เป็นจั๋วหม่าน้อยของชนเผ่าถ่าน่า ข้ามาที่นี่ก็เพียงเพื่อได้อยู่พร้อมหน้ากับท่านแม่และท่านตา ขอเพียงได้พบหน้าท่านแม่ ชีวิตนี้ข้าก็ไม่มีอะไรให้เสียใจแล้ว”
เงียบสงัด ทุกอย่างเงียบงันไปจนสิ้น
เหอจั๋วเอ่ยปากขึ้นว่า “เรื่องนี้ปล่อยไว้ก่อนชั่วคราว มาคิดถึงเรื่องขึ้นบัญชีวงศ์ตระกูลก่อนดีหรือไม่”
ผู้อาวุโสใหญ่ “สถานการณ์ในยามนี้ ขึ้นบัญชีวงศ์ตระกูลคงจะเป็นไปได้ยากแล้วกระมัง”
เขาลือกันไปทั่วเกาะว่าจั๋วหม่าน้อยผู้นี้เป็นตัวปลอม เดิมทีเป็นการเล่าลือเพียงลมปาก แต่เวลานี้นางใช้อำนาจรังแกผู้คน ทำร้ายสตรีกับเด็กจนถึงแก่ชีวิต ชาวบ้านจึงวิพากษ์วิจารณ์นางกันอย่างดุดันขึ้นเรื่อยๆ
หากทุกคนไม่มีใครยอมรับจั๋วหม่าน้อยผู้นี้ ต่อให้นางเป็นตัวจริงแล้วอย่างไร
เหอจั๋วเอ่ยด้วยความหนักใจ “บัญชีวงศ์ตระกูลนั้นอย่างไรก็ต้องจัดการให้เรียบร้อย ขอให้ผู้อาวุโสทุกท่านช่วยคิดหาทางด้วย”
สตรีนางนั้นโล่งอกขึ้นมาทันที โชคดีที่เหอจั๋วยังยืนอยู่ข้างนาง!
เหอจั๋วกับผู้อาวุโสทั้งหลายหารือกันอยู่เป็นครึ่งค่อนคืน สุดท้ายได้มาเป็นวิธีที่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย นั่นคือ การประลอง
นี่ไม่ใช่การประลองธรรมดาทั่วไป นอกจากผู้อาวุโสทั้งหลายกับเหอจั๋วแล้ว ชาวบ้านทั่วทั้งเกาะไม่ว่าสูงศักดิ์หรือต่ำต้อย สามารถมาช่วยกันแยกตัวจริงตัวปลอมได้ทั้งสิ้น
“นี่มันน่าขันเกินไปแล้ว! ข้าเป็นหลานสาวของท่านตา กระทั่งท่านตายังยอมรับข้าแล้ว มีเหตุอันใดต้องให้ผู้อื่นมาเจ้ากี้เจ้าการอีก” สตรีนางนั้นพูดด้วยความไม่พอใจ
ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “หากเจ้าเป็นคนที่องค์เทพคัดสรร องค์เทพจะคุ้มครองเจ้าเอง และจะได้รับความรักของคนทั้งชนเผ่าด้วยเช่นกัน”
…
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกมา ก็แทบจะแพร่ไปถึงปราสาทไซน่าในทันที เฉียวเวยมองเยี่ยนเฟยเจวี๋ยด้วยความตกใจ “จริงหรือนี่ เจ้าฟังใครพูดมา”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกัดลูกแพร์เนื้อแน่นหวานฉ่ำคำหนึ่ง “ไซน่าฮูหยินน่ะสิ! ปราสาทเฮ่อหลันเพิ่งส่งข่าวมา ไซน่าฮูหยินเลยบอกข้า ให้ข้าบอกเจ้าให้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ”
เฉียวเวยจึงบอกว่า “เตรียมตัวอย่างไร ประลองอะไร”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยใคร่ครวญอย่างจริงจัง “เรื่องนี้ข้าก็ไม่แน่ใจ ข้าไปช่วยถามให้ก็แล้วกัน”
เฉียวเวยโบกมือ “ช่างเถอะ หากไซน่าฮูหยินรู้ คงบอกเจ้าไปนานแล้ว”
“จะว่าเช่นนั้นก็จริง!” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยหาเก้าอี้มานั่งลง
เฉียวเวยขมวดคิ้ว พูดด้วยความไม่เข้าใจ “ข้าเป็นสายเลือดตระกูลเฮ่อหลัน ข้าจะรับท่านตาหรือไม่ ท่านตาจะรับข้าหรือไม่ก็เป็นเรื่องภายในตระกูลเฮ่อหลันเท่านั้น เหตุใดต้องให้คนนอกมากมายเพียงนี้เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย หากเกิดข้าแพ้ขึ้นมา ข้าก็จะไม่ใช่หลานของท่านตาแล้วอย่างนั้นหรือ”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยผายมือ “ก็เพราะเหตุวุ่นวายในวันนั้นอย่างไรเล่า คนบนเกาะกล่าวโทษจั๋วหม่าน้อยตัวปลอมนั่นกันยกใหญ่ ท่านตาเจ้าคิดอยากใช้โอกาสนี้ให้นางได้แสดงฝีมือ ให้คนทั้งเกาะได้เห็นความเป็นเลิศของนาง และจะได้ยอมรับนางใหม่อีกครั้ง ให้นางได้ขึ้นบัญชีวงศ์ตระกูลอย่างราบรื่น!”
เฉียวเวยพลันเดือดดาล “เหตุใดท่านตาข้าจึงเป็นเช่นนี้ ข้าตัวจริงไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา เขากลับไม่ยอมรับ แต่ดันถูกเจ้าตัวปลอมหลอกจนหลงมัวเมาไปหมด! ใครอยากจะเป็นจั๋วหม่าน้อยของเขากัน! หากไม่ใช่เพื่อผลสองภพกับท่านแม่ ข้า… ข้า… ข้าอยากไปเสียเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ!”
จีหมิงซิวคิดถึงข่าวลือบนเกาะเกี่ยวกับเหอจั๋ว ชายชราที่หลักแหลมผู้นั้นจะหูตามืดบอดจนแม้กระทั่งหลานสาวตัวเองก็ยังดูไม่ออกเชียวหรือ
จีหมิงซิวจับมือนางไว้ “หากยอมแพ้ง่ายๆ จะทำให้ศัตรูหัวเราะเยาะเอาได้นะ”
เฉียวเวยกำหมัดทุบโต๊ะทันที “ข้าไม่ให้นางได้หัวเราะเยาะแน่!”
จีหมิงซิวจับปอยผมตรงข้างหูนาง “เช่นนั้นก็ไปเอาชนะนางเสีย”