บทที่ 973 สงสัยหลิวชิงซาน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 973 สงสัยหลิวชิงซาน

บทที่ 973 สงสัยหลิวชิงซาน

เดิมทีฉินเย่จือวางแผนที่จะออกไปตามหากู้ฟางสี่ตอนกลางคืน

เขาและอาโมต่างก็รู้ศิลปะการต่อสู้ และเมื่อถึงเวลาพวกเขาจะไปยังสถานที่ที่ไม่รู้จักในเมืองหลิวเจีย เพื่อดูว่านางอยู่ที่นั่นหรือไม่

แต่เรื่องนี้เขาไม่สามารถบอกกล่าวกู้เสี่ยวหวานได้ หากเขาแพร่งพรายเรื่องนี้ไป นางอาจจะหวาดกลัวจนไม่สามารถพักผ่อนได้ทั้งคืน

สัมผัสที่อ่อนโยนของฉินเย่จือตกอยู่ในสายตาของผู้อื่น และทำให้แววตาของฉือโถวฉายแววเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน

แต่ทว่ามันดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก

ในขณะนี้ เขาก็ยืนขึ้นและพูดอย่างหนักแน่นว่า “พี่ใหญ่ฉิน ข้าจะไปกับท่านด้วย”

ฉินเย่จือส่ายศีรษะ “เจ้าอย่าไปเลย เจ้าอยู่บ้านและปกป้องพวกหวานเอ๋อร์เถอะ ข้าจะไปกับอาโม่”

หลังอาหารเย็น ฉินเย่จือและอาโม่ก็จากไป

คืนนี้ กู้เสี่ยวหวานลืมตานอนไม่หลับทั้งคืน

เมื่อใกล้รุ่งสาง ฉินเย่จือและอาโม่ก็กลับมา

เมื่อได้ยินความโกลาหลข้างนอก ประตูทั้งหมดก็เปิดออกและกู้เสี่ยวหวานก็วิ่งออกไปถามความคืบหน้าจากฉินเย่จือทันที

ฉินเย่จือไปที่หอนางโลมและค้นหารอบ ๆ หากแต่ก็ไม่พบร่องรอยของกู้ฟางสี่เลย

ทว่าการเดินทางครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้ข่าวสำคัญอีกอย่าง

“หลิวชิงซานได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกแล้ว”

“ทำไมล่ะเขาไม่ได้ถูกจำคุกเป็นเวลานานหรอกหรือ? ทำไมเวลาแค่ปีเดียวเขาก็ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว” ทุกคนต่างประหลาดใจเมื่อได้ยินว่าหลิวชิงซานได้รับการปล่อยตัวแล้ว

เขาออกจากห้องขังมาได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม ฉินเย่จือก็ไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน

การที่ได้รับข่าวเช่นนี้ จึงถือได้ว่าเป็นเบาะแสหนึ่งที่จะรู้ได้ว่ากู้ฟางสี่หายตัวไปได้อย่างไร

หากหลิวชิงซานเป็นอิสระ เขาอาจจะเป็นคนลักพาตัวกู้ฟางสี่ไปก็ได้

เดิมทีเขาโกรธแค้นกู้เสี่ยวหวาน และต่อมาก็ถูกจับขังในคุกเพราะกู้เสี่ยวหวานอีก

ความโกรธทั้งหมดนี้ต้องพุ่งไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างแน่นอน

แต่เขาย่อมไม่กล้าล่วงเกินกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นเขาจึงพุ่งเป้าหมายไปที่กู้ฟางสี่

กู้ฟางสี่เคยเป็นภรรยาของเขามาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวนางอย่างแน่นอน

“ได้ยินคนพูดว่าหลิวชิงซานดูเหมือนจะร่ำรวยขึ้นและกินดื่มข้างนอกทุกวัน” อาโม่ยังบอกข่าวที่เขาได้รับมา

ร่ำรวย…

หลิวชิงซานผู้นี้เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากห้องขัง เขาจะมีเงินได้อย่างไร?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ยิ่งแน่ใจว่าหลิวชิงซานต้องเป็นคนที่ลักพาตัวกู้ฟางสี่ไปแน่

กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป พวกเขาจึงรีบขึ้นรถม้าและมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านต้าหม่าทันทีที่ฟ้ายังไม่สาง

เมื่อมาถึงหมู่บ้านต้าหม่า พระอาทิตย์ก็เพิ่งขึ้น

เป็นเวลาที่ชาวนาพากันออกไปทำงานข้างนอก

กู้เสี่ยวหวานสอบถามผู้คนมากหน้าหลายตา พวกเขาบอกว่าหลิวชิงซานไม่ได้กลับมาที่หมู่บ้านต้าหม่า และไม่มีใครเห็นเขามานานมากแล้ว

กู้เสี่ยวหวานยังคงไม่เชื่อ และเมื่อมาถึงบ้านของหลิวชิงซานก็พบว่ามันเป็นเพียงบ้านดินเก่าหลังเล็ก ๆ มีแม่กุญแจที่เป็นสนิมคล้องอยู่ที่ประตู

บ้านดินถูกน้ำฝนพัดหายไปเกือบครึ่งหลัง ผุพังจนสามารถมองเห็นข้างในได้ง่ายดาย

หน้าต่างนอกห้องโถงอยู่ในสภาพทรุดโทรมเป็นเวลานาน ไม้ก็ถูกหนูแทะจนแตกหักเป็นชิ้นเล้กชิ้นน้อย บ้านทั้งหลังดูสั่นคลอน ถ้ามีคนดึงเบา ๆ กรอบหน้าต่างก็คงจะหลุดลงมา

เมื่อเห็นใครบางคนยืนอยู่หน้าบ้านของหลิวชิงซาน คนผู้นั้นเป็นหญิงชราวัยหกสิบถึงเจ็ดสิบปี นางมีรูปเท้าเรียวเล็กคล้ายบัวทองสามนิ้ว*[1] กำลังเดินเข้ามาและพูดกับพวกกู้เสี่ยวหวานว่า “ลูกชายตระกูลหลิวไม่กลับมาหลายปีแล้ว พวกเจ้าเป็นอะไรกับเขากัน?”

กู้เสี่ยวหวานส่ายศีรษะและถามว่า “ท่านแม่เฒ่า ในครอบครัวของหลิวชิงซานยังมีใครอยู่อีกบ้าง”

“ฮึ่ม ทุกคนในครอบครัวเขาตายหมด คนผู้นี้เลวร้ายเกินไป ภรรยาของเขาก็ถูกเขาทุบตีจนสูญเสียลูกไปสองคน แล้วจะยังมีคนอื่นได้อย่างไร เหอะ ๆ เจ้าไม่รู้หรอก คนที่ถูกทุบตีช่างน่าสงสารยิ่งนัก สาวน้อยฟางสี่คนนั้นแท้งลูก นอนเลือดไหลอยู่บนเตียงอยู่สองวันสองคืน ไอ้สารเลวนั่นไม่แม้แต่จะจ้างหมอมาดูนาง ตัวเองเอาเงินไปเที่ยวในเมืองเพื่อกินดื่ม ถ้าข้าไม่เอาขี้เถ้าจากธูปมาหยุดเลือดให้นาง เกรงว่าฟางสี่คนนั้นคงจะตายไปนานแล้ว” หญิงชราข้างบ้านถือไม้ค้ำอยู่ในมือ และเมื่อใดก็ตามที่กล่าวถึงหลิวชิงซาน นางก็จะยกไม้ค้ำในมือกระแทกพื้นอย่างแรง เพราะนางเกลียดหลิวชิงซานมาก

กู้เสี่ยวหวานรู้เพียงว่าท่านอาของนางไม่เคยมีลูก แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

ครั้งนี้เมื่อได้ยินมาว่ากู้ฟางสี่แท้งลูกเพราะไอ้เศษสวะอย่างหลิวชิงซานนั่น และนางต้องจมกองเลือดอยู่บนเตียงเป็นเวลาสองวันสองคืน ส่วนหลิวชิงซานไม่แม้แต่จะตามหมอมาดูนาง เรื่องนี้มันอันตรายถึงชีวิตด้วยซ้ำ กู้เสี่ยวหวานเกลียดจนอยากจะฆ่าไอ้คนสารเลวนั่นให้ตาย

ฉินเย่จือที่อยู่ด้านข้างรู้สึกถึงความโกรธของกู้เสี่ยวหวาน เขาจึงรีบโอบไหล่ของนางเอาไว้เพื่อเกลี้ยกล่อมนางให้สงบลง

หลังจากบอกลาหญิงชราและขึ้นรถม้าเพื่อเตรียมเดินทางกลับ ยิ่งกู้เสี่ยวหวานคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น

ท่านอาไปทำเวรกรรมใดในชาติที่แล้วกัน ชาตินี้ถึงได้มาพบกับพี่ชายและพี่สะใภ้ที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาในตอนนั้น ท่านอาคงไม่มีวันแต่งงานกับหลิวชิงซาน

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็กัดฟันกรอดและหวังว่าตนเองจะแก้แค้นหลิวชิงซานได้

พวกเขายังหาตัวหลิวชิงซานไม่พบ แต่เมื่อพิจารณาจากการเคลื่อนไหวของเขา มีแนวโน้มว่าท่านอาจะถูกเขาลักพาตัวไป

ภารกิจที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการตามหาเบาะแสของหลิวชิงซาน

เมื่อพวกเขามาถึงเมืองหลิวเจีย จึงรีบตรงไปยังร้านจิ่นฝูทันที

พวกเขาตกลงกันตั้งแต่แรกว่าถ้าได้เบาะแสจะไปหารือกันที่ร้านจิ่นฝู

เมื่อพวกเขามาถึงร้านจิ่นฝูก็ได้ยินลูกจ้างภายในร้านบอกกู้เสี่ยวหวานว่าอาโม่ขอให้พวกเขาไปที่บ่อนพนัน

ดูเหมือนว่าอาโม่จะพบหลิวชิงซานแล้ว

เมื่อพวกเขาไปถึงบ่อนพนัน กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้เข้าไป

ฉินเย่จือบอกให้ฉือโถวดูแลกู้เสี่ยวหวานให้ดี จากนั้นเขาก็รีบเข้าไปข้างในทันที หลังจากนั้นไม่นาน หลิวชิงซานก็ถูกลากตัวออกมา

หลิวชิงซานกำลังมีช่วงเวลาที่ดี และเมื่อเขาออกมาเพื่อผ่อนคลายก็ถูกตีจากด้านหลัง และหมดสติไป

เมื่อเขาตื่นขึ้นก็พบว่าตนเองถูกพามายังสวนกู้

เมื่อมองไปยังกู้เสี่ยวหวานที่จ้องเขม็งราวกับจะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ หลิวชิงซานก็หัวเราะเบา ๆ พลางลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนพื้นด้วยท่าทางไม่แยแส “ทำไมหรือเสี่ยวหวาน เชิญอาเขยกลับมาเพราะคิดได้แล้วใช่ไหมว่าจะให้อากลับไปคืนดีกับอาของเจ้า”

“ถุย” ป้าจางถ่มน้ำลายรดหน้าหลิวชิงซาน เมื่อนางได้ยินคำพูดไร้ยางอายของเขา “หลิวชิงซาน เจ้ารีบพูดมาว่าเจ้าซ่อนฟางสี่ไว้ที่ไหน?”

*[1] บัวทองสามนิ้ว เป็นคำเรียกการรัดเท้าจนมีรูปเท้าเรียวเล็กคล้ายดอกบัว